ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 6 - 12 พฤษภาคม 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | ล้านนาคำเมือง |
เผยแพร่ |
ล้านนาคำเมือง
ชมรมฮักตั๋วเมือง
สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
“จกก่องเข้า จุหมาเถ้าแกว่งหาง”
อ่านเป็นภาษาล้านนาว่า “จกก่องเข้า จุหมาเถ้าแกว่งหาง”
จก แปลว่า ควักหรือล้วง
กล่องเข้า แปลว่า กระติบใส่ข้าวเหนียว
เข้า แปลว่า ข้าว คนล้านนาออกเสียงสั้น และเขียนเป็นเสียงสั้น
จุ แปลว่า โกหก หลอกลวง
หมาเถ้า แปลว่า หมาแก่ ในที่นี้หมายถึง ผู้ชายโดยทั่วไป
แกว่งหาง เป็นอาการแสดงความดีใจของหมาว่าอาจจะมีอะไรบางอย่างมาให้ เช่น ข้าว
รวมความแล้วทั้งหมดนี้แปลว่า
คนเอากระติบข้าวมาล้วง ทำทีว่าจะเอาข้าวออกมาให้หมากิน ทำให้หมาแก่ๆ แกว่งหางว่าจะได้กินข้าว แต่ที่แท้หลอกหมาเล่นให้ดีใจเฉยๆ
เคยเห็นสภาพบ้านในชนบทหรือไม่ ที่เลี้ยงหมาไว้เฝ้าบ้าน อาหารที่ใช้เลี้ยงหมาส่วนใหญ่คือข้าวที่เหลือจากคนในบ้านกิน อาจจะมีเศษอาหารที่เหลืออีกนิดหน่อยคลุกเคล้าปนกันไปในบางมื้อ ดังนั้น การเอากระติบข้าว ทำท่าล้วง แล้วเรียกหมาตามไป เมื่อหมาเห็นกระติบข้าวก็นึกว่าจะได้กินแล้ว จึงนับเป็นการล่อลวงหมาให้ติดกับประการหนึ่ง
สำนวนนี้ไม่เห็นมีในภาษาไทย
ที่ใกล้เคียงสุดน่าจะเป็น “ขุดบ่อล่อปลา” ซึ่งก็สะท้อนถึงวัฒนธรรมไทยอีกอย่างหนึ่งที่นิยมกินปลา เมื่อขุดบ่อเอาไว้ น้ำหลากมาปลาก็ถูกล่อไปอยู่ในบ่อให้จับกินโดยง่าย
เท่ากับเป็นการหลอกลวงปลาให้ไปติดกับดัก เช่นเดียวกับการหลอกล่อหมา
ในสมัยนี้ “การจกกล่องเข้า จุหมาเถ้าแกว่งหาง” พบเห็นได้มากขึ้น อาจจะเพราะมีการแข่งขันทางการค้ามากขึ้น
การที่สาวใส่เสื้อเปิดอกขายโรตี การนุ่งน้อยห่มน้อยขายขนมครก การใส่บิกินีขายส้มตำ หรือการที่หนุ่มบึกบึนเปลือยท่อนบนขายก๋วยเตี๋ยว แบบที่เป็นข่าว ล้วนเป็นการยั่ว “หมาเถ้า” ให้น้ำลายหก
ผลก็คือ เป็นการส่งเสริมการขายที่ได้ผล เพราะแม่ค้าพ่อค้าต่างยอมรับว่ายอดขายเพิ่มขึ้น ทั้งๆ ที่อาหารที่ขายไม่ได้มีรสชาติอร่อยมากมายกว่าเจ้าอื่น
การแต่งกายล่อแหลมเช่นนี้ล้วนเข้าทำนอง “จกกล่องเข้า จุหมาเถ้าแกว่งหาง” ทั้งสิ้น •