รายงานพิเศษ

 

แม้ ‘พี่ป้อม’ ยกธงหนุน

แต่ ‘น้องตู่’ ก็ยังหวั่น

กองทัพจ้อง 2 ป.

ตท.23 จ่อสยายปีก

กางโผ 7 เสืออากาศ

ชิงแม่ทัพฟ้า ระวัง ‘ม้ามืด’

 

เกมการเมือง แผนการล้มบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่นสะเทือนถึงกองทัพ เมื่อน้องๆ ในกองทัพ ต่างเห็นรอยร้าวของพี่น้อง 3 ป.

โดยเฉพาะเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ และพี่ใหญ่ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ส่อเค้าจะแตกร้าวกันหนักขึ้น

จนถึงขั้นที่สายวงษ์สุวรรณ จะดัน พล.อ.ประวิตรเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะด้วยเงื่อนไขที่ พล.อ.ประยุทธ์เกิดอุบัติทางการเมือง ทั้งในเรื่องคุณสมบัติ และเกมการเมืองในสภา หรือแม้แต่หลังการเลือกตั้ง

วาทกรรม นายกฯ สำรอง นายกฯ ขัดตาทัพ นายกฯ นอกตะกร้า จึงเกิดขึ้น เพื่อเขย่าขวัญ พล.อ.ประยุทธ์

แต่พร้อมๆ กันนั้น ก็ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร มองหน้ากันไม่สนิทใจ เพราะน้องตู่ก็หวาดระแวง กลัวว่าพี่ป้อมจะร่วมขบวนการล้มน้องจริง

จึงไม่แปลกที่เมื่อ พล.อ.ประวิตรหลุดคำว่า “คนสำรอง” ออกมา ครั้งที่นักข่าวถามถึงอุบัติเหตุทางการเมือง จนจุดประเด็นนายกฯ สำรองขึ้นมานั้น พล.อ.ประยุทธ์ก็ถาม พล.อ.ประวิตรทันที ซึ่งก็ได้คำตอบว่า ไม่ได้พูดแบบนั้น นักข่าวตีความเอง

แต่ที่ยิ่งตอกลิ่ม ก็เมื่อบิ๊กน้อย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย น้องรัก และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาฯ พรรค ลูกเลิฟ ออกมาหนุน พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ แถมพลิกรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 วรรคสอง เปิดช่อง พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ นอกตะกร้า ราวกับเตรียมการไว้แล้ว

ร้อนถึง พล.อ.ประยุทธ์ต้องโทร.หา พล.อ.ประวิตรทันที เฉ่งยับ พล.อ.วิชญ์ และ ร.อ.ธรรมนัส ที่พูดแบบนั้นออกสื่อ ทำให้เกิดความสับสนในทางการเมือง ความขัดแย้ง

จนทำให้ พล.อ.ประวิตรต้องสะกิดให้ พล.อ.วิชญ์แก้ข่าว

ขณะที่ พล.อ.ประวิตรยืนยันกับ พล.อ.ประยุทธ์ และกองเชียร์วงษ์สุวรรณ ว่า “ไม่ต้องการเป็นนายกฯ สุขภาพไม่ดี เป็นไม่ไหวหรอก แค่นี้ก็จะแย่แล้ว ขาก็เดินไม่ถนัด จะเป็นนายกฯ ได้ยังไง”

แม้จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์สบายใจขึ้น แต่ก็ห่วงการเดินเกมในสภาของ ร.อ.ธรรมนัสกับพรรคร่วมรัฐบาลขนาดเล็ก และพรรคฝ่ายค้าน จนเป็นที่มาของขบวนการล้มนายกฯ ภาค 2 หลังจากที่เคยมีความพยายามครั้งแรก ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อปีที่แล้ว

แม้ พล.อ.ประวิตรยืนยันว่าคุยกับ พล.อ.วิชญ์ได้ แต่กับ ร.อ.ธรรมนัสนั้นไม่ง่าย เพราะมีความชัดเจนในจุดยืน ที่ไม่หนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ

ดังนั้น จึงทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ยังหวาดระแวง พล.อ.ประวิตร และกังขาว่าจะรู้เห็นเป็นใจกับ ร.อ.ธรรมนัส หรือไม่ ยิ่งมีบิ๊กป๊อก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. น้องชายบิ๊กป้อม เป็นกุนซือของพรรคเศรษฐกิจไทยด้วย

ถึงขั้นที่ ร.อ.ธรรมนัสเตือนเรื่องมือที่มองไม่เห็นในสภา และเกมซ่อนมีด ที่อาจมีมิตร แต่ถือมีดไว้ข้างหลัง ที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ยิ่งหวาดระแวง จนต้องเช็กเสียงกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลแต่เนิ่นๆ

ทั้งยังสะท้อนได้ว่า ขบวนการล้มนายกฯ ไม่ใช่มีแต่ในสภา แต่ยังเดินเกมกับมวลชนนอกสภา เช่น ความเคลื่อนไหวของนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานญาติวีรชน 35 ที่ออกมาหนุน พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ

จนทำให้มีการออกมาปูดข่าวเรื่องซื้อ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล หัวละ 30 ล้าน เพื่อล้มนายกฯ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งนี้ ก็เพื่อตีกันเอาไว้ก่อน

โดย พล.อ.ประยุทธ์ก็รับลูกด้วยการเรียกร้องให้ช่วยกันตรวจสอบว่า ส.ส.คนใด พรรคไหนทำแบบนี้ พร้อมออกตัวว่า ผมไม่เคยทำ

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ตอนจะโดนล้มในสภา ก็มีข่าวสะพัด หรือการแจกกล้วย เกทับบลั๊ฟฟ์แหลกเพื่อกอบกู้เสียงในสภา จนมี ส.ส.เอาไปพูดในสภาเลยทีเดียว

ดังนั้น หาก พล.อ.ประวิตรไม่ช่วยในครั้งนี้ ก็ยากที่ พล.อ.ประยุทธ์จะรอดพ้นจากขบวนการล้มนายกฯ เพราะการเจรจาต่อรองทางการเมือง ไม่ใช่มีแค่กล้วย และผลประโยชน์ หรือเก้าอี้เท่านั้น แต่บารมี สายสัมพันธ์ มีความสำคัญไม่แพ้กัน

จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์จะยืนยันว่า คุยกับ พล.อ.ประวิตรทุกวัน และอ้างคำพูด พล.อ.ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐว่า จะเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค แค่ชื่อเดียว และยินดีที่จะสนับสนุนเป็นนายกฯ ตลอดไป

แต่ก็แปลก ที่แม้นักข่าวจะถาม พล.อ.ประวิตรกี่ครั้ง แต่ พล.อ.ประวิตรก็ไม่เคยพูดยืนยันชัดๆ เลยว่าจะเสนอแค่ชื่อเดียว

ด้วยความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นของ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ นี้จึงทำให้บรรดาน้องๆ ทหารในกองทัพ ที่เคยเป็นสายอำนาจ 3 ป. ก็ต้องปรับรูปขบวนกันไม่น้อย

เพราะหาก พล.อ.ประยุทธ์โดนล้ม หรือไม่ได้กลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัย ก็จะทำให้อำนาจในกองทัพที่เคยอยู่ในมือ 3 ป.มายาวนานกว่า 10 ปี ไม่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะการวางตัว ผบ.ทบ.คนต่อๆ ไป

ขณะที่ชาวทัพฟ้ายังเดาใจเดาทางบิ๊กป้อง พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผบ.ทอ. ยังไม่ออกว่าจะเลือกใครเป็น ผบ.ทอ.แทน ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ด้วยเพราะเป็นครั้งแรกที่ใน 5 ฉลามอากาศ ล้วนเป็นแคนดิเดตชิง ผบ.ทอ.ทั้งสิ้น ทั้งรอง ผบ.ทอ., ผช.ผบ.ทอ. 2 คน, เสธ.ทอ. และ ผบ.คปอ. แถมด้วย 2 พลอากาศเอก

โดยเฉพาะบิ๊กป้อม พล.อ.อ.ธนศักดิ์ เมตะนันท์ (ตท.22) รอง ผบ.ทอ. ที่ถือว่าอาวุโสที่สุด หลังจากที่บิ๊กแอร์ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ทิ้งทวนก่อนเกษียณ ดึง พล.อ.อ.ธนศักดิ์กลับจากรอง เสธ.ทหาร บก.ทัพไทย เพื่อคืนความชอบธรรม ที่ถูก พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ เตะออกไป สมัยเป็น ผบ.ทอ.ก่อนหน้านั้น

จึงเหมือนกับว่า พล.อ.อ.แอร์บูลได้วางตัว พล.อ.อ.ธนศักดิ์ไว้แล้ว จึงดึงกลับมาเป็นรอง ผบ.ทอ. เพื่อที่จะมาบล็อกบิ๊กหนึ่ง พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา ผช.ผบ.ทอ. รุ่นน้อง ตท.23 ที่ พล.อ.อ.มานัตวางตัวไว้เป็น ผบ.ทอ. เพราะ พล.อ.อ.ธนศักดิ์เกษียณกันยายน 2567 ปิดโอกาส พล.อ.อ.ชานนท์ที่เกษียณพร้อมกัน

แถมทั้ง พล.อ.อ.แอร์บูลก็เป็นเพื่อน ตท.21 ของ พล.อ.อ.นภาเดช และเป็นคนตั้ง พล.อ.อ.นภาเดชเป็น ผบ.ทอ.แทน จึงอาจทำให้ พล.อ.อ.นภาเดชเกรงใจ และจะเลือก พล.อ.อ.ธนศักดิ์เป็น ผบ.ทอ.คนต่อไป

แต่ทว่า พล.อ.อ.นภาเดชไม่ได้สนิทสนมกับ พล.อ.อ.ธนศักดิ์มาก่อน เพราะเติบโตมาจากคนละกองบิน พล.อ.อ.นภาเดชเป็นนักบินเอฟ 16 ที่เติบโตมาจากกองบิน 1 นครราชสีมา ส่วน พล.อ.อ.ธนศักดิ์เป็นนักบิน OV10 เติบโตมาจากกองบิน 56 หาดใหญ่ จ.สงขลา เคยเป็นผู้บังคับฝูงบิน 561 เป็นรอง ผบ.กองบิน 41 เชียงใหม่ และเคยเป็น ผอ.กองยุทธการ กรมยุทธการ ทอ. จนเป็นเจ้ากรมข่าว ทอ. และรอง เสธ.ทอ.

แม้จะไม่ใช่นักบินขับไล่ แต่น้องๆ ก็ตั้ง callsign นามเรียกขานให้ว่า “Little Joe” เพราะหน้าตาคล้ายฝรั่ง

แต่ในทางบวก พล.อ.อ.ธนศักดิ์เป็นน้องรักของบิ๊กต่าย พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน อดีต ผบ.ทอ. ที่เป็นรุ่นพี่ ตท.18 และเป็นนักบินเอฟ 16 ที่เติบโตในกองบิน 1 ที่ พล.อ.อ.นภาเดชให้ความเคารพรัก แม้ในอดีตจะเคยมีเรื่องคาใจกัน แต่ต่อมา พล.อ.อ.นภาเดช ที่ตอนนั้นเป็น ผบ.คปอ. ก็ไปพบ เคลียร์ใจกับ พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ที่ก็เป็นคนตั้ง พล.อ.อ.นภาเดชเป็น ผบ.คปอ. ไม่ได้เตะออกไปนอก ทอ.

อย่างไรก็ตาม พล.อ.อ.นภาเดชก็แต่งตั้ง พล.อ.อ.ธนศักดิ์เป็นประธานคณะกรรมการศึกษา เครื่องบินขับไล่ฝูงใหม่ของ ทอ. หรือเอฟ 35 อาจด้วยเพราะ พล.อ.อ.ธนศักดิ์เคยเป็น ผช.ทูตทหารอากาศ ประจำวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา

จนทำให้ พล.อ.อ.ธนศักดิ์ถูกมองว่าจะได้รับความไว้วางใจ และสานต่อโครงการจัดซื้อเครื่องบินเอฟ 35

ขณะที่ ตท.22 ยังมีบิ๊กตุ๊ด พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผช.ผบ.ทอ. เป็นแคนดิเดตอีกคน ที่มาแบบเงียบๆ เพราะ พล.อ.อ.แอร์บูลดันขึ้นมาจากผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. เพราะโตจากปลัดบัญชี ทอ.มาด้วยกัน

พล.อ.อ.อลงกรณ์เป็นนักบินเครื่อง T-Bird และเคยบิน L-39 แต่เสียเปรียบแคนดิเดตคนอื่นคือ ไม่เคยเป็น ผช.ทูตทหาร และผู้บังคับฝูง หรือผู้บังคับการกองบิน แต่เติบโตมาในกองบิน 56 และเคยเป็นนายทหารฝ่ายเสนาธิการของบิ๊กต้อย พล.อ.อ.ธนนิตย์ เนียมทันต์ ผบ.ทอ. และมีอายุราชการถึงกันยายน 2566 จึงน่าจะมีโอกาสน้อย

แต่หากพิจารณาที่ความสนิทสนมใกล้ชิด แบบที่เรียกว่า รู้ใจ รู้มือ ก็เป็นที่รู้กันดีว่า พล.อ.อ.นภาเดชแนบแน่นกับบิ๊กต้น พล.อ.อ.คงศักดิ์ จันทรโสภา ผบ.คปอ. เพราะเป็นรุ่นน้อง ตท.22 ที่เป็นนักบินเอฟ 16 callsign ‘Rocket’ ที่เติบโตมาจากกองบิน 1 ด้วยกัน สนิทกันมากแบบที่เรียกว่า มองตารู้ใจ และรู้ความคิด และไลฟ์สไตล์ต่างๆ ของ พล.อ.อ.นภาเดช

อีกทั้ง พล.อ.อ.คงศักดิ์เคยเป็น ผช.ทูต ทอ.ประจำสิงคโปร์ เคยเป็นเจ้ากรมข่าว ทอ. และรอง เสธ.ทอ. ก่อนขึ้น ผบ.คปอ. และมีอายุราชการแค่กันยายน 2566 หากเป็น ผบ.ทอ. ก็จะนั่งแค่ปีเดียว และวางตัวทายาทมาต่อได้

โดยเฉพาะบิ๊กไก่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนากุล เสธ.ทอ. รุ่นน้อง ตท.24 ที่เกษียณกันยายน 2568 มาต่อได้เลย เพราะถือเป็นน้องรักอีกคนของ พล.อ.อ.นภาเดช และมอบหมายงานสำคัญ โดยเฉพาะโครงการจัดซื้อเอฟ 35 เพราะก็เป็นนักบินเอฟ 16 callsign ‘Armstrong’ เคยเป็นผู้บังคับฝูงบิน 403 กองบิน 4 ผู้บังคับการกองบิน 7 ผู้ช่วยทูต ทอ.ไทยที่กรุงลอนดอน อังกฤษ เจ้ากรมข่าวทหารอากาศ รอง เสธ.ทอ. และขึ้น เสธ.ทอ.

แต่ใน ทอ.ก็จับตามองว่า หาก พล.อ.อ.นภาเดชจะสานต่อโครงการเอฟ 35 ให้สำเร็จต่อเนื่อง ก็อาจดัน พล.อ.อ.พันธ์ภักดี ขึ้น ผบ.ทอ. นั่งยาว 3 ปีเลย เพราะโปรไฟล์ก็ไม่ธรรมดา เคยเป็น ผบ.ฝูงบิน 403 กองบิน 4 ผู้บังคับการกองบิน 7 ผู้ช่วยทูต ทอ.ที่ลอนดอน อังกฤษ เคยเป็นเจ้ากรมข่าวทหารอากาศ รอง เสธ.ทอ. และขึ้น เสธ.ทอ.

ที่ชาวทัพฟ้ากำลังจับจ้องอีกเรื่องคือ การที่ พล.อ.อ.นภาเดชดึงบิ๊กณะ พล.อ.อ.ณรงค์ อินทชาติ จากผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรืออากาศ นวมินทกษัตริยาธิราช (รร.นนก.) ขึ้นมาเป็นที่ปรึกษาพิเศษกองทัพอากาศ ติดยศพลอากาศเอก เมื่อโยกย้ายเมษายน 2565 ที่ผ่านมา ที่ทำให้อาจกลายเป็นม้ามืด

แม้จะคาดกันว่า พล.อ.อ.นภาเดชจะเตรียมดัน พล.อ.อ.ณรงค์ขึ้น 6 เสืออากาศ นั่ง ผบ.คปอ. หรือ ผช.ผบ.ทอ. ในโยกย้ายตุลาคมนี้ก็ตาม

แต่ด้วยอายุราชการถึงกันยายน 2567 และ พล.อ.อ.ณรงค์ (ตท.23 ) ‘Vigor’ เป็นน้องเลิฟอีกคนของ พล.อ.อ.นภาเดช ‘Snowy’ เพราะเป็นนักบินเอฟ 16 ที่อยู่กองบิน 1 ด้วยกันมา ที่สำคัญคือ เป็นนักกรีฑา วิ่งลมกรดมาด้วยกัน เพราะ พล.อ.อ.นภาเดชเคยทำสถิติเหรียญทองวิ่ง 100 ม., 200 ม., 4 x 100 ม. และ 4 x 400 ม. ในการแข่งขันกีฬาระหว่างโรงเรียนทหาร-ตำรวจ 3 ปีซ้อน และทำลายสถิติ จนได้รับเสื้อสามารถชั้นที่ 1 ของ นนอ. จนตอนนี้ก็ยังไม่มีใครทำลายสิถืติได้

แถมทั้ง พล.อ.อ.ณรงค์เป็นคนเก่งมาก โปรไฟล์เลิศ เพราะเคยเป็นผู้บังคับฝูงบิน 103 ผู้บังคับการกรมนักเรียนนายเรืออากาศรักษาพระองค์ และผู้บังคับการกองบิน 1 คล้ายๆ กับ พล.อ.อ.นภาเดช ขาดแต่ พล.อ.อ.ณรงค์ไม่เคยเป็น ผช.ทูตทหาร

ดังนั้น จึงทำให้ พล.อ.อ.ณรงค์เป็นตัวเลือกที่ไม่อาจมองข้าม และถือเป็นความหวังของ ตท.23 ใน ทอ. เนื่องจาก พล.อ.อ.ชานนท์นั้น อาจเสียโอกาสที่จะเป็น ผบ.ทอ. เพราะถูกตีตราว่าเป็นน้องรัก พล.อ.อ.มานัตไปแล้ว

แต่ดูท่า พล.อ.อ.นภาเดชจะไม่ค่อยเลิฟ พล.อ.อ.ชานนท์เท่าใดนัก แม้จะเป็นนักบินเอฟ 16 เหมือนกัน แต่โตมาจากคนละกองบิน แม้จะเป็นที่ยอมรับกันใน ทอ. และใน ตท.23 เหล่า ทบ. และ ทร. ว่าเป็นคนเก่ง มีความสามารถ แนวคิดดี และเป็นที่รักของเพื่อนฝูงพี่น้องก็ตาม

ด้วยความโดดเด่นและครบเครื่องของ พล.อ.อ.ชานนท์ ‘Canon’ ที่ฉายแวว เพราะเป็นทั้งผู้บังคับฝูงบิน 403 กองบิน 4 และเติบโตมาในกรมยุทธการ ทอ. เป็นผู้บังคับการกองบิน 4 และเป็นผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอากาศ ประจำกรุงสตอกโฮล์ม สวีเดน จนขึ้นมาเป็นเจ้ากรมยุทธการ ทอ. จึงทำให้ พล.อ.อ.มานัต ผบ.ทอ.ในเวลานั้น ดันขึ้นมาเป็นรอง เสธ.ทอ. เพื่อหวังให้เข้าไลน์ขึ้น ผบ.ทอ. นัยว่าเป็นนายทหารอากาศในสเป๊ก ที่มีความฉลาด สมาร์ต

แต่เมื่อ พล.อ.อ.มานัตเดินเกมพลาด ที่ไปเลือก พล.อ.อ.แอร์บูลเป็น ผบ.ทอ. จนเกิดการล้างบางกันขึ้น จึงทำให้ พล.อ.อ.ชานนท์โดนลูกหลงไปด้วย ทำให้ถูกมองว่ามีโอกาสน้อยที่จะได้เป็น ผบ.ทอ. เพราะเคยชิงเก้าอี้ ผบ.ทอ.กับ พล.อ.อ.นภาเดช มาเมื่อโยกย้ายตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา

อีกทั้ง พล.อ.อ.นภาเดชก็อยู่ฝ่าย พล.อ.อ.แอร์บูล เพื่อน ตท.21 ที่ไม่เอา พล.อ.อ.มานัตนั่นเอง

ยังมี ตท.23 อีกคน ที่ถือว่าเก่ง แต่ไม่อยู่ใน 6 เสืออากาศ อย่างบิ๊กจ๋า พล.อ.อพงษ์สวัสดิ์ จันทสาร ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. ที่ก็เป็นนักบินเอฟ 5 และเอฟ 16 callsign ‘Phoenix’ เติบโตมาจากกองบิน 1 แต่ได้ไปเป็นผู้บังคับฝูงบิน 231 กองบิน 23 เคยเป็นผู้บังคับการกรมนักเรียนนายเรืออากาศรักษาพระองค์ ผู้บังคับการกองบิน 4 ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอากาศ ประจำเบอร์ลิน เยอรมนี ที่ใครๆ ก็บอกว่า เหมาะจะขึ้นเป็น เสธ.ทอ. และมีอายุราชการถึงกันยายน 2557 อีกด้วย

การอ่านเกม อ่านใจ พล.อ.อ.นภาเดช จึงไม่ง่าย แต่ที่ชัดเจนคือ แม้จะเป็นคนรักเพื่อนรักฝูง พี่น้อง แต่ทว่า ก็เป็นคนที่ยึดระเบียบ หลักการ และประเพณี

ในขณะที่นายทหาร ตท.23 ใน ทบ. และ ทร.กำลังมาแรง ทั้งบิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผช.ผบ.ทอ. ทหารเสือฯ คอแดง น้องรักนายกฯ ที่เป็นตัวเต็ง ผบ.ทบ. ที่จะขึ้นแทนบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ที่จะเกษียณกันยายน 2566 อยู่แล้ว แต่มีข่าวสะพัดว่า อาจจะขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ในโยกย้ายตุลาคมนี้เลย เพราะ พล.อ.ณรงค์พันธ์อาจจะขยับไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด หลังนั่ง ผบ.ทบ.มาแล้ว 2 ปี หรืออาจได้รับตำแหน่งพิเศษ

ส่วน ทร.นั้น ตท.23 ก็ยังตั้งความหวังกับ เสธ.แจ๊ค พล.ร.อ.เถกิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ เสธ.ทร. ที่ยังมีสิทธิ์ชิง ผบ.ทร.ในตุลาคมนี้ แม้บิ๊กเฒ่า พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผบ.ทร. จะดึงบิ๊กจอร์จ พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ (ตท.22) กลับจากรอง เสธ.ทหาร มาเป็น ผช.ผบ.ทร. เป็นตัวเต็งก็ตาม แต่มีข่าวสะพัดว่า พล.ร.อ.สมประสงค์ยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกใคร แต่ให้ทุกคนทำงานแข่งกัน

แต่หาก พล.ร.อ.เถกิงศักดิ์พลาดเก้าอี้ ผบ.ทร. ตท.23 ก็ยังมีทั้งบิ๊กดุง พล.ร.ท.อะดุง พันธุ์เอี่ยม เจ้ากรมสื่อสาร ทร. และบิ๊กโอ๋ พล.ร.ท.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เจ้ากรมยุทธศึกษา ทร. ที่จะขยับขึ้น 5 ฉลามในตุลาคม 2565 นี้ เพื่อชิงเก้าอี้ ผบ.ทร.ในตุลาคม 2566 ต่อไป

สภาวการณ์ของกองทัพในเวลานี้ จึงเป็นการชิงเก้าอี้กันของ ตท.22 และ ตท.23 ในทุกเหล่าทัพ ขณะที่ ตท.20 กำลังจะอำลากองทัพ เมื่อบิ๊กหน่อย พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ เกษียณจากปลัดกลาโหม และ พล.ร.อ.สมประสงค์ ผบ.ทร. 30 กันยายน 2565 นี้

ขณะที่ ตท.21 ยังคงมีบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด อยู่ต่ออีกปี แต่จะรักษาเก้าอี้ไว้ได้ หรืออาจจำเป็นต้องขยับไปเป็นปลัดกลาโหมคอแดง คนแรก เช่น กระแสข่าวลือสูตรโยกย้ายแบบ ‘สไลด์’ ของ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อทิ้งทวน เปลี่ยน ผบ.ทบ.เป็น พล.อ.เจริญชัย ก่อนที่จะสิ้นรัฐบาลนี้ และเตรียมสู้เลือกตั้ง กลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัย

เพราะการจะคัมแบ๊กมาเป็นนายกฯ สมัยที่ 3 ของ พล.อ.ประยุทธ์ ครั้งนี้ไม่ง่ายนัก แม้จะมี 250 ส.ว. ที่ตั้งไว้เองกับมือ รออยู่ในสภา แต่ทว่า เสียง ส.ส.จะเป็นตัวตัดสิน รวมทั้งเกมในสภา ที่ในเวลานั้นไม่ใช่แค่การเมือง ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวรเท่านั้น

แต่ทหารในการเมือง ก็อาจมีรายการ ‘ฆ่าน้อง ฟ้องนาย ขายเพื่อน แทงหลังพี่’ เกิดขึ้นได้เสมอ