การปรากฏขึ้นของ”โพล” 2 สำนักอันแตกต่างและแย้งกันอย่างสิ้นเชิง โดยที่สำนักหนึ่งคะแนนของ นายสกลธี ภัททิยกุล นำโด่ง โดยที่สำนักหนึ่งคะแนนของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นำโด่ง

อาจมิได้เป็นเรื่องแปลกหากประเมินผลโพลของสำนักหลังว่าสอดรับกับผลของนิด้าโพล หรือซูเปอร์โพลโดยพื้นฐาน

กระนั้น องค์ประกอบของตัวละครที่แวดล้อมในแต่ละโพลก็ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาดในเมื่อโพลสำนักแรก คะแนนของ นายชัช ชาติ สิทธิพันธุ์ ได้มาเพียงร้อยละ 1

ขณะที่โพลสำนักหลังแม้จะชู นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ขึ้นสูงเด่นแต่ก็ตามมาโดย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายสกลธี ภัททิยกุล

ขณะที่ชื่อของ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร แห่งพรรคก้าวไกล และชื่อของ น.ต.ศิธา ทิวารี หายไปจากวงจรอย่างสิ้นเชิง และเหนือ

ความคาดหมาย

ผลโพลจาก 2 สำนักอันถือได้ว่าเป็นสำนัก”ข่าว”จึงเท่ากับเป็นการส่งสัญญาณและเป็นการเตือนในทางการเมือง

 

สัญญาณเตือนในที่นี้ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นว่าความเชื่อมั่นในทางสังคมที่ว่า คะแนนและความนิยมของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นำมาอย่างต่อเนื่องอาจเป็นเรื่องโกหก ลวงโลก

เนื่องจากการสำรวจบนพื้นฐานของประชาชนที่แวดล้อมอยู่กับสำนักข่าวอาจไม่เป็นเช่นนั้น อาจเป็นคนอื่นก็ย่อมได้

เพราะนี่เป็นการสำรวจจาก”มวลชน”ที่ติดตามสำนักข่าวนั้น

นี่ย่อมแตกต่างไปจากกระบวนการสำรวจของสถาบันและการศึกษาที่เป็นการสำรวจในวงกว้างมากกว่า และมิได้บ่งชี้ถึงแนวโน้มและการดำรงอยู่ของสำนัก”ข่าว”ต้นสังกัด

การเกิดขึ้นของผลโพลอันแตกต่างและสวนความเห็นกันอย่าง

สิ้นเชิงจึงเท่ากับเป็นสัญญาณเตือนในการดำรงอยู่ของสำนักข่าว

 

มีความจำเป็นที่ประชาชนจะต้องศึกษาและทำความเข้าใจในองค์ประกอบและบริบทในทางความคิด ในทางการเมืองของแต่ละสำนักข่าวอย่างหนักแน่นและจริงจัง

เรียกร้องให้ไม่เพียงแต่พรรคการเมืองต้องทำงาน”จัดตั้ง”อย่าง จริงจัง หากแต่จำเป็นต้องมี”หน่วยโฆษณา”อย่างเป็นรูปการ

เพราะในที่สุดแล้ว”สำนักข่าว”ก็มีตราประทับความคิดที่เด่นชัด