ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 15 - 21 กันยายน 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | ในประเทศ |
เผยแพร่ |
หลังจาก “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกฯ หายไปกับสายลม ตั้งแต่วันพิพากษาคดีข้าว 25 สิงหาคมที่ผ่านมา
หลายฝ่ายต่างจับตาไปที่ประตูบ้าน “ชินวัตร” ทุกหลังว่าจะมีความเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง
แต่ก็พบว่า นอกจากหลานๆ ที่เคลื่อนไหวผ่านโซเชียลมีเดียแล้ว บ้านหลังอื่นต่างปิดเงียบ
โดยเฉพาะประตูบ้าน “วงศ์สวัสดิ์” ที่หลังจากน้องสาวหายตัวไป ทั้งบ้านก็หลบความวุ่นวาย กลับไปพักอุณหภูมิที่ร้อนระอุที่เชียงใหม่ทันทีตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้
สัมพันธ์กับความเคลื่อนไหวของคนฝั่ง “เพื่อไทย” ที่ปิดปากเงียบเรื่อง “ยิ่งลักษณ์” ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องหายไปไหน ไปอย่างไร หรือจะขอลี้ภัยหรือไม่
ไม่ว่าจะยกหูหาใคร ก็จะได้รับคำตอบชุดเดียวกันคือ “ไม่รู้” หรือ “คิดว่าท่านจะชี้แจงเมื่อถึงเวลาอันควร”
แต่ถึงอย่างนั้น ความเคลื่อนไหวของ “เพื่อไทย” ก็ยังคงเป็นที่น่าจับตา หลังจากมีแถลงการณ์ของพรรคออกมาว่า “เพื่อไทย” ยังจะคงเดินหน้าดำเนินกิจกรรมของพรรคต่อไป เพราะยังมีภารกิจที่ต้องสานต่ออีกมาก
แถลงการณ์ที่เหมือนจะจบในตัว กลับไม่จบในตัวแบบนั้น
คำถามที่ตามมาคือ แล้วใครกันที่จะมานำ “เพื่อไทย” ในยุคที่ง่อนแง่นสั่นไหวขนาดนี้
ที่เห็นตัวเห็นตนแจ่มชัดตอนนี้ก็คือ “หญิงหน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่เปิดตัว-ออกแอ๊กชั่นให้เห็นความพร้อมมาตลอดว่าพร้อมที่จะนำเพื่อไทยดำเนินภารกิจที่คั่งค้างอยู่
โดยช่วงครึ่งปีหลังที่ผ่านมา “หญิงหน่อย” มีบทบาทในวงประชุมของพรรคอย่างมาก คือได้ทั้งร่วมถกและเรียกถกกับบรรดาแกนนำพรรคอยู่บ่อยครั้ง
ตรงกับที่แหล่งข่าวระดับแกนนำพรรคเพื่อไทยบอกว่า “ช่วงแรกท่านสมชายนั่งหัวโต๊ะทุกครั้งในการพูดคุยกัน แต่ช่วงหลังท่านก็มาบ้าง แล้วค่อยๆ หายไป เพราะท่านมีคดีความของท่านที่ต้องสะสาง และเมื่อพ้นคดีไปแล้วก็มีเรื่องน้องสาวเข้ามาอีก บางครั้งจึงเป็น พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค ที่ขึ้นมานั่งเป็นหัวโต๊ะบ้าง แต่ก็ไม่บ่อยนัก จนล่าสุดก็คุณหญิงที่ขึ้นมานั่งหัวโต๊ะ บ่อยครั้งท่านก็เป็นคนนัดบรรดาแกนนำมานั่งพูดคุย ซึ่งท่านนัดหลายวงด้วย”
เป็นที่แจ่มชัดว่า เครือข่าย “ชินวัตร” ในพรรคเพื่อไทย ต้องลดบทบาท
ดังนั้น ชื่อของ “สมชาย และ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” ที่จะคัมแบ๊กกลับมานำทัพเพื่อไทย แม้ทุกคนจะยอมรับ แต่ก็น่าจะยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมนัก ซึ่งคนชินวัตรรับรู้สถานการณ์นี้ดีกว่าใคร
สังเกตได้จากการค่อยๆ ลดบทบาทของตัวเองในพรรคลงอย่างตั้งใจ
ควันยังไม่ทันจาง ก็มีข่าวแว่วเข้าหูไม่เว้นนาทีว่า ทั้งแกนนำและสมาชิกเพื่อไทยจำนวนมากที่ไม่โอเคหาก “หญิงหน่อย” จะขึ้นมานำทัพเพื่อไทย
ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป
ไม่ว่าจะเรื่องการให้เกียรติคนในพรรค ความไม่จริงใจ ไปจนถึงเรื่องการทำงาน ฯลฯ
จนมีการปล่อยข่าว ยกชื่อคนโน้นคนนี้ที่คิดว่า “มีคุณสมบัติ” ขึ้นมาพูดถึงจำนวนมากทั้งพูดกันในพรรค และพูดกันนอกพรรค
ไม่ว่าจะเป็น นายโภคิน พลกุล นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา แม้แต่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีที่ได้รับความนิยมสูงสุดในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
และที่ได้ยินชื่อหนาหูมากช่วงหลังคือ นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกฯ ซึ่งขณะนี้ก็รักษาการในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วย
ดังนั้น อย่าเพิ่งพูดไปถึงการเป็นเบอร์ 1
และเหมือน “หญิงหน่อย” เองก็รับรู้ถึงแรงสั่นไหวข้างนี้ และน่าจะเป็นข้างที่สำคัญ จนขนาดเจ้าตัวเผลอหลุดปากขณะหงุดหงิดที่กลางงานโปรยกระจาดวัดสามัคคีธรรม เมื่อไม่กี่วันก่อนตอนที่ผู้สื่อข่าวถามถึงการขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยของเธอว่า “ไม่มีโอกาสนั้นเนื่องจากพรรคเพื่อไทยมีหัวหน้าพรรคอยู่แล้ว”
ด้านนักวิชาการชื่อดังอย่าง “นิธิ เอียวศรีวงศ์” เอง ก็เขียนถึงปรากฏการณ์ความเคลื่อนไหวของ “หญิงหน่อย” ได้เจ็บแสบยิ่งนักลงในบทความ “การเมืองหลังชินวัตร” ว่า
“ผมจึงคิดว่าโง่มากหาก พท. ตัดสินใจเอา สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มาเป็นหัวหน้า เพราะเท่ากับทำให้ความได้เปรียบทางการเมืองของ พท. ลดเหลือศูนย์ คุณสุดารัตน์จะดีเลวอย่างไร ผมไม่ทราบหรอกครับ แต่เธอมีชื่อเสียงว่าไปกับทหารได้ ถ้า พท. ไปกับทหารได้ แล้วจะเลือก พท. ทำไมล่ะครับ เหตุผลที่คนจำนวนไม่น้อยจะเลือก พท. ก็หายไป ลงคะแนนไม่ใช้สิทธิดีกว่า เวลานี้บางสายของ พท. กำลังปั๊มให้คุณสุดารัตน์เป็นผู้นำ 30 บาทรักษาทุกโรค แต่ใครๆ เขาก็ยกเรื่องนี้ให้แก่หมอหงวน หมอเลี้ยบ และคุณทักษิณเอง จู่ๆ จะไปยกให้แก่คนที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีสาธารณสุขช่วงนั้นหน้าตาเฉยได้อย่างไร ถ้าจะกล่าวเท็จ ควรเนียนกว่านี้แยะ คุณสุดารัตน์ที่ไม่มีเพื่อไทย จึงไม่เป็นแม้แต่สัญลักษณ์ของประชานิยม”
ตรงกับเสียงแกนนำพรรคเพื่อไทยที่เคยพูดเปรยๆ กับกระจิบข่าวที่สนิทสนมกันว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยต้องการคนที่มีวิสัยทัศน์และมีชั้นเชิงอย่างมาก
“เราอยากได้คนที่จะสามารถตัดสินใจได้ว่า ในสถานการณ์แบบนี้เราจะเดินไปทางไหน อย่างไร เพราะอะไร เพราะเราอาจจะต้องตัดสินใจทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มากๆ ในช่วงหลังการเลือกตั้ง เราก็อยากได้คนที่เราจะสามารถเชื่อถือ หรือฟังความคิดของเขาได้ว่า หากทำแบบนั้นแบบนี้แล้วจะเป็นอย่างไร แม้สุดท้ายแล้วทุกอย่างต้องมาตัดสินใจร่วมกัน แต่เราก็อยากฟังไอเดียหรือความคิดของเขา คนที่จะมานำเพื่อไทยให้รอดในยุคนี้ต้องเก่งหรือน่าเชื่อถือจนเป็นที่ยอมรับ ซึ่งตนมองว่า ตรงนี้คุณหญิงยังให้ได้ไม่ถึงขั้นนั้น”
จากการพูดคุยกับทั้งแกนนำและสมาชิกพรรคหลายเสียงหลายฝ่าย ในวันนี้ยังคงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป ต่อการขึ้นมาเป็นผู้นำเพื่อไทยในอนาคตของ “คุณหญิงหน่อย”
แต่ฝ่ายไม่เอา ดูท่าจะหนักแน่น และมีมากกว่า
ส่วนคนที่หนุนเราก็เห็นหน้าตากันแจ่มชัดมาแต่แรกแล้ว
แต่คำถามตามมาอีกคือ เหตุใดยังเป็น “หญิงหน่อย” ที่ออกตัวเคลื่อนไหว
เหตุใดยังเป็น “หญิงหน่อย” ที่ยังนั่งหัวโต๊ะ
คำตอบที่ได้ยินมาจากบรรดาแกนนำเพื่อไทยเวลานี้คือ “คนแดนไกล บอกให้ให้โอกาส”
และแน่นอนว่า ยังมีกลุ่มอดีต ส.ส. และแกนนำพรรคบางส่วนที่พร้อมจะสนับสนุนเธอ
ปัญหาที่ “หญิงหน่อย” ต้องขบคิดและทำการบ้านในเวลานี้ คือจะทำอย่างไรให้คนกลางๆ ซึ่งยังมีอยู่จำนวนมากในพรรค หันมาเทใจให้เธอ
แต่อย่างไรก็ตาม การเมืองก็คือการเมือง เมื่อถึงเวลาที่มีการเลือกตั้ง สายสัมพันธ์อ่อนหวานที่มีต่อสายทหารของ “หญิงหน่อย” จะกลายเป็นสิ่งขัดใจคนแดนไกล ที่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ยังคงมีเพาเวอร์เต็มเปี่ยมในการขับเคลื่อนพรรคเพื่อไทยหรือไม่ หลังจากที่น้องสาวสุดรักอย่าง “ยิ่งลักษณ์” เพิ่งถูกกระทำอย่างไม่ปรานีจากฝ่าย ท.ทหาร ไป
โอกาสที่เคยให้ อาจจะกลายเป็นเพียงแค่การให้โอกาสทำงานให้เห็นเท่านั้นเองก็ได้ ใครจะรู้…