Fast & Feel Love / เครื่องเคียงข้างจอ : วัชระ แวววุฒินันท์

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ

วัชระ แวววุฒินันท์

 

Fast & Feel Love

 

หนังเรื่อง “Fast & Feel Love เร็วโหด เหมือนโกรธเธอ” นี้ ใช้หน้าหนังที่บอกว่า

“วันที่ เกา ไม่มี เจ” และ “วันที่ เจ ไม่มี เกา”

นั่นคือเรื่องทั้งเรื่องของภาพยตร์เรื่องนี้ จากฝีมือการกำกับฯ ของ เต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ เป็นอีกหนึ่งผลงานการเล่าเรื่องที่เขาสนุกกับการสร้างสรรค์แนวทางใหม่ๆ

“เกา” คือชายหนุ่ม ที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ไม่สนใจคนรอบข้างเลย แม้แต่กับ “เจ” ที่เป็นคู่รักคู่ชีวิต

“เจ” คือหญิงสาว ที่โคตรจะพยายามเข้าใจคนรักของตนเอง คือ “เกา”

เมื่อคนหนึ่งไม่เห็นหัวเห็นใจอีกคน ส่วนอีกคนก็ทุ่มเททุกอย่างเพื่อดูแลสนับสนุนเขา มันก็มาถึงจุดจบเข้าสักวัน เพราะไม่มีใครที่จะยอมทนอยู่กับอะไรที่ทำให้ตัวเองสูญเสียตัวตนไปทุกทีได้หรอก

และเมื่อวันนั้นเดินทางมาถึง ทุกอย่างก็เป็นความโลดโผนของเรื่องราวในหนังที่เกิดขึ้นกับสองคนนี้

เพราะหนังมีคำว่า FAST หรือเปล่าไม่ทราบ การดำเนินเรื่องจึงเลือกใช้บีตที่เร็ว มาไวไปไวเคลมไว และขอโทษทุกคนพูดไวกันมากถึงมากที่สุด

จนคนสูงวัยอย่างผมฟังไม่ทันเอาหลายๆ ตอน ยิ่งเป็นคำประเภทข้อมูลด้วยแล้ว เลยตามไม่ทันเป็นระยะ ไม่แน่ใจว่าคนหนุ่มสาวจะเจอปัญหานี้ไหม

โทนหนังเรื่องนี้ของเต๋อ แตกต่างจากผลงานเรื่องล่าสุดเมื่อ 3 ปีก่อน คือ “ฮาวทูทิ้ง ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ” แบบคนละขั้ว เพราะฮาวทูทิ้งเลือกที่จะดำเนินเรื่องแบบเนิบๆ ไปช้าๆ ให้ผู้ชมค่อยๆ ซึมลึกไปกับตัวละครเอกอย่าง “จีน” ที่รับบทโดย ออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง เวลาพูดจากันก็ช้าๆ แบบคิดก่อนพูด

ส่วนตัวละครอย่าง “เกา” และ “เจ” นั้น เป็นการพ่นใส่กันแบบมีอารมณ์นำล้วนๆ

ชีวิตของ “เกา” มีกีฬาสแต็ก (Sport Stacking) หรือการแข่งขันเรียงแก้วด้วยความเร็วสูงเป็นลมหายใจเข้าและออก เริ่มจากการฝึกเล่นเพราะชื่นชอบมากกว่าจะเตะฟุตบอล เล่นบาสกับเพื่อนมัธยมวัยเดียวกัน และยิ่งจริงจังมากขึ้นเมื่อเรียนหมาวิทยาลัย พอจบมาเขาก็เห็นว่ามันเป็นอาชีพได้ เขาหาเงินจากมันได้ ถ้าเขามีสถิติในการเล่นที่ดีพอ

และเขาก็ได้สร้างสถิติใหม่ให้กับโลกของกีฬาชนิดนี้ ไม่พอ…เขามุ่งมั่นที่จะทำลายมัน ด้วยการฝึกฝนตลอดเวลา เพื่อทำเวลาให้น้อยที่สุดในการเรียงแก้ว

ยิ่งเมื่อมีคู่แข่งเป็นเด็กชายชาวเม็กซิกันที่โทรศัพท์ข้ามประเทศมาท้าทายเขา มีหรือที่เกาจะยอม

การที่เกาจะยอมหรือไม่ยอม คงไม่กระไรนักถ้าเขาอยู่คนเดียว ไม่ได้มีคนรักอย่าง “เจ” ที่ต้องพลอยรับเอากีฬาสแต็กเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตอย่างที่เธอเองก็ไม่คาดคิดว่า มันจะถลำลึกไปมากจนทำลายชีวิตรักของทั้งคู่ลงได้

ชั้นแต่จะกดชักโครกก็ไม่ได้ เพราะเสียงชักโครกจะดังรบกวนการเล่นสแต็กของเกา

จัดการทุกอย่างเองเพื่อไม่ให้เการับรู้ และเสียสมาธิกับการฝึกสแต็ก

จะว่าไปก็เหมือนกับชีวิตของหลายๆ ครอบครัวในปัจจุบัน ที่สามีมุ่งมั่นในการทำงานตรงหน้าอย่างเดียว ด้วยเหตุผลคือเพื่อสร้างอนาคตของครอบครัวให้มั่นคง มีฐานะ เพื่ออะไร…ก็เพื่อจะได้มีความสุข

แต่ความสุขระหว่างทางนั้นเขาไม่ได้คิดถึงเลย ในขณะที่ผู้เป็นภรรยาก็ทำหน้าที่ซัพพอร์ตทุกอย่างตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ ประเภทที่ต้องมอบรางวัล “ผู้ปิดทองหลังพระดีเด่น” ให้เป็นเครื่องปลอบใจ

หากการกระทำนี้ได้รับการเหลียวมอง การแสดงความสนใจ ห่วงใยกลับมาบ้างจากสามี ผู้เป็นภรรยาก็คงยิ้มอย่างมีความสุข ที่ยังมี “ตัวตน” อยู่ในสายตาและสายใจของสามี

หนังเรื่องนี้ ที่มีหน้าหนังว่า “วันที่ เกา ไม่มี เจ” และ “วันที่ เจ ไม่มี เกา” จึงเป็นการสะท้อนสังคมถึงการมองหาความสำเร็จ มากกว่ามองหาความสุข

ทำอย่างไร เกา กับ เจ จะเดินไปด้วยกัน มีจุดหมายเดียวกันได้อย่างมีความสุขร่วมกัน

เคยมีเรื่องเล่าที่หลายคนคงเคยอ่านหรือฟังมาก่อน เมื่อมหาเศรษฐีนักธุรกิจใหญ่คนหนึ่งสนทนากับชาวประมงเจ้าของเรือหาปลาขนาดเล็กหนึ่งลำ

มหาเศรษฐีถามชาวประมงคนนั้นว่า วันๆ เขาทำอะไรบ้าง?

ชาวประมงตอบว่า ก็ออกเรือหาปลามาเท่าที่เรือจะหาได้ ก็ไม่มากนักหรอก แค่พอกินและขายต่อได้เงินบ้าง

แล้วเวลาที่เหลือจากการหาปลาทำอะไร?

ชาวประมงก็ตอบด้วยสายตาเป็นประกายว่า ก็เล่นกับลูก ช่วยเมียทำงานบ้านบ้าง แล้วก็พักผ่อนเล่นดนตรี ดื่มกินกับเพื่อนฝูง แล้วก็เข้านอน

มหาเศรษฐีแนะนำว่า เขาน่าจะคิดไกลกว่านี้ น่าจะหาเรือลำใหญ่ขึ้น เพื่อจะหาปลาได้จำนวนมากขึ้นอีกหลายเท่า และควรจะหาให้ได้เยอะๆ เพื่อนำมาต่อยอดในการค้าขาย เป็นเงินทุน แปลงธุรกิจเพื่อขยายไปสู่การทำปลากระป๋อง ส่งขายในประเทศก่อนเพื่อศึกษาตลาด จากนั้นจึงขยายไปทั่วโลก

ชาวประมงย้อนถามว่าเพื่ออะไร?

เศรษฐีตอบว่าจะได้มีเงินมีทองเยอะๆ เป็นมหาเศรษฐีไง

แล้วมีเงินทองเยอะๆ เพื่ออะไร?

เศรษฐีตอบแบบทิ้งไพ่ตายว่า ก็เมื่อมีเงินทองเยอะๆ แล้ว จะได้ไม่ต้องมุ่งมั่นทำงานเองให้เหนื่อยยาก ให้ธุรกิจและทีมงานทำให้เราเอง เราจะได้มีเวลาท่องเที่ยวพักผ่อน อยู่กับครอบครัว สนุกกับเพื่อนฝูง

ชาวประมงนิ่งคิดนิดนึง ก่อนย้อนบอกแบบทิ้งไพ่ตายกว่าว่า…สิ่งที่คุณบอก เราก็ทำอยู่แล้วตอนนี้แล้วไง

จากชาวประมงและเศรษฐี กลับมาที่เกากับเจ

ถ้าวันที่เขาทำลายสถิติโลกได้อย่างสวยงาม ประสบความสำเร็จและมีความสุข แล้วก็หันมาเล่นสแต็กอย่างเพลิดเพลินไม่ต้องแข่งสถิติกับใคร หันมาใช้เวลากับเจเพื่อสร้างครอบครัวกัน ก็อาจจะไม่ต้องถึงจุดจบในชีวิตคู่อย่างที่ในหนังเป็น

ถ้าเกาไม่ติดกับตัวตนจนเกินไป ไม่ยึดติดกับชื่อเสียงและความสำเร็จ ไม่ติดกับตัวเลขวินาทีที่จ้องทำลาย เหมือนกับที่เด็กชายชาวเม็กซิกันคู่แข่งตัวเอ้ของเขาได้คิด เขาก็อาจจะมีความสุขกว่านี้

ในวินาทีที่เกาสร้างสถิติใหม่สำเร็จ ไม่นานเด็กชายคนนี้ก็ทำลายมันลงได้ด้วยเวลาที่น้อยกว่า แน่นอนเขาน่าจะเป็นผู้ชนะเพียงแต่ถ้าเขาอัพโหลดคลิปนั้นขึ้นไปในการแข่งขัน แต่เขาเปล่าทำ

เพราะถ้าเขาเป็นผู้ชนะ ตามกฎการแข่งขัน เขาต้องย้ายไปที่อเมริกา ที่อาจจะเป็นดินแดนเป้าหมายของหลายคนแม้แต่กับเกา

แต่ไม่ใช่กับเด็กชายคนนี้ เขาเลือกที่จะไม่อัพโหลดคลิป เก็บมันไว้เป็นความภูมิใจส่วนตัว เพื่อที่เขาจะได้ยังอยู่ที่บ้านของเขา อยู่กับแม่ที่รักและเข้าใจเขา พร้อมกับสวนสวยหลังบ้านที่อยู่รอบๆ ชีวิตเขานั่นเอง

เพราะไม่ว่าเราจะไขว่คว้าอะไร ในวันหนึ่งเราก็จะต้องปล่อยทุกอย่างทิ้งไป

ไม่ใช่แค่ “ในวันที่เกา ไม่มี เจ” แต่เป็น “ในวันที่เกา ไม่มี เกา”

ไม่มีอะไรเหลือเลย เมื่อความตายมาถึงนั่นเอง •

 

ชมตัวอย่างภาพยนตร์ “Fast and Feel Love” ได้ที่นี่