เปิดหู | “ช้าง ช้าง ช้าง”

อัษฎา อาทรไผท

ช้าง ช้าง ช้าง

เมื่อแร็ปเปอร์สาววัย 19 ปี จากไทย มิลลิ (ดนุภา คณาธีรกุล) แห่งค่ายเพลง YUPP! ได้เป็นศิลปินไทยคนที่สอง (ต่อจาก ลิซ่า วง Blackpink) ที่ได้ไปขึ้นแสดงบนเวทีคอนเสิร์ตงานเทศกาลดนตรีและศิลปะ Coachella ที่โคเชลลาแวลลีย์ รัฐแคลิฟอร์เนียร์ สหรัฐอเมริกา นอกจากเธอจะสร้างความตื่นเต้นดีใจให้ชาวไทยแล้ว เธอยังได้ฝากข้อความเสียดสีในประเทศ ทิ้งไว้บนเวทีมากมาย หลายคนโดนใจและชื่นชอบ ในขณะเดียวกัน อีกหลายคนที่คิดต่างก็ไม่เห็นด้วย (ส่วนผมไม่ขอกล่าวถึงส่วนนั้น)

แต่ผมขอนำส่วนที่เธอร้องไว้ในเพลงว่า “One thing, I didn’t ride an elephant” หรือแปลตามอารมณ์เพลงได้ว่า “ อีกอย่างหนึ่งนะ กูไม่ได้ขี่ช้าง” มาขยายความสักหน่อยครับ

เบื้องต้นเลย สิ่งที่ มิลลิ สื่อสารออกมา ให้เราเห็นว่าชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอเมริกันชน ที่เชื่อว่าคนไทยยังขี่ช้างอยู่ ยังคงเป็นปัญญาทางความคิดอยู่ในยุคปัจจุบัน ตอนแรกผมเองก็ตกใจ เพราะนึกว่าคนสมัยนี้ ในยุคที่การสื่อสารไร้พรมแดน จะเข้าใจแล้วว่า ไม่มีใครที่ไทยเขาโดยสารช้างจริงๆ จังๆ กันแล้ว

ย้อนกลับไปราว 30 ปีก่อน สมัยที่ผมร่ำเรียนอยู่ที่อเมริกา เพื่อนๆ มักมาถามอย่างไม่เสแสร้ง ถึงการขี่ช้างไปไหนมาไหนของผม ผมยังจำได้แม่นว่า เขามาถามผมว่า “ที่ไทยนายขี่ช้างไปโรงเรียนใช่ไหม?” ตอนนั้นผมเองที่ยังไม่เคยแม้แต่ขึ้นไปนั่งบนช้าง ก็ได้แต่ตอบไปว่า “ไม่เคย ก็นั่งรถมาเหมือนที่อเมริกานี่แหละ” ตอนนั้นรู้สึกเบื่อที่จะโดนมองว่ามาจากที่ๆ ไร้ความเจริญ ทั้งๆ ที่ละแวกที่ผมไปเรียน กรุงเทพมหานครมีความเจริญกว่ามากเสียอีก แต่ก็มิวายโดนดูถูกอยู่ดี

นอกจากจะเรื่องช้างแล้ว สมัยนั้นหัวข้อที่ถูกตีตราเมื่อเขารู้ว่าเป็นคนไทย คือเรื่องที่เราใช้ตุ๊กๆ กันเป็นล่ำเป็นสัน และ โสเภณีไทยมีทุกหัวระแหง จะมีอยู่เรื่องเดียวที่ผมถูกใจ นั่นคือทุกคนจะเข้าใจว่าผมเป็นแม่ไม้มวยไทย และไม่มีใครอยากมีเรื่องด้วย ทั้งๆ ที่ผมเองก็ไม่ได้มีวิชามวยไทยอะไรสักนิด ทุกสิ่งเป็นผลพลอยได้จากภาพต่างๆ ที่ออกมาตามสื่อทั้งนั้น โดยเฉพาะในภาพยนต์ที่ทำให้ชาวต่างชาติมองเราว่า เป็นดินแดนดิบๆ ที่แตกต่างจากเขามาก ทั้งๆ ที่จริงๆ ทั้งเขาและเราก็มีส่วนเถื่อนและส่วนดีพอๆ กัน

แต่สำหรับเรื่องช้าง เห็นทีจะไปโทษใครไม่ได้ เพราะพวกเราชาวไทยก็ยกให้ช้างเป็นสัญลักษณ์ของชาติมาช้านาน ใครมาเที่ยวเมืองไทยต้องไปนั่งช้าง ดูโชว์ช้าง อาบน้ำช้าง ภาพต่างๆ ที่ออกมาก็มีแต่ช้าง ช้าง ช้าง เช่นกันกับจุดเด่นอื่นๆ ของไทย ทั้งที่เราชอบและไม่ชอบ เวลานักท่องเที่ยวมา เขาก็ถวิลหาแต่สิ่งที่เขาคุ้นเคยจากสื่อต่างๆ

แม้แต่เพลงไทยที่ต่างชาติรู้จัก ยังเป็นเพลง “ช้าง” เพลงที่ได้รับการยกย่องให้เป็นเพลงประจำประเทศภาคพื้นเอเชีย โดยศูนย์วัฒนธรรมแห่งเอเชีย หน่วยงานยูเนสโก สหประชาชาติ

พื้นที่ๆ เหลือของบทความนี้ จะเล่าถึงที่มาของเพลงนี้ ที่ผมเชื่อว่าหลายท่านอาจจะยังไม่ทราบกันครับ

เพลง “ช้าง”

“ช้าง ช้าง ช้าง น้องเคยเห็นช้างหรือเปล่า
ช้างมันตัวโตไม่เบา จมูกยาวๆ เรียกว่างวง
สองเขี้ยวใต้งวงเรียกว่างา มีหูมีตาหางยาว”

เป็นเนื้อร้องเวอร์ชั่นหนึ่งของเพลงที่ทุกคนรู้จักเพลงนี้ ที่ได้รับการแต่งเนื้อร้องโดย คุณหญิงชิ้น ศิลปบรรเลง (ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ประจำปี พ.ศ. 2531) เพื่อใช้ประกอบบทเรียนในรายการ “วิทยุโรงเรียน” ของกระทรวงศึกษาธิการ ส่วนทำนองเพลงนั้นมาจากเพลงไทยเดิมสำเนียงพม่า ชื่อว่า “พม่าเขว” ที่มีสืบทอดมาช้านานจนไม่อาจทราบชื่อผู้แต่งได้ โดยมีเนื้อร้องว่า

“เขว เขว เขว เสแสร้งแต่งเป็นพม่า
ถือกลองย่างย่องออกมา
เอาว่ะ ทุงยาบาเล
เล เล้ เล เล เล เล”

เมื่อนำเนื้อร้องเพลงช้างมาสวมแทนที่เนื้อร้องเดิมแล้ว ก็เข้ากันได้ดีจนเป็นที่โปรดปรานของทั้งผู้ใหญ่และเด็ก กลายเป็นเพลงฮิตติดหูสืบทอดกันมาจนปัจจุบัน

เพลง “ช้าง” นี้ นับเป็นสมบัติที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น เป็นเสมือนเพลงคลาสสิคของไทย ที่เมื่อเอ่ยร้องขึ้นมา ใครๆ ก็ร้องตามไปด้วยกันได้ โดยไม่ต้องนึกเนื้อ แต่ก็น่าตลกนัก ในขณะที่ฝรั่งหลายคนนึกว่าเรายังขี่ช้างกันอยู่ เด็กไทยมากมายในปัจจุบัน ได้รับการศึกษาในระบบนานาชาติ ทำให้เพลง “ช้าง” ที่เราคุ้นเคยนี้ ถูกแทนที่ด้วยเพลง Nursery Rhyme อย่าง Twinkle Little Stars ไปหมดแล้ว

และวันหนึ่งเมื่อพวกเขาได้ไปเมืองนอก และเจอฝรั่งมาถามว่า “ที่ไทยยังขี่ช้างไปไหนมาไหนอยู่ไหม?” เขาอาจตอบไปอย่างงงงงว่า “ช้าง ช้าง ช้าง ไม่เคยเห็นช้างแล้วอ่ะ!”