พาส่อง ‘BMW i7 xDrive60’ รถ ‘EV’ หรูเฟร่อ-วิ่งไกล 625 ก.ม. / ยานยนต์ สุดสัปดาห์ : สันติ จิรพรพนิต

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์

สันติ จิรพรพนิต

[email protected]

พาส่อง ‘BMW i7 xDrive60’

รถ ‘EV’ หรูเฟร่อ-วิ่งไกล 625 ก.ม.

 

หลังปล่อยให้คู่แข่งอวดโฉมรถยนต์ไฟฟ้าสุดหรูมานานสองนาน ในที่สุด “บีเอ็มดับเบิลยู” ได้ฤกษ์เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าหรูของตัวเองในชื่อ “BMW i7 xDrive60” ซึ่งอยู่ในตระกูล “ซีรีส์ 7”

เปิดตัวกันครบเซ็ตเครื่องยนต์เบนซิน, ดีเซล, ไฮบริด, ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ไปจนถึงอีวี คือ “i7 xDrive60”

จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมาย เพราะบรรดาค่ายรถจากเยอรมนีทั้งเมอร์เซเดส-เบนซ์ อาวดี้ โฟล์กสวาเกน ประกาศวิสัยทัศน์ชัดเจนว่าจะเลิกผลิตรถยนต์สันดาปภายใน โดยอย่างช้าราวปี 2030 รถยนต์ส่วนใหญ่จะเป็นอีวี หรือไฟฟ้า 100% ทั้งหมด

ซึ่งเป็นนโยบายหลักของประเทศเยอรมนี ในฐานะพี่ใหญ่ของสหภาพยุโรป ที่เริ่มคุมกำเนิดรถยนต์สันดาปภายใน และจะห้ามวิ่งทั้งหมดในประเทศ

“บีเอ็มดับเบิลยู” ซึ่งมาจากเยอรมนีเช่นกัน จึงเข้าร่วมวงพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายชนิด ที่ผ่านมาบีเอ็มฯ ชิมลางด้วยรถตระกูล “i” มาหลายรุ่น

ล่าสุดจึงเป็นคิวของ “ซีรีส์ 7”

“BMW i7 xDrive60” การออกแบบยังคงเน้นความหรูหราไฟหน้าแบบสองขั้น โคมไฟหน้าเป็นแบบแยกส่วน ด้านบนเรียวเล็กเป็นเส้นไฟ DRL พร้อมกับทำหน้าที่เป็นไฟเลี้ยวในตัว

ไฟหน้าหลัก Adaptive LED วางอยู่ในตำแหน่งต่ำลงมาเล็กน้อย

ขณะที่เอกลักษณ์กระจังหน้าไตคู่ขนาดใหญ่ ได้อารมณ์รุ่น X7 เพิ่มลูกเล่นด้วยไฟเรืองแสง BMW “Iconic Glow” พร้อมชุดแต่งคริสตัลจาก Swarovski

ตกแต่งเส้นขอบด้านล่างด้วยสีฟ้า

เส้นสายตัวถังเน้นความโค้งมน แบ่งสัดส่วนรถอย่างลงตัว

ไฟท้ายกราฟิกเรียวยาวรูปตัว L แบบ LED lightbar แต่งขอบด้วยโครเมียม พร้อมชุดแต่งดีไซน์สีฟ้า เอกลักษณ์ของรถยนต์อีวี

มือจับประตูแบบ Pop-Up ราบเรียบไปกับตัวรถ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว

ล้อแม็กลายสวยขนาด 21 นิ้ว

มิติตัวถัง (กว้าง x ยาว x สูง) 1,950 x 5,391 x 1,544 ม.ม. ระยะฐานล้อ 3,215 ม.ม.

ภายในหรูหราสุดๆ พวงมาลัยแบบ D-Shape 2 ก้านดูล้ำสมัย พร้อมตราสัญลักษณ์ BMW วงแหวนสีน้ำเงิน

เรือนไมล์ทรงโค้ง BMW Curved Display ขนาด 12.3 นิ้ว ฟูลดิจิตอลเชื่อมต่อกับจอกลางขนาด 14.9 นิ้ว แบบทัชสกรีน แสดงผลระบบอินโฟเทนเมนต์ ควบคุมด้วยระบบปฏิบัติการ iDrive 8 รุ่นใหม่ล่าสุด

ด้านล่างมีแผง Interaction Bar วางยาวตลอดแผงแดชบอร์ด

จอแสดงข้อมูลบนแผงคอนโซลหน้า Head Up Display เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิ 4 โซน

ติดตั้งไฟ LED ตกแต่งภายในห้องโดยสาร ambient lighting ที่สามารถปรับแต่งได้ เปลี่ยนสีสอดคล้องกับจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนต์

สะดวกสบายขึ้นด้วย BMW Digital Key ควบคุมฟังก์ชั่นบางส่วนผ่านสมาร์ตโฟน

เบาะนั่งหนังแท้ Merino นุ่มสบาย

ด้วยเป็นรถกลุ่มผู้บริหารจึงใส่ใจกับที่นั่งตอนหลังเป็นพิเศษ ที่นั่งด้านหลัง Executive Lounge เป็นบอสซีตพร้อมที่วางขาด้านหน้าสามารถปรับเอนได้ถึง 42.5 องศา สะดวกสบายไม่ต่างจากที่นั่งบนเครื่องบิน

ติดตั้ง Panoramic Sky Lounge LED roof หลังคาพาโนรามิกที่แสดงสีสันได้ผ่านชุดไฟ LED ต่อด้วยจอสำหรับชมภาพยนตร์แบบสไลด์เก็บแนบไปกับหลังคา BMW Theater Screen ขนาด 31.3 นิ้ว ความละเอียดสูงในระดับ 8K บิลต์-อิน Amazon Fire TV

เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วยเทคโนโลยี 5 G

ระบบเสียง Diamond Surround Sound system กำลังขับ 1,965 วัตต์ ลำโพงทวีตเตอร์ 39 ตำแหน่ง ลำโพงเสียงกลาง ซับวูฟเฟอร์ และเช็กเกอร์ จากแบรนด์ดัง Bowers & Wilkins

ใกล้มือจับประตูหลังติดตั้งจอสัมผัสขนาด 5.5 นิ้ว สั่งการระบบอินโฟเทนเมนต์

ความจุห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายที่มากถึง 500 ลิตร

ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าแบบคู่ที่ล้อคู่หน้า-หลัง พละกำลังสูงสุด 544 แรงม้า แรงบิด 745 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 4.7 วินาที

ทำความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง

แบตเตอรี่เป็น Lithium-ion ขนาด 101.7 kWh พิสัยทำการไกลสุด 625 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

แน่นอนไม่พลาดกับสุดยอดระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive

รองรับการชาร์จ โดยใช้หัวชาร์จแบบ Type 2/CCS Combo โดยในส่วนของการชาร์จแบบ AC รองรับกำลังสูงสุด 11 kW จะใช้เวลาชาร์จจาก 10-100% ที่ 9 ชั่วโมง 30 นาที

ถ้าเป็น DC Fast Charging รองรับกำลังสูงสุด 195 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 10-80% เพียง 34 นาที

แต่ถ้าต้องการแบบเร่งด่วนชาร์จ 10 นาที วิ่งได้ไกล 170 กิโลเมตร

ตัวช่วยต่างๆ มีมาให้ครบครัน

มีออปชั่นติดตั้งเพิ่มเติม Driving Assistance Professional Package ระบบช่วยขับอัตโนมัติ สามารถละมือจากพวงมาลัยได้ตามความเหมาะสม ทำงานได้จาก 0-130 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ส่วนราคาในไทยยังไม่ได้เปิดอย่างเป็นทางการ คาดเข้ามาบ้านเราช่วงปลายปีนี้ หรืออย่างช้าต้นปีหน้า

สาวกใบพัดฟ้าขาวหยอดกระปุกรอได้เลย

 

ส่งท้ายกันที่ตัวเลขยอดขายรถยนต์ไตรมาสแรก ตลาดรถยนต์รวมปริมาณการขาย 231,189 คัน เพิ่มขึ้น 19.1%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 77,144 คัน เพิ่มขึ้น 37.9% ตามมาด้วย อีซูซุ 57,420 คัน เพิ่มขึ้น 16.6% อันดับที่ 3 ฮอนด้า 25,624 คัน เพิ่มขึ้น 2.7%

หากแยกเป็นเซ็กเมนต์ รถยนต์นั่ง ยอดขาย 75,726 คัน เพิ่มขึ้น 16% อันดับที่ 1 โตโยต้า 20,336 คัน เพิ่มขึ้น 40.2% อันดับที่ 2 ฮอนด้า 19,896 คัน ลดลง 6.8% อันดับที่ 3 มาสด้า 6,705 คัน เพิ่มขึ้น 4.9%

ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 155,463 คัน เพิ่มขึ้น 20.6% อันดับที่ 1 อีซูซุ 57,420 คัน เพิ่มขึ้น 16.6% อันดับที่ 2 โตโยต้า 56,808 คัน เพิ่มขึ้น 37.1% อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 8,567 คัน เพิ่มขึ้น 16.0%

รถกระบะขนาด 1 ตัน รวมปิกอัพดัดแปลง PPV ขายได้ 122,772 คัน เพิ่มขึ้น 23.5% อันดับที่ 1 อีซูซุ 53,156 คัน เพิ่มขึ้น 17.1% อันดับที่ 2 โตโยต้า 50,089 คัน เพิ่มขึ้น 44.3% อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 8,524 คัน เพิ่มขึ้น 19.5%

ถือเป็นนิมิตหมายอันดีท่ามกลางความปั่นป่วนทั้งโควิด และสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ราคาน้ำมันและข้าวของแพงรากเลือดไปตามๆ กัน •