ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ | ศึกยูเครน เดินหน้าสู่สถานการณ์โลกล้อมรัสเซีย

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon

เดือนที่สามของสงครามยูเครนเริ่มต้นโดยสหรัฐส่งรัฐมนตรีต่างประเทศและรัฐมนตรีกลาโหมไปพบประธานาธิบดียูเครนด้วยตัวเอง และถึงแม้จะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของการประชุมกว่า 3 ชั่วโมงในห้องลับใต้ดิน คำประกาศสั้นๆ ก็ชี้ว่าสถานการณ์ยูเครนกำลังเปลี่ยนไป

แน่นอนว่ายูเครนประสบความสำเร็จในการยันรัสเซียได้นานกว่าที่คนทั้งโลกคิดกัน ความเชื่อว่ารัสเซียจะตะลุยจากชายแดนเข้าเมืองหลวงยูเครนใน 2-3 วัน เผชิญความจริงที่ยูเครนต้านรัสเซียมากว่า 2 เดือน ถึงแม้รัสเซียจะเป็นประเทศที่งบประมาณทางทหารสูงอันดับต้นของโลกก็ตาม

รัสเซียไม่สามารถเอาชนะยูเครนได้เร็วอย่างที่ต้องการ และการต้านทานของยูเครนที่เกินคาดทำให้รัสเซียต้องเปลี่ยนเป้าหมายการรบจากยึดเมืองหลวงเป็นโจมตีเมืองชายแดนทั้งหมด

ผลก็คือรัสเซียสามารถควบคุมเมืองใหญ่ในแนวชายแดนได้มากขึ้น แม้ยูเครนจะตั้งรับพื้นที่อื่นได้ก็ตาม

ในกรณีมาริอูโปลที่ถูกรัสเซียใช้ขีปนาวุธถล่มติดต่อกันกว่าหนึ่งเดือน ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครนยอมรับว่าเมืองใกล้จะล่มสลายเต็มที ถึงจะมีทหารหลายร้อยและพลเรือนราวหนึ่งพันคนต่อสู้อยู่ในที่มั่นแห่งสุดท้าย แต่คนทั้งหมดก็มีอาหารและน้ำเหลือพอสำหรับแค่ไม่กี่วัน

นอกเหนือจากมาริอูโปลที่โด่งดังในแง่การต่อต้านรัสเซียอย่างสุดชีวิตราวชาวบ้านบางระจันของไทย เมืองเคอร์ซอนคือเมืองใหญ่ที่รัสเซียเพิ่งยึดได้เด็ดขาด ผู้ว่าการเมืองระบุว่ารัสเซียส่งทหารพร้อมอาวุธครบมือปลดธงชาติยูเครนจากที่ว่าการเมืองเรียบร้อยแล้วในวันที่ 26 เมษายน เวลา 19.45 น.

ยุทธวิธีที่รัสเซียใช้ยึดสองเมืองใหญ่ยูเครนคือปูพรมยิงจรวดและปืนใหญ่จากระยะไกล พื้นที่ซึ่งรัสเซียโจมตีได้สำเร็จจึงต้องอยู่ในรัศมีการยิงของฐานปืนใหญ่จากชายแดนรัสเซีย หรือไม่ก็ใกล้ทะเลส่วนที่มีเรือรบรัสเซียอยู่ ผลก็คือรัสเซียไม่สำเร็จเลยในการต่อสู้ภาคพื้นดินในพื้นที่ห่างไกล

ด้วยวิธีที่รัสเซียรุกรานยูเครน ทางเดียวที่ยูเครนจะป้องกันตัวเองด้วยคือการมีระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศที่ดี แต่ด้วยวิธีที่รัสเซียถล่มฐานทัพอากาศยูเครนตั้งแต่สัปดาห์แรกๆ ที่รุกราน ยูเครนกลายเป็นประเทศที่ระบบป้องกันทางอากาศอ่อนแอมาก ถึงจะไม่ยอมรับตรงๆ ก็ตาม

แม้ยูเครนจะประสบผลสำเร็จในการตั้งรับจนรัสเซียย้ายพื้นที่รบเป็นเขตชายแดน แต่ตราบใดที่รัสเซียยังถล่มยูเครนด้วยจรวดและปืนใหญ่ได้ตามใจชอบ ตราบนั้นยูเครนก็คือเป้านิ่งของรัสเซียไม่รู้จบ

และในที่สุดยูเครนก็อาจเหมือนปาเลสไตน์ที่อิสราเอลจะโจมตีตอนไหนก็ได้ตลอดเวลา

ยุทธศาสตร์ของรัสเซียในการรุกรานคือการประกาศว่าศึกนี้เป็นปัญหาระหว่างรัสเซียกับยูเครน แต่ไม่มีประเทศไหนในโลกเชื่อว่ารัสเซียจะหยุดแค่ยูเครน

มิหนำซ้ำรัสเซียยังข่มขู่ประเทศอื่นๆ ไปทั่ว ตั้งแต่ญี่ปุ่น, สวีเดน, ฟินแลนด์, สโลวะเกีย หรือแม้แต่การประกาศพร้อมใช้อาวุธนิวเคลียร์

ไม่ว่าศึกยูเครนจะเป็นเรื่องระหว่างรัสเซียกับยูเครนหรือไม่ การกระทำของรัสเซียทำให้รัสเซียเป็นปัญหาของโลกจนมีประเทศอยู่ข้างรัสเซียน้อยลงเรื่อยๆ ทั้งที่เป็นประเทศซึ่งประณามรัสเซียในสหประชาชาติ หรือประเทศที่หลีกเลี่ยงการแสดงออกแบบนี้อย่างตุรกีหรืออินเดีย

รัสเซียกำลังเจอสถานการณ์ที่โลกเลือกข้างยูเครนจนดำเนินนโยบายเผชิญหน้ารัสเซียขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อสหรัฐส่งรัฐมนตรีกลาโหมและต่างประเทศไปหารือกับผู้นำยูเครนนาน 3 ชั่วโมง จากนั้นสหรัฐประกาศว่ายูเครนมีสิทธิชนะรัสเซีย หากมีอาวุธที่เหมาะสมกับสถานการณ์

ความต้องการของยูเครนด้านอาวุธเป็นเรื่องที่ทั้งโลกรู้กัน แต่คำประกาศของสหรัฐคือสัญญาณว่าความต้องการนี้จะได้รับการตอบสนองในแง่คุณภาพและปริมาณที่แม่นยำขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคำนึงถึงคำพูดของประธานาธิบดียูเครนว่าความช่วยเหลือสหรัฐมากกว่าที่คาดการณ์

หลังจากสองรัฐมนตรีสหรัฐไปยูเครนสองวัน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐก็ประชุมตัวแทนกลาโหมจากกว่า 40 ประเทศที่ฐานทัพแรมสไตน์ในเยอรมนีเพื่อช่วยให้ยูเครนชนะการรุกรานของรัสเซีย ขณะที่ท่าทีของประเทศต่างๆ ต่อยูเครนก็เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงในเวลาไล่เลี่ยกัน

เฉพาะในเรื่องการส่งอาวุธช่วยยูเครน เยอรมนีคือประเทศที่ปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือด้านนี้มาโดยตลอด เหตุผลอย่างเป็นทางการคือการส่งอาวุธจะทำให้การเผชิญหน้ากับรัสเซียรุนแรงขึ้น ส่วนเหตุผลที่ไม่เป็นทางการก็อาจเป็นได้ทั้งการเมืองและประวัติศาสตร์ของทั้งสองประเทศเอง

อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนีเพิ่งส่งรถถัง Gepard ต่อต้านอากาศยานให้ยูเครน 50 คัน ขณะที่ตุรกีก็เพิ่งประกาศห้ามเครื่องบินทหารและพลเรือนรัสเซียผ่านน่านฟ้าไปซีเรีย

ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการเปลี่ยนท่าทีครั้งสำคัญของสองประเทศใหญ่ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีวี่แววแบบนี้เลย

แม้เยอรมนีจะอ้างว่ารถถังเจอพาร์ดเป็นอาวุธเชิงป้องกันจนยังอยู่ในกรอบการไม่โจมตีรัสเซีย แต่เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีเยอรมนีที่คัดค้านการส่งอาวุธช่วยยูเครนมาตลอด การตัดสินใจนี้ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ เพราะแสดงให้เห็นว่าเยอรมนีพร้อมเผชิญหน้ากับรัสเซียกว่าที่ผ่านมา

เมื่อคำนึงว่ารัสเซียโจมตียูเครนด้วยปืนใหญ่และขีปนาวุธระยะไกล ทางรอดของยูเครนจึงได้แก่การมีระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ดี รวมทั้งมีอาวุธที่พิสัยการยิงไกลพอจะทำลายฐานยิงจรวดและปืนใหญ่ในรัสเซียได้ ซึ่งอาวุธเยอรมนีสอดคล้องกับอาวุธที่ชาติอื่นส่งให้ยูเครนตอนนี้พอดี

โปแลนด์ประกาศว่าเพิ่งส่งรถถัง T-72 ให้ยูเครน, ฝรั่งเศสกำลังส่งปืนใหญ่ซีซาร์พิสัยยิง 40 ก.ม., อังกฤษส่งรถหุ้มเกราะสตรอมเมอร์พร้อมขีปนาวุธต้านอากาศยานสตาร์สตรีก, แคนาดาส่งรถหุ้มเกราะและปืนใหญ่วิถีโค้ง M777 รัศมี 40 ก.ม.

ซึ่งทั้งหมดนี้ตรงกับสถานการณ์ยูเครนอย่างดี

ขณะที่รัสเซียรุกรานยูเครนโดยละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศทั้งหมด ฝ่ายที่ต่อต้านการรุกรานกลับไม่มีกฎหมายระหว่างประเทศให้ส่งทหารไปช่วยเลย การสนับสนุนด้านอาวุธแบบที่เกิดขึ้นจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะเป็นการกระทำที่มียุทธศาสตร์และความร่วมมือบางอย่างร่วมกัน

ด้วยการเปลี่ยนท่าทีของเยอรมนีและตุรกี จากนี้ฝ่ายเสรีประชาธิปไตยจะยกระดับความร่วมมือด้านการทูตและการทหารเพื่อกดดันรัสเซียขึ้นไปอีก โอกาสที่ยูเครนจะยันการรุกรานของรัสเซียจึงไม่ใช่เรื่องยาก ส่วนจะชนะรัสเซียได้ตามที่สหรัฐบอกหรือไม่ก็ยังคงขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

จากการประเมินของสถาบันสงครามศึกษา (ISW) ในสหรัฐ รัสเซียบุกยูเครนรอบสองโดยให้กองกำลังขนาดเล็กโจมตีหลายพื้นที่อย่างกระจัดกระจาย แต่ระหว่างหน่วยไม่สามารถสร้างการโจมตีขั้นเด็ดขาด ซึ่งเท่ากับรัสเซียมีปัญหาบังคับบัญชาเหมือนการบุกยูเครนรอบแรกนั่นเอง

ถึงตอนนี้ยูเครนจะไม่สามารถโต้กลับรัสเซียอย่างเป็นระบบหรือยืดเมืองสำคัญกลับมา แต่ความเสียหายหลายอย่างที่เกิดกับรัสเซียเป็นสัญญาณว่ารัสเซียกำลังเผชิญการตอบโต้แบบใหม่อยู่แน่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากคลังน้ำมันไฟไหม้ที่รัฐไบรอันสค์และไฟไหม้หลายจุดช่วงที่ผ่านมา

รัสเซียไม่เคยแถลงว่าคลังน้ำมันไฟไหม้เพราะอะไร แต่หลักฐานบางส่วนชี้ว่ามีการยิงจรวดอย่างน้อยหนึ่งลูกโจมตีจนคลังน้ำมันระเบิดก่อนไฟไหม้ ซ้ำจุดซึ่งเกิดเพลิงไหม้ก็ไม่ได้มีแค่คลังน้ำมันอย่างเดียว แต่ยังมีเขตทหารซึ่งเชื่อว่าอาจเป็นคลังปืนใหญ่หรือศูนย์ซ่อมรถหุ้มเกราะรัสเซีย

ปัญหาคือคลังน้ำมันอยู่ลึกเข้าไปในชายแดนรัสเซียกว่า 180 ก.ม. ขณะที่จรวดยูเครนมีรัศมีการยิง 80 ก.ม. และถ้าหากคลังน้ำมันถูกจรวดยิงจริงๆ ก็เท่ากับว่าการยิงอาจจะมาจากในรัสเซีย

หรือไม่ก็คือยูเครนมีจรวดใหม่จากการสนับสนุนของประเทศอื่นๆ จนมีวิถีการยิงที่ไกลกว่าเดิม

ควรระบุด้วยว่านับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครน ศูนย์คัดเลือกทหารของรัสเซียก็ถูกลอบวางเพลิงไปแล้วไม่น้อยกว่าห้าจุด พื้นที่ซึ่งเกิดเหตุกระจายตัวไปทั่วประเทศ ส่วนอภิมหาเศรษฐีก็ถูกฆ่าตายอย่างลึกลับในช่วงนี้ไปแล้วไม่น้อยกว่า 6 คน

มีข่าวลือหนาหูว่าการรุกรานยูเครนสร้างปัญหาให้คนรัสเซียจนปูตินกังวลว่าตัวเองจะถูกลอบฆ่าหรือรัฐประหาร เหตุไฟไหม้ลึกลับในสถานที่ของทหารหรือการตายอย่างเป็นปริศนาของชนชั้นสูงคือสัญญาณว่าความเคลื่อนไหวประหลาดบางอย่างกำลังเกิดขึ้นในรัสเซียอย่างแน่นอน

ศึกรัสเซียรุกรานยูเครนกำลังเข้าสู่สถานการใหม่ที่โลกเผชิญหน้ารัสเซียมากขึ้น

ขณะที่การเมืองรัสเซียก็กำลังเดินหน้าสู่ความโกลาหลอย่างผิดปกติเช่นเดียวกัน