แป๊ะยิ้มชวนพอแปดปี/เหยี่ยวถลาลม

เหยี่ยวถลาลม

 

แป๊ะยิ้มชวนพอแปดปี

 

ไม่เข้าใจว่าขึ้น “ป้าย” แค่นี้ทำไมน้องนุ่งถึงได้สะดุ้งสะเทือนจน “พี่ใหญ่” ทนรำคาญไม่ไหว ต้องสั่งรื้อป้ายที่ติดตั้งในทุกเส้นทางออกทั้งหมดพร้อมบ่นอุบ-ป้ายหาเสียงอะไรกันฟะ! หาเสียงยังไง หัวหน้าพรรคอื่นๆ เค้าก็ติดป้ายกัน

ช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ รถหลายแสนคันมุ่งหน้าออกจาก กทม.เหมือนผึ้งแตกรัง ย่อมเป็นนาทีทองของ “ป้าย” เปิดตัวหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในท่า “แป๊ะยิ้ม”

อย่าลืมว่า กว่าที่ป้ายโฆษณาอวยพรวันสงกรานต์ของ “บิ๊กป้อม” จะได้ติดตั้งปิดแผ่นฟ้าให้ยิ่งใหญ่อลังการนั้นต้องระดมคนเตรียมงานล่วงหน้ากันวุ่นวายเหนื่อยหนักแค่ไหน กว่าป้ายจะถูกติดตั้งปูพรมครอบคลุมทุกเส้นทางต้องควักทุนมหาศาล ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วป้ายนั้นก็ไม่ได้มีเนื้อหาอะไรพิเศษ เพียงแค่มีชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับข้อความ “ขอให้คนไทยมีสุขภาพดี มีความสุข อยู่ดีกินดีตลอดไป”

พี่ใหญ่ไม่เข้าใจ-ผิดตรงไหน!?

แต่เมื่อ “มีคนไม่สบายใจ” พี่ใหญ่ก็สั่งกวาดเก็บป้ายเป็นพันๆ ชิ้นจนหมดเกลี้ยง

มีจังหวะ นักข่าวจึงประเคนคำถาม “มีคนคิดว่าท่านอยากจะเป็นนายกรัฐมนตรี?”

บิ๊กป้อม “โอ้โห! แล้วนายกฯ ติดป้ายได้มะ นายกฯ ก็ติดไม่ได้”

นักข่าวซักต่อ “พล.อ.ประยุทธ์ว่าพลังประชารัฐเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ เพียงคนเดียวจริงไหม”

บิ๊กป้อมงัดมุขเดิมใส่ “ไม่รู้”

สุภาษิตญี่ปุ่นว่า มีสติ-ไม่พูดมาก ขาดสติ-คุยโวโอ้อวด คนโง่อวดฉลาดไม่น่ากลัว ทำนองเดียวกับหมาเห่าไม่กัด ที่ต้องโค้งคำนับ คือฉลาดแล้วแสร้งโง่

ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก “ประวิตร วงษ์สุวรรณ” นั่งหัวโต๊ะประชุมใหญ่สามัญพรรคพลังประชารัฐ ที่นครราชสีมา เตรียมทัพสู้ศึกเลือกตั้งตามที่เคยสะกิดเตือนสมาชิกเอาไว้ว่า อาจมีการยุบสภาราวเดือนพฤศจิกายน และอาจเลือกตั้งหลังปีใหม่ล่วงผ่านไปเล็กน้อย

เลือกตั้งคราวหน้า “พลังประชารัฐ” ตั้งเป้า 150 ที่นั่ง

ภาคกลางรวมตะวันออก 60-70 ที่นั่ง อีสานกับภาคเหนือตอนล่าง 30 ภาคใต้ 20 กทม. 10 ขึ้นไป กับบัญชีรายชื่ออีก 20-25 ที่นั่ง

ต้องไม่ลืมว่า “บิ๊กป้อม” มีพรรคการเมืองและนักการเมืองในสังกัด

“บิ๊กป้อม” ยินดีกระโดดลงเล่นในสนามเลือกตั้งตามกติกา

 

ต่างจาก “บิ๊กตู่” ที่ทำตัวเหมือน “ตาอยู่” ไม่มีพรรค ไม่มีนักการเมืองสังกัด มิพักต้องลงทุนลงแรง ได้แต่อาศัยรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งสร้าง “ส.ว. 250 คน” ขึ้นมาพร้อมกับมอบ “มืออาญาสิทธิ์” ให้สามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

ผลิตผลที่ประเทศได้รับคือได้ “หัวหน้า คสช.” กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี (ตามแผน)

บิ๊กตู่จะอยู่ในอำนาจครบ 8 ปีในวันที่ 22 พฤษภาคม 2565 นี้ ทั้งที่ตั้งแต่วันนั้น (22 พฤษภาคม 2557) มาจนถึงวันนี้โฆษณาชวนเชื่อเอาไว้ว่า “ขอเวลาอีกไม่นาน”

ถ้าทุกด้านของบ้านเมืองระส่ำ บริหารประเทศได้ตกต่ำขนาดนี้แล้ว ป.-ประยุทธ์ยังคิดจะหวนกลับมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกเป็นรอบที่ 3 สถานการณ์ก็จะกลายเป็น “ช่องว่าง” ขึ้นมาเล็กน้อย สร้างความชอบธรรมให้กับ “บิ๊กป้อม” ในฐานะผู้ที่เข้าตามตรอก ออกตามประตู

ถึงแม้จะรู้กันอยู่ว่า “ตรอก” กับ “ประตู” นั้นเกิดจาก “กติกู” หรือกลไกที่ “คสช.” บรรจงสร้างเอาไว้ให้สืบทอดอำนาจ

ใช่หรือไม่ว่า มาถึงวันนี้น้องน่าจะพอและลงจากเวทีได้แล้ว

ทำไมพี่ใหญ่จะฝันเป็นนายกรัฐมนตรีบ้างไม่ได้

มีเหตุผลอะไรที่ “พลังประชารัฐ” จะต้องปั้น “ผู้อื่น” ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี

แต่ “พลังประชารัฐ” ก็ยังอุตส่าห์ส่งโฆษกสาวออกมาเจื้อยแจ้วว่า ความสัมพันธ์ 3 ป.ยังคงแนบแน่น ไม่มีรอยร้าว แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคยังคงเป็น พล.อ.ประยุทธ์เหมือนเดิม พรรคจะสานฝันบิ๊กตู่ให้เป็นจริงอีก 1 สมัยบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

ในขณะที่ “ตู่” ตัวเปล่าเล่าเปลือยก็เปรยกับผู้สื่อข่าวว่า “ท่านก็บอกผมว่าท่านยินดีสนับสนุนนายกฯ ตลอดไปนะ”

 

ทว่า ในอีกฉากหนึ่ง มี “ความเคลื่อนไหว” ก่อนที่ “ป้ายแป๊ะยิ้ม” จะปรากฏในห้วงสงกรานต์

“นายหัว” มือชักนักเชิดหนังตะลุงแห่งปักษ์ใต้พร้อมพวกพ้องบริวารผุดพรรคใหม่ “รวมไทยสร้างชาติ” ขึ้นมาทำไมและเพื่อใคร

แผนเดิม “รวมไทยสร้างชาติ” จะประชุมใหญ่กันที่สโมสรราชพฤกษ์ ถนนวิภาวดี ซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่ว่า “ที่ของใคร” กะจะเปิดตัว “บิ๊กเซอร์ไพรส์” กันเลยทีเดียว แต่ภายหลังเปลี่ยนไปจัดที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ธนบุรี ซึ่งมี “บังอร เบ็ญจาธิกุล” เป็นอธิการบดี-ไม่มีบิ๊กเซอร์ไพรส์

เสกสกล อัตถาวงศ์ 1 ในผู้ร่วมก่อตั้งพรรคใหม่ “รวมไทยสร้างชาติ” ชี้แจงว่า “ผู้ใหญ่” เห็นว่ายังไม่ควรเปิดตัวในวันนี้ ให้ทำพรรคให้เรียบร้อยก่อน หลังจากนั้นเชิญผู้ใหญ่มาร่วม ตั้งใจจะเปิดตัวบิ๊กเซอร์ไพรส์ประมาณมิถุนายนถึงกรกฎาคม

“บังอร” มีลูกชายชื่อ “ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล”

เดิม “ดวงฤฤทธิ์” เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 25 ของ “ประชาธิปัตย์” แต่ลาออกแล้วไปเข้าร่วม “พรรครวมพลังประชาชาติไทย” อยู่ในร่มเงา “สุเทพ เทือกสุบรรณ” จึงเป็น “เลขานุการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และเป็นโฆษกกระทรวง อว. พร้อมกับมีกระแสว่าถูกบิ๊กเนมหนึ่งทาบทามให้เข้ารับหน้าที่ “เลขาธิการ” พรรคใหม่-รวมไทยสร้างชาติ

“รวมไทยสร้างชาติ” เสมือนพรรคฝาแฝดกับ “รวมพลังประชาชาติไทย” จะเป็นฐานที่มั่นอันมั่นคงให้กับใคร-อย่าได้ถามในเวลานี้เดี๋ยวจะโดนสวน “ถามแปลกๆ บ้าหรือเปล่า”

 

ไม่มีอะไรที่แน่นอนในทางการเมือง

แต่ถ้าสำรวม ครองสติได้ ไม่ปล่อยให้โทสะเป็นเจ้าเรือน ไม่เอาโมหะมาเป็นเพื่อน จิตไม่ตกก็จะไม่อารมณ์เสียง่าย ไม่ต้องใช้เสียงข่มคุกคามคู่สนทนา

มีคนถอดรหัสปริศนาการเมืองจาก “ป้ายแป๊ะยิ้ม” แล้วฟันธงว่า ถึงแม้เคยกอดคอทำรัฐประหารร่วมกันมาและกระชับอำนาจทางทหารเอาไว้ในมือนานกว่า 1 ทศวรรษ แต่ความสัมพันธ์ 3 ป.ไม่มีวันเหมือนเดิม

สถานการณ์สร้างคน-คนสร้างสถานการณ์

“ป.-หนึ่ง” อยู่มา 8 ปี = จนทั้งแผ่นดิน

อีก “ป.-หนึ่ง” จึงเสนอว่า = อยู่ดีกินดีตลอดไป!?!!!