คมมีด เซี่ยวลี้ฮวงลิ้ว กรีดผ่านลำคองาม ‘ดรุณี’ น้อย ‘แค้น’ นี้ฝัง ‘ลึก’ แน่น/บทความพิเศษ

บทความพิเศษ

 

คมมีด เซี่ยวลี้ฮวงลิ้ว

กรีดผ่านลำคองาม ‘ดรุณี’ น้อย

‘แค้น’ นี้ฝัง ‘ลึก’ แน่น

 

การประจันหน้าระหว่าง “คนชุดเขียว” กับ “ลี้คิมฮวง” ต้องถือว่าเป็นการประจันหน้ากันหนแรก แค่ดำเนินไปในเป้าหมายและความต้องการอันแตกต่างกัน

เนื่องจากนี่เป็นสถานการณ์เบื้องต้นที่ลี้คิมฮวงเผชิญเมื่อเดินทางกลับจากนอกด่าน

เป็นสถานการณ์ภายใต้บรรยากาศความกลัวต่อบทบาทและการเคลื่อนไหวของ “โจรดอกเหมย”

“กิมซีกะ” ที่อยู่เบื้องหน้าคือ “เป้าหมาย” ในความต้องการจะยึดครอง

ความประหลาดใจอย่างยิ่งยวดก็คือ เหตุใด “คนชุดเขียว” จึงปรารถนาจะได้ “กิมซีกะ” เป็นอย่างสูง

สูงถึงระดับเอา “หัตถ์อสูรเขียว” และ “กระบี่ไส้ปลา” มาแลก

เมื่อจับ “จุด” นี้ได้ลี้คิมฮวงจึงแปรความปรารถนาของ “คนชุดเขียว” มาเป็นเครื่องต่อรองเพื่อนำไปสู่ความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกัน “คนชุดเขียว” เองก็ประเมิน “จุดอ่อน” ของลี้คิมฮวงทะลุ

เพียงแต่ยังดำรงฐานข้อมูลเก่าคือ สถานะแห่ง “เซี่ยวลี้ฮวงลิ้ว” เหมือนเดิม นั่นก็คือยังคงความเป็น “ลี้น้อยเจ้าสำราญ” ไม่แปรเปลี่ยน

คำถามก็คือ แล้วตัวลี้คิมฮวงเล่ามันเป็นอย่างไร

 

หากจับแต่ละคำถามประสานแต่ละคำตอบ ไม่ว่าจะมองจาก “คนชุดเขียว” ไม่ว่าจะมองจาก “เซี่ยวลี้ฮวงลิ้ว” สะท้อนการปะทะ

เป็นการปะทะในเชิง “ยั่ว” ในเชิง “เร้า”

อย่างเช่นเมื่อนางถาม “ท่านดูมือทั้งสองของข้าพเจ้าน่าดูกว่าแชม้อชิ่วหรือไม่” มาพร้อมกับน้ำเสียงอันนุ่มนวลสดใส

ขณะที่คำตอบจากลี้คิมฮวงคือ

“ท่านใช้มือทั้งสองนี้ไปฆ่าคน ก็ต้องไม่มีผู้ใดต่อต้านได้ เหตุใดจึงต้องใช้แชม้อชิ่วอีก”

คนเสื้อเขียวหัวร่อเสียงใสพลางกล่าว “บัดนี้ ข้าพเจ้าตกลงการแลกเปลี่ยนกับท่านอีกครั้ง นับว่ามีเงื่อนไขดีกว่าเดิมบ้างกระมัง”

“ยังไม่ดีเพียงพอ” เป็นคำตอบ

คนชุดเขียวใช้มือที่ไม่มีไฝฝ้าตำหนิดึงแขนเสื้อเบาๆ แขนเสื้อของนางก็ร่วงลงมา เผยให้เห็นแขนอันขาวผ่อง กลมกลึงเป็นประกายรัดรึงใจยิ่ง

“ยังไม่พอ” ยังเป็นคำตอบจากลี้คิมฮวง

 

จากถุงอันสวมอยู่กับสองมือ ไล่ไปถึงแขนเสื้อ เนื้อแพรบางเบาซึ่งห่มคลุมเรือนร่าง กระทั่งถอดหน้ากากเผยแสดงใบหน้า

นางรอคอย นางเชื้อเชิญ

กระนั้น ลี้คิมฮวงกลับไม่ลุกขึ้น ยังคงรินสุราเพิ่มอีก 1 จอก ยกขึ้นราดรดลงไปในลำคอ และเทซ้ำอีก 1 จอก ยกขึ้นกล่าวอย่างยิ้มแย้ม

“ข้าพเจ้าไม่มีขวัญตาเยี่ยงนี้มาเนิ่นนานแล้ว ขอบคุณท่าน”

ได้ยินดังนั้น นางขบริมฝีปากแนบแน่น ก้มศีรษะกล่าว “นึกมิถึง บุรุษเยี่ยงท่านยังต้องดื่มสุรามาปลอบขวัญ”

ลี้คิมฮวงกล่าวอย่างยิ้มแย้ม

“เนื่องเพราะข้าพเจ้าทราบ สตรีที่สวยสะคราญก็ยากยิ่งจะมีความพอใจ”

นางครางเบาๆ ถลาเข้าไปในอ้อมแขนลี้คิมฮวง จอกสุราร่วงหล่นลงกับพื้น แตกกระจายไปในบัดดล

สถานการณ์ต่อจากนี้มากด้วยความแหลมคม

 

เป็นความแหลมคมที่วาดพรรณนาตามสำนวนแปล ว. ณ เมืองลุง ออกมาว่า มือของลี้คิมฮวงลูบไล้แผ่นหลังอันเรียบลื่นเป็นประกายลงไป

แต่มืออีกข้างยังคงกำมีดสั้นไว้ มีดสั้นซึ่งเรียวแหลม คมกริบ

ร่างนุ่มนิ่มละมุนมือของดรุณีโฉมสะคราญบิดอยู่ไปมา กล่าวด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล “บุรุษตอนอยู่ในเวลาเยี่ยงนี้มือไม่บังควรยังถือมีดอยู่”

“ตอนมือบุรุษถือมีด ท่านก็ไม่บังควรอยู่ในอ้อมอกมัน”

ดรุณีแย้มยิ้มอย่างยียวนพลางกล่าว “หรือ หรือท่านยังอำมหิตมาฆ่าข้าพเจ้าได้”

ลี้คิมฮวงก็กล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ดรุณีนางใดก็ไม่บังควรมีความเชื่อมั่นตัวเองปานนี้ ยิ่งไม่สมควรเปลื้องเปลือยเปล่ามาล่อบุรุษเพศ นางสมควรสวมเสื้อผ้าให้แนบแน่นรัดกุมรอคอยบุรุษไปล่อนางจึงถูกต้อง

มิเช่นนั้น บุรุษก็จะรู้สึกไร้รสชาติขาดความสนุกสนานแล้ว”

มือยกขึ้นเล็กน้อย คมมีดกรีดผ่านลำคอนางไปเบาๆ โลหิตสดๆ หยดหนึ่งหยาดไปบนทรวงอกซึ่งผุดผ่องราวหยกเนื้อดีของนาง

ดุจดังดอกเหมยแดงฉานตกอยู่บนพื้นหิมะขาวสล้าง

 

เมื่อสถานการณ์แปรเปลี่ยน พลิกผันกลับกลาย นางตะลึงลานจนงงงัน ร่างที่เคยอ่อนระทวยกลับกลายเป็นแข็งกระด้าง

เห็นเช่นนั้น ลี้คิมฮวงยิ้ม

“ท่านในตอนนี้ยังมีความเชื่อมั่นอย่างยิ่งอยู่หรือไม่ ท่านในตอนนี้ยังมั่นใจว่าข้าพเจ้าไม่อาจตัดใจอำมหิตไปฆ่าท่านอยู่หรือไม่”

คมมีดยังคงรออยู่ที่ลำคอ

“ข้าพเจ้าหวังว่า วันหน้าท่านพึงต้องจำเรื่องหลายประการนี้ไว้ 1 บุรุษเพศต่างไม่พอใจเป็นฝ่ายสนอง 2 ท่านมิได้สวยงามดังที่ท่านคิดหมายทะนงเลย”

ดรุณีน้อยขบริมฝีปากแนบแน่น ส่งเสียงสะท้าน

“ข้าพเจ้า ข้าพเจ้า นับถือท่านแล้ว วิงวอนท่าน ยกมือออกไปเถิด”

“ข้าพเจ้ายังต้องการถามท่านอีกเรื่องหนึ่ง สิ่งของที่ท่านต้องการมีบุรุษเพศมากหลายที่ต่างยอมกำนัลแก่ท่าน ดังนั้น ท่านต้องไม่ละโมบในทรัพย์สินสมบัติ และตัวท่านก็เป็นสตรีย่อมไม่ละโมบในความงามของอิสตรี

ดังนั้น เพราะสาเหตุใดกันแน่ท่านจึงยอมเสียสละอย่างใหญ่หลวงมาช่วงชิงกิมซีกะตัวนี้ให้ได้”

“ข้าพเจ้าบอกท่านแล้ว ของที่ยิ่งไม่ได้มาข้าพเจ้ายิ่งต้องการ”

 

คําตอบของนางนับว่าแจ่มชัด เหมือนกับตรงคำถาม แต่ในความรู้สึกว่าคล้องรับกับคำถามนั้นกลับสะท้อนแต่เพียงผิว

มิได้หยั่งลึกลงไปใน “ความเป็นจริง” อัน “จริงแท้”

เนื่องจากความเป็นจริงอัน “จริงแท้” ซึ่งเป็นตัวตนของนางจะค่อยคลี่ออกมาในแต่ละบทบาทในแต่ละพฤติการณ์ โดยเฉพาะจากความจริงที่ลี้คิมฮวงตั้งข้อสังเกต

“ข้าพเจ้าไม่ยกมีดออกจากลำคอ หรือท่านไม่อาจยกลำคอออกจากมีดข้าพเจ้า”

ด้านหนึ่ง ดรุณีน้อยถลึงจ้องแน่วนิ่ว ดวงตาคู่งามของนางคล้ายมีเปลวไฟพวยพุ่งออกมา แต่อีกด้านนางกลับพลันหัวร่อ

“ข้าพเจ้าทราบแต่แรก ท่านยังไม่อาจหักใจฆ่าข้าพเจ้าได้”

นางขบกรามแน่น หอบเอาเสื้อผ้าทั้งมวล พุ่งตัวออกไปดังสายฟ้า ได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดของนางด่าประณามมาแต่ไกล

“ลี้คิมฮวง ท่านมิใช่บุรุษ ท่านยิ่งมิใช่มนุษย์

ไม่มีประโยชน์แม้สักน้อยนิด มิน่าเล่า ภรรยาที่ยังมิได้วิวาห์ของท่านจึงหนีตามสหายรักที่สุดของท่านไป เราตอนนี้จึงได้ทราบว่าเป็นเพราะสาเหตุใด”

คำพูดนี้คล้ายเป็นเข็มแหลม แทงเข้าไปในหัวใจอย่างทารุณ

ภรรยาในอนาคต สหายรักที่สุด เข็มนี้ของ “ดรุณีน้อย” แทงทะลุไปถึงภรรยาในอนาคต ทะลวงเข้าไปถึงสหายรักที่สุด

นี่คือ “โศกนาฏกรรม” นี่คือกระบี่มากรัก กระบี่ไร้น้ำใจ