ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 29 เมษายน - 5 พฤษภาคม 2565 |
---|---|
เผยแพร่ |
บทความพิเศษ
คมมีด เซี่ยวลี้ฮวงลิ้ว
กรีดผ่านลำคองาม ‘ดรุณี’ น้อย
‘แค้น’ นี้ฝัง ‘ลึก’ แน่น
การประจันหน้าระหว่าง “คนชุดเขียว” กับ “ลี้คิมฮวง” ต้องถือว่าเป็นการประจันหน้ากันหนแรก แค่ดำเนินไปในเป้าหมายและความต้องการอันแตกต่างกัน
เนื่องจากนี่เป็นสถานการณ์เบื้องต้นที่ลี้คิมฮวงเผชิญเมื่อเดินทางกลับจากนอกด่าน
เป็นสถานการณ์ภายใต้บรรยากาศความกลัวต่อบทบาทและการเคลื่อนไหวของ “โจรดอกเหมย”
“กิมซีกะ” ที่อยู่เบื้องหน้าคือ “เป้าหมาย” ในความต้องการจะยึดครอง
ความประหลาดใจอย่างยิ่งยวดก็คือ เหตุใด “คนชุดเขียว” จึงปรารถนาจะได้ “กิมซีกะ” เป็นอย่างสูง
สูงถึงระดับเอา “หัตถ์อสูรเขียว” และ “กระบี่ไส้ปลา” มาแลก
เมื่อจับ “จุด” นี้ได้ลี้คิมฮวงจึงแปรความปรารถนาของ “คนชุดเขียว” มาเป็นเครื่องต่อรองเพื่อนำไปสู่ความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน “คนชุดเขียว” เองก็ประเมิน “จุดอ่อน” ของลี้คิมฮวงทะลุ
เพียงแต่ยังดำรงฐานข้อมูลเก่าคือ สถานะแห่ง “เซี่ยวลี้ฮวงลิ้ว” เหมือนเดิม นั่นก็คือยังคงความเป็น “ลี้น้อยเจ้าสำราญ” ไม่แปรเปลี่ยน
คำถามก็คือ แล้วตัวลี้คิมฮวงเล่ามันเป็นอย่างไร
หากจับแต่ละคำถามประสานแต่ละคำตอบ ไม่ว่าจะมองจาก “คนชุดเขียว” ไม่ว่าจะมองจาก “เซี่ยวลี้ฮวงลิ้ว” สะท้อนการปะทะ
เป็นการปะทะในเชิง “ยั่ว” ในเชิง “เร้า”
อย่างเช่นเมื่อนางถาม “ท่านดูมือทั้งสองของข้าพเจ้าน่าดูกว่าแชม้อชิ่วหรือไม่” มาพร้อมกับน้ำเสียงอันนุ่มนวลสดใส
ขณะที่คำตอบจากลี้คิมฮวงคือ
“ท่านใช้มือทั้งสองนี้ไปฆ่าคน ก็ต้องไม่มีผู้ใดต่อต้านได้ เหตุใดจึงต้องใช้แชม้อชิ่วอีก”
คนเสื้อเขียวหัวร่อเสียงใสพลางกล่าว “บัดนี้ ข้าพเจ้าตกลงการแลกเปลี่ยนกับท่านอีกครั้ง นับว่ามีเงื่อนไขดีกว่าเดิมบ้างกระมัง”
“ยังไม่ดีเพียงพอ” เป็นคำตอบ
คนชุดเขียวใช้มือที่ไม่มีไฝฝ้าตำหนิดึงแขนเสื้อเบาๆ แขนเสื้อของนางก็ร่วงลงมา เผยให้เห็นแขนอันขาวผ่อง กลมกลึงเป็นประกายรัดรึงใจยิ่ง
“ยังไม่พอ” ยังเป็นคำตอบจากลี้คิมฮวง
จากถุงอันสวมอยู่กับสองมือ ไล่ไปถึงแขนเสื้อ เนื้อแพรบางเบาซึ่งห่มคลุมเรือนร่าง กระทั่งถอดหน้ากากเผยแสดงใบหน้า
นางรอคอย นางเชื้อเชิญ
กระนั้น ลี้คิมฮวงกลับไม่ลุกขึ้น ยังคงรินสุราเพิ่มอีก 1 จอก ยกขึ้นราดรดลงไปในลำคอ และเทซ้ำอีก 1 จอก ยกขึ้นกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
“ข้าพเจ้าไม่มีขวัญตาเยี่ยงนี้มาเนิ่นนานแล้ว ขอบคุณท่าน”
ได้ยินดังนั้น นางขบริมฝีปากแนบแน่น ก้มศีรษะกล่าว “นึกมิถึง บุรุษเยี่ยงท่านยังต้องดื่มสุรามาปลอบขวัญ”
ลี้คิมฮวงกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
“เนื่องเพราะข้าพเจ้าทราบ สตรีที่สวยสะคราญก็ยากยิ่งจะมีความพอใจ”
นางครางเบาๆ ถลาเข้าไปในอ้อมแขนลี้คิมฮวง จอกสุราร่วงหล่นลงกับพื้น แตกกระจายไปในบัดดล
สถานการณ์ต่อจากนี้มากด้วยความแหลมคม
เป็นความแหลมคมที่วาดพรรณนาตามสำนวนแปล ว. ณ เมืองลุง ออกมาว่า มือของลี้คิมฮวงลูบไล้แผ่นหลังอันเรียบลื่นเป็นประกายลงไป
แต่มืออีกข้างยังคงกำมีดสั้นไว้ มีดสั้นซึ่งเรียวแหลม คมกริบ
ร่างนุ่มนิ่มละมุนมือของดรุณีโฉมสะคราญบิดอยู่ไปมา กล่าวด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล “บุรุษตอนอยู่ในเวลาเยี่ยงนี้มือไม่บังควรยังถือมีดอยู่”
“ตอนมือบุรุษถือมีด ท่านก็ไม่บังควรอยู่ในอ้อมอกมัน”
ดรุณีแย้มยิ้มอย่างยียวนพลางกล่าว “หรือ หรือท่านยังอำมหิตมาฆ่าข้าพเจ้าได้”
ลี้คิมฮวงก็กล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ดรุณีนางใดก็ไม่บังควรมีความเชื่อมั่นตัวเองปานนี้ ยิ่งไม่สมควรเปลื้องเปลือยเปล่ามาล่อบุรุษเพศ นางสมควรสวมเสื้อผ้าให้แนบแน่นรัดกุมรอคอยบุรุษไปล่อนางจึงถูกต้อง
มิเช่นนั้น บุรุษก็จะรู้สึกไร้รสชาติขาดความสนุกสนานแล้ว”
มือยกขึ้นเล็กน้อย คมมีดกรีดผ่านลำคอนางไปเบาๆ โลหิตสดๆ หยดหนึ่งหยาดไปบนทรวงอกซึ่งผุดผ่องราวหยกเนื้อดีของนาง
ดุจดังดอกเหมยแดงฉานตกอยู่บนพื้นหิมะขาวสล้าง
เมื่อสถานการณ์แปรเปลี่ยน พลิกผันกลับกลาย นางตะลึงลานจนงงงัน ร่างที่เคยอ่อนระทวยกลับกลายเป็นแข็งกระด้าง
เห็นเช่นนั้น ลี้คิมฮวงยิ้ม
“ท่านในตอนนี้ยังมีความเชื่อมั่นอย่างยิ่งอยู่หรือไม่ ท่านในตอนนี้ยังมั่นใจว่าข้าพเจ้าไม่อาจตัดใจอำมหิตไปฆ่าท่านอยู่หรือไม่”
คมมีดยังคงรออยู่ที่ลำคอ
“ข้าพเจ้าหวังว่า วันหน้าท่านพึงต้องจำเรื่องหลายประการนี้ไว้ 1 บุรุษเพศต่างไม่พอใจเป็นฝ่ายสนอง 2 ท่านมิได้สวยงามดังที่ท่านคิดหมายทะนงเลย”
ดรุณีน้อยขบริมฝีปากแนบแน่น ส่งเสียงสะท้าน
“ข้าพเจ้า ข้าพเจ้า นับถือท่านแล้ว วิงวอนท่าน ยกมือออกไปเถิด”
“ข้าพเจ้ายังต้องการถามท่านอีกเรื่องหนึ่ง สิ่งของที่ท่านต้องการมีบุรุษเพศมากหลายที่ต่างยอมกำนัลแก่ท่าน ดังนั้น ท่านต้องไม่ละโมบในทรัพย์สินสมบัติ และตัวท่านก็เป็นสตรีย่อมไม่ละโมบในความงามของอิสตรี
ดังนั้น เพราะสาเหตุใดกันแน่ท่านจึงยอมเสียสละอย่างใหญ่หลวงมาช่วงชิงกิมซีกะตัวนี้ให้ได้”
“ข้าพเจ้าบอกท่านแล้ว ของที่ยิ่งไม่ได้มาข้าพเจ้ายิ่งต้องการ”
คําตอบของนางนับว่าแจ่มชัด เหมือนกับตรงคำถาม แต่ในความรู้สึกว่าคล้องรับกับคำถามนั้นกลับสะท้อนแต่เพียงผิว
มิได้หยั่งลึกลงไปใน “ความเป็นจริง” อัน “จริงแท้”
เนื่องจากความเป็นจริงอัน “จริงแท้” ซึ่งเป็นตัวตนของนางจะค่อยคลี่ออกมาในแต่ละบทบาทในแต่ละพฤติการณ์ โดยเฉพาะจากความจริงที่ลี้คิมฮวงตั้งข้อสังเกต
“ข้าพเจ้าไม่ยกมีดออกจากลำคอ หรือท่านไม่อาจยกลำคอออกจากมีดข้าพเจ้า”
ด้านหนึ่ง ดรุณีน้อยถลึงจ้องแน่วนิ่ว ดวงตาคู่งามของนางคล้ายมีเปลวไฟพวยพุ่งออกมา แต่อีกด้านนางกลับพลันหัวร่อ
“ข้าพเจ้าทราบแต่แรก ท่านยังไม่อาจหักใจฆ่าข้าพเจ้าได้”
นางขบกรามแน่น หอบเอาเสื้อผ้าทั้งมวล พุ่งตัวออกไปดังสายฟ้า ได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดของนางด่าประณามมาแต่ไกล
“ลี้คิมฮวง ท่านมิใช่บุรุษ ท่านยิ่งมิใช่มนุษย์
ไม่มีประโยชน์แม้สักน้อยนิด มิน่าเล่า ภรรยาที่ยังมิได้วิวาห์ของท่านจึงหนีตามสหายรักที่สุดของท่านไป เราตอนนี้จึงได้ทราบว่าเป็นเพราะสาเหตุใด”
คำพูดนี้คล้ายเป็นเข็มแหลม แทงเข้าไปในหัวใจอย่างทารุณ
ภรรยาในอนาคต สหายรักที่สุด เข็มนี้ของ “ดรุณีน้อย” แทงทะลุไปถึงภรรยาในอนาคต ทะลวงเข้าไปถึงสหายรักที่สุด
นี่คือ “โศกนาฏกรรม” นี่คือกระบี่มากรัก กระบี่ไร้น้ำใจ