ซะอ์ดี กวีเอกของโลกชาวเปอร์เซีย (4)/มุมมุสลิม จรัญ มะลูลีม

จรัญ มะลูลีม

มุมมุสลิม

จรัญ มะลูลีม

 

ซะอ์ดี กวีเอกของโลกชาวเปอร์เซีย (4)

 

กุลิสตาน เรื่องที่ 4 (ต่อ)

ไม่มีสิ่งใดจะเป็นจริงได้มากกว่าสิ่งที่พระองค์ตรัส เพราะว่าหากเด็กผู้นี้อยู่ในหมู่คนที่ร้ายกาจเหล่านี้ต่อไปเขาก็ย่อมจะตกไปอยู่ในหนทางอันชั่วร้ายและจะกลายเป็นคนหนึ่งในบรรดาคนเหล่านั้น

แต่ทาสของพระองค์หวังว่าถ้าเด็กผู้นี้ได้คบค้าสมาคมกับผู้คนที่ซื่อสัตย์เขาจะได้รับการสั่งสอนดูดดื่มเอาอารมณ์ของผู้มีคุณธรรมเข้าไปบ้าง

เมื่อเขายังเป็นเด็กอยู่จิตใจของเขาย่อมไม่เป็นมลทินไปด้วยจิตใจที่นอกกฎหมายและชั่วร้ายเลวทรามของพวกโจรเพราะมีหะดีษ (คำสอน) บทหนึ่งจากท่านศาสดาว่า “แน่แท้ทุกคนที่เกิดมานั้นมีความโน้มเอียงไปสู่อิสลาม แต่พ่อแม่ของเขาได้ทำให้เขาเป็นยิว คริสเตียน หรือมะญูซี” (เป็นคำเรียกมาคุสและมาเกี๋ยน ในภาษาอาหรับใช้เรียกชาวโซโรอัสเตอร์)

ภริยาของศาสดาลูตคบค้ากับคนชั่วร้าย ลูกหลานของท่านจึงไม่ได้รับความเป็นศาสดา

ส่วนสุนัขซึ่งเป็นเพื่อนของชาวถ้ำ ได้คลุกคลีกับคนดีเป็นเวลานาน จึงกลายเป็นสัตว์ที่มีเหตุผล เมื่อเสนาบดีกล่าวคำเหล่านี้ออกไป ข้าราชบริพารบางคนของพระราชาก็ได้กล่าวคำอ้อนวอนร่วมไปด้วย จนในที่สุดพระราชาจึงไม่คิดเอาชีวิตของชายหนุ่มอีกต่อไป และได้ตรัสว่า “ข้าฯ ยอมให้เป็นไปตามคำขอร้องของพวกเจ้าแม้ว่าจะไม่เห็นด้วยก็ตาม

“เจ้าไม่รู้หรอกหรือว่าซอลได้กล่าวกับรุสตั้มว่าอย่างไร? ‘จงอย่าได้ถือว่าศัตรูคนไหนจะอ่อนแอและน่าดูหมิ่นเลย’ ท่านกล่าวว่า ‘ฉันได้เคยเห็นน้ำไหลจากลำธารน้อยๆ อยู่บ่อยๆ และมันก็ขยายใหญ่ขึ้นตามเส้นทางของมันจนกระทั่งสามารถพัดพาอูฐพร้อมกับของบรรทุกบนหลังของมันไปได้'”

สรุปก็คือเสนาบดีได้รับเอาเด็กชายผู้นั้นไปไว้ในครอบครัวของเขาและให้การศึกษาแก่เขาด้วยความเมตตากรุณาและเอาใจใส่ให้ความสะดวกสบาย จ้างครูที่มีความสามารถมาสอนเขาให้พูดและตอบด้วยภาษาอันสละสลวยพร้อมด้วยทุกอย่างที่เป็นที่ปรารถนาในราชสำนัก และกิริยามารยาทของเขาเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป

ครั้งหนึ่งเสนาบดีได้กล่าวถึงความเฉลียวฉลาดและมารยาทของเด็กชายผู้นี้ให้พระราชาฟัง โดยกล่าวว่าการศึกษาอย่างฉลาดมีผลต่อเด็กและได้ขจัดความโง่เขลาเก่าๆ ออกไปจากจิตใจดั้งเดิมของเขาแล้ว พระราชาทรงแย้มพระสรวลเมื่อได้สดับถ้อยคำเหล่านี้ และตรัสว่า

“ในที่สุดลูกหมาป่าก็จะกลายเป็นหมาป่าถึงแม้ว่าเขาจะเติบโตมากับมนุษย์ก็ตาม”

หลังจากการสนทนานี้เวลาสองปีได้ผ่านพ้นไป กลุ่มคนจรจัดในถิ่นนั้นได้มาเข้าสมทบกับเด็กหนุ่มผู้นั้น เมื่อโอกาสมาถึงเขาได้ฆ่าเสนาบดีพร้อมกับบุตรชายสองคนของเขาเสียและยึดเอาสมบัติจำนวนมหาศาลของเขาไป แล้วสืบทอดตำแหน่งของพ่อเขาในฐานะหัวหน้าของกองโจรและได้กลายเป็นผู้ร้ายคนสำคัญไป

พระราชาทรงคิดถึงเรื่องนี้แล้วตรัสขึ้นด้วยความพิศวงว่า “คนเราจะประดิษฐ์ดาบที่ดีจากเหล็กที่เลวได้อย่างไร? โอ้นักปราชญ์ทั้งหลาย เป็นไปได้หรือที่จะเปลี่ยนคนเลวที่ไร้ค่าให้กลายเป็นคนดีได้? ฝนซึ่งมีธรรมชาติที่ไม่ลำเอียงจะทำให้ต้นทิวลิปเติบโตขึ้นในสวน แต่ในดินเลวๆ ย่อมมีแต่วัชพืชเท่านั้นที่เติบโตได้

“ดินอันแห้งแล้งมิอาจผลิตน้ำมันหอมได้ จงอย่าได้หว่านโปรยเมล็ดพันธุ์ลงบนนั้นให้เสียเปล่าเลย การทำดีต่อคนชั่วนั้นที่จริงก็คือการทำอันตรายแก่คนดีนั่นเอง”

 

กุลิสตาน เรื่องที่ 5

ฉันได้เห็นบุตรชายของนายทหารคนหนึ่งที่ประตูอูฆุลมิษ เขาเป็นคนที่เพียบพร้อมไปด้วยปัญญาและความซื่อสัตย์มิอาจบรรยายได้ แม้จะยังอยู่ในวัยเด็กเขาก็ยังมีเครื่องหมายแห่งความสามารถอันดีเยี่ยมปรากฏให้เห็น

ดวงดาวแห่งความประเสริฐเปล่งประกายอยู่บนศีรษะของเขาจากปัญญาของเขา

กล่าวสั้นๆ ก็คือเขาเป็นที่โปรดปรานในสายตาของสุลต่านเพราะมีลักษณะอันงดงามและมีความเข้าใจแหลมคม นักปราชญ์กล่าวไว้ว่า “สิ่งที่ทำให้คนเรามีค่านั้นคือความสามารถ มิใช่ความมั่งคั่ง และความยิ่งใหญ่ย่อมอยู่ที่ความเชี่ยวชาญ มิใช่อายุ”

เพื่อนพ้องของเขาต่างก็อิจฉาริษยา กล่าวหาเขาอย่างมดเท็จว่าเขาไม่ซื่อสัตย์ พยายามที่จะเอาชีวิตเขาแต่ก็ไม่สำเร็จ ก็ศัตรูจะทำอะไรได้เล่าในเมื่อมีมิตรเป็นประกัน

พระราชาตรัสถามว่า “ด้วยสาเหตุอันใดเล่า พวกเขาจึงเป็นศัตรูกับเจ้า?”

เขาตอบว่า “ภายใต้เงาแห่งการปกป้องคุ้มครองของพระองค์ผู้เป็นนายของข้าน้อย ข้าน้อยได้รับความปรารถนาดีจากทุกคนนอกจากผู้ที่ริษยาซึ่งจะหาความพอใจมิได้ยกเว้น แต่เมื่อความโชคดีของข้าน้อยนี้ลดลง ขอความมั่งคั่งและความรุ่งโรจน์ของพระองค์ดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์กาล”

ฉันอาจหลีกเลี่ยงไม่กระทำให้ใครกระทบกระเทือนใจได้ แต่ฉันจะทำอย่างไรได้เล่ากับคนที่ขี้อิจฉาผู้เก็บบาดแผลไว้ในทรวงอกของตนเอง จงตายเสียเถิดเจ้าคนขี้อิจฉาเพราะโรคของเจ้านั้นไม่มีทางรักษาได้นอกจากด้วยความตายเท่านั้น

ชายผู้โชคร้ายย่อมปรารถนาที่จะให้ผู้ที่มีความสำเร็จประสบกับความเคราะห์ร้าย ถ้าหากว่าในตอนกลางวันค้างคาวจะมองไม่เห็น จะโทษดวงอาทิตย์ได้อย่างไรกัน? ให้ดวงตาเช่นนั้นมืดบอดไปสักพันดวงเสียดีกว่าที่จะให้ดวงอาทิตย์มืดมนไป

 

กุลิสตาน เรื่องที่ 6

เล่ากันว่าพระราชาองค์หนึ่งของเปอร์เซียได้ยื่นพระหัตถ์อันกดขี่ของพระองค์มายึดครองทรัพย์สมบัติของบรรดาพสกนิกร และกดขี่ใช้ความรุนแรงแก่คนเหล่านั้นอย่างหนักหน่วง ด้วยความอยุติธรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่าของพระองค์ทำให้ประชาชนจำต้องอพยพไปอยู่ในประเทศต่างๆ ซึ่งอยู่ไกลจากอำนาจของพระองค์

เมื่อประชาชนลดลงไป แหล่งรายได้ของรัฐบาลของพระองค์ก็น้อยลง ทรัพย์ในท้องพระคลังก็งวดลงและศัตรูผู้มีอำนาจของพระองค์ก็บีบคั้นพระองค์จากทุกส่วน

ผู้ปรารถนาความช่วยเหลือในวันแห่งความยากแค้น ขอให้เขาจงมีมนุษยธรรมในยามที่เขารุ่งเรืองเถิด ถ้าท่านไม่ปฏิบัติต่อคนรับใช้อย่างเมตตาด้วยการให้ตุ้มหูแก่เขา เขาย่อมจะจากไป จงเป็นผู้มีความกรุณาในลักษณะที่คนแปลกหน้าจะมาเป็นผู้รับใช้ที่เต็มใจของท่านเถิด

วันหนึ่งพวกเขากำลังอ่านหนังสือชาอ์นามาอ์อยู่ต่อหน้าพระองค์ มันเป็นประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับความเสื่อมโทรมของอาณาจักรโซฮากและรัชสมัยของฟาริดูน เสนาบดีได้ทูลถามพระราชาว่าเป็นไปได้อย่างไรที่ฟาริดูนผู้ซึ่งไม่มีทรัพย์สมบัติหรือดินแดนหรือกองทัพจะมีราชบัลลังก์ได้ พระราชาทรงตอบว่า “ตามที่ท่านได้ฟังมาแล้วคือผู้คนได้เข้ามาร่วมกับพระองค์ และจากพละกำลังของพวกเขา พระองค์จึงได้รับราชอาณาจักร”

เสนาบดีได้ถามขึ้นว่า “ในเมื่อการมารวมกันของพสกนิกรเป็นหนทางของการมีราชอาณาจักร แล้วทำไมพระองค์จึงผลักไสพสกนิกรของพระองค์ให้กระจัดกระจายไปเล่าพระเจ้าค่ะ? บางทีพระองค์อาจไม่มีความปรารถนาที่จะเป็นพระราชากระมังพระเจ้าค่ะ?

“สมควรที่จะทะนุถนอมกองทัพไว้เหมือนดังชีวิตของพระองค์ เพราะสุลต่านย่อมได้รับอำนาจมาจากกองทัพของพระองค์”

พระราชาตรัสถามว่า “มีวิธีที่จะรวบรวมกองทัพและพสกนิกรไว้ได้อย่างไรเล่า?”

เสนาบดีตอบว่า “กษัตริย์จะต้องมีความยุติธรรมเพื่อให้พสกนิกรเข้ามาหาพระองค์และต้องมีความเมตตาปรานีเพื่อว่าพวกเขาจักได้อยู่อย่างสงบสุขภายใต้ร่มเงาแห่งการปกครองของพระองค์ แต่พระองค์นั้นไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้เลย

“ผู้ที่กดขี่นั้นไม่สามารถครองอาณาจักรได้ เช่นเดียวกับหมาป่าไม่อาจทำหน้าที่ของเด็กเลี้ยงแกะได้ เจ้าชายผู้กดขี่ย่อมเป็นผู้ทำลายรากฐานของอาณาจักรของพระองค์เอง”

พระราชาไม่ทรงพอพระทัยในคำแนะนำของเสนาบดีผู้รอบรู้นี้ จึงสั่งให้นำเขาไปจำขังเสียในคุก หลังจากนั้นไม่นานบรรดาโอรสของพระปิตุลาพระราชาได้แข็งข้อขึ้นด้วยความปรารถนาที่จะยึดเอาอาณาจักรของพระราชบิดาของพวกเขากลับมาด้วยการใช้อาวุธ พสกนิกรที่ถูกกดขี่จากพระราชาจนต้องกระจัดกระจายไป บัดนี้ก็ได้มารวมอยู่กับพวกเขาและสนับสนุนพวกเขาจนกระทั่งในที่สุดพระราชาก็ถูกแย่งราชอาณาจักรไป

กษัตริย์ผู้ทำให้คนยากจนต้องถูกกดขี่ข่มเหงจะได้พบว่ามิตรสหายของตนกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจไปในวันที่เกิดความยากแค้นขึ้นแก่ตน ฉะนั้นจงปฏิบัติต่อพสกนิกรของท่านให้ดีและประทับอยู่อย่างปลอดภัย พ้นจากการโจมตีของศัตรูเถิด เพราะว่าสำหรับกษัตริย์ที่ยุติธรรมนั้น อาณาประชาราษฎร์ของพระองค์คือกองทัพของพระองค์