ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ | เส้นทางสู่การเลือกตั้ง และสืบทอดอำนาจอำมหิต

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon

ไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับต่อไปอีกแล้ว คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องการจะเป็นนายกรัฐมนตรีให้ครบวาระ หรืออย่างน้อยที่สุดก็จนกว่าการประชุมเอเปคเสร็จสิ้นลง

นั่นหมายความว่าคนที่ไม่ชอบคุณประยุทธ์ต้องทนอยู่กับคุณประยุทธ์ไปอีกเกือบปีให้ได้ เว้นแต่เสียว่าสภาจะสามารถล้มคุณประยุทธ์ได้จริงๆ

ฝ่ายค้านยืนยันว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้จะทำให้คุณประยุทธ์พังคาสภา แต่เมื่อคำนึงถึงจำนวน ส.ส.ของฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาล เหตุการณ์ “พังคาสภา” จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ ส.ส.ฝ่ายค้านโหวตคว่ำประยุทธ์เป็นเอกภาพ และ ส.ส.รัฐบาลเกือบ 30 โหวตแบบเดียวกับฝ่ายค้านพร้อมกัน

เชื่อกันว่าพรรคคุณธรรมนัส พรหมเผ่า จะเป็นตัวแปรให้คุณประยุทธ์ “พังคาสภา”

แต่ด้วยเหตุที่พรรคคุณธรรมนัสมี ส.ส.ที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ 16 ราย ตัวเลขนี้ย่อมไม่พอจะทำให้เหตุการณ์ “พังคาสภา” เกิดขึ้นได้จริงๆ

ไม่ต้องพูดถึงโอกาสที่ ส.ส.ฝ่ายค้านจะโหวตไม่เป็นเอกภาพซึ่งมีมากเหลือเกิน

ปัญหาที่ไม่มีใครรู้คือพรรคคุณธรรมนัสเป็นพรรคของใคร คุณประวิตร วงษ์สุวรรณ เคยประกาศว่าพรรคคุณธรรมนัสเป็นพรรคของคุณประวิตร และหัวหน้าพรรคก็เป็นคนของคุณประวิตรด้วย ซ้ำยังสำทับว่าทั้งพรรคมีคุณธรรมนัสคนเดียวที่ไม่เอาประยุทธ์ และคุณธรรมนัสก็ไม่เคยปฏิเสธเรื่องนี้เลย

หากพรรคคุณธรรมนัสเป็นของคุณประวิตรจริงๆ โอกาสที่พรรคนี้จะทำให้คุณประยุทธ์ “พังคาสภา” ก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก เว้นแต่ว่าคุณประวิตรจะมีคำสั่งให้พรรคคุณธรรมนัสทำแบบนั้น แต่ในขณะนี้เรื่องนี้ยังไม่มีสัญญาณแม้แต่นิดเดียว

ยิ่งนึกถึง ส.ส.งูเห่าที่เพ่นพ่านอยู่ในพรรคฝ่ายค้านทุกพรรค ไม่เว้นแม้แต่พรรคเพื่อไทย ความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุการณ์ที่คุณประยุทธ์ “พังคาสภา” ก็ยิ่งน้อยลงไปอีก เว้นเสียแต่จะมีพรรคใหญ่จากฝั่งรัฐบาลแตกตัวมาหนุนฝ่ายค้าน

ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้เลย

จริงอยู่ รัฐบาลมีความระหองระแหงภายในพรรคและภายในคณะรัฐมนตรีอย่างไม่เคยมีมาก่อน พลังประชารัฐที่เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มก๊วนยังคงเป็นกลุ่มก๊วนต่อไป ส่วนรัฐมนตรีก็ถึงขั้นทะเลาะกลางที่ประชุมจนคุณประยุทธ์ต้องไล่ออกจากห้องทั้งคู่ แต่ก็ไม่มีใคจะแยกตัวมาหนุนฝ่ายค้านเลย

แน่นอนว่าความนิยมของประชาชนต่อคุณประยุทธ์เป็นขาลง ส่วนแรงต้านคุณประยุทธ์ในฐานะนายกฯ มากจนคุณประยุทธ์สะท้อนใน ครม.ว่าทำอะไรก็ถูกมองว่าโง่ไปหมด แต่ไม่ได้หมายความว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะมองประเด็นนี้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจว่าจะอยู่หรือไปจากรัฐบาล

โพลทุกสำนักชี้ตรงกันว่ากระแสเพื่อไทยมาแรง และหากใครลงพื้นที่ภาคเหนือและอีสานก็จะพบว่าเพื่อไทยกระแสแรงจริงๆ จนไม่มีทางที่คุณประยุทธ์จะยอมให้ประชาชนเลือกรัฐบาลใหม่ ส่วนพรรคร่วมไม่มีทางยอมหมดอำนาจในเวลาที่ไม่มั่นใจว่าจะได้อำนาจกลับมา

คุณประยุทธ์ไม่ได้อะไรจากการยุบสภา เช่นเดียวกับพรรคร่วมก็ไม่ได้อะไรจากการกดดันให้คุณประยุทธ์ยุบสภาด้วย และในเวลาที่การ “พังคาสภา” จนคุณประยุทธ์ต้องยุบสภานั้นไม่ทำให้ใครในรัฐบาลได้อะไร โอกาสเกิดความเปลี่ยนแปลงจากฝั่งรัฐบาลจึงแทบไม่มีทางเป็นไปได้เลย

ยิ่งเพื่อไทยกระแสแรงก็ยิ่งทำให้คุณประยุทธ์ไม่กล้ายุบสภา, พรรคร่วมไม่ถอนความสนับสนุนคุณประยุทธ์ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ, พรรคคุณธรรมนัสไม่มีทางร่วมมือกับฝ่ายค้านจนคุณประยุทธ์ “พังคาสภา” และพรรคปัดเศษไม่มีทางโหวตคว่ำรัฐบาลอย่างที่เคยคาดคิดกัน

จริงอยู่ว่าทุกวันนี้พรรคการเมืองพื้นที่เพื่อเตรียมตัวสู่การเลือกตั้งและยุบสภา แต่ถ้าสังเกตให้ดี พรรรคการเมืองที่ทำแบบนี้ล้วนเป็นพรรคฝ่ายค้าน หรือไม่ก็พรรคใหม่ที่ยังไม่มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ

ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลนั้นแทบไม่มีความเคลื่อนไหวแบบนี้ให้เห็นเลย

รัฐบาลเชื่อว่ายิ่งอยู่ยาวยิ่งทำให้มีอำนาจจัดสรรงบประมาณปี 2566 จนมีโอกาสสร้างผลงานหาเสียงให้ตัวเอง รวมทั้งใช้ความได้เปรียบจากการเป็นรัฐบาลได้นานขึ้น ขณะที่ฝ่ายค้านไม่สามารถทำอะไรแบบนี้ได้ ต่อให้ที่ผ่านมาความนิยมต่อรัฐบาลไม่ได้เพิ่มขึ้นตามความยาวนานของการใช้งบฯ เลยก็ตาม

ถ้าเชื่อว่าอายุของรัฐบาลขึ้นอยู่กับคุณประยุทธ์และคุณประวิตร สถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้คือทั้งสองนายพลล้วนไม่พร้อมจะให้มีการยุบสภา คุณประยุทธ์ยังไม่ชัวร์เรื่องการทำให้ตัวเองยึดประเทศได้ถึงปี 2570 ขณะที่คุณประวิตรยังต้องการเวลาสำหรับการขยายเครือข่ายการเมือง

คุณประยุทธ์มีแผนต้องการเป็นนายกฯ ติดต่อกัน 13 ปี และเครื่องมือที่คุณประยุทธ์ใช้ในการทำตามแผนนี้คือพรรคแรมโบ้ แต่แกนนำที่มีแต่ ส.ส.สอบตก 3 คน ไม่มีทางสร้างพรรคได้ ทำให้ภาพพรรคไร้ราคา ต่อให้ทั้งสามจะถูกคุณประยุทธ์ตั้งให้มีตำแหน่งใหญ่ในทำเนียบรัฐบาลก็ตาม

ด้วยกรณี “คลิปหลุดขอเงิน 15 ล้าน” แลกโควต้าหวย คุณแรมโบ้กำลังเผชิญมรสุมการเมืองซึ่งยกระดับเป็นมรสุมกฎหมายทันทีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส รับเรื่องเข้ากรรมาธิการ ป.ป.ช. โอกาสที่คนดีๆ จะร่วมพรรคคุณประยุทธ์ก็ยิ่งน้อยลงจนคุณประยุทธ์นี้แทบไม่มีอำนาจต่อรองในมือเลย

เมื่อเทียบความยิ่งใหญ่ขั้นลือกันว่าปลัดมหาดไทยและผู้บัญชาการตำรวจจะมาตั้งพรรคหนุนคุณประยุทธ์โดยตรง สภาพพรรคที่มีแต่ ส.ส.สอบตกซึ่งไม่มีพื้นที่ในพรรคเดิมคือสัญลักษณ์ของความถดถอยที่กำลังถดถอยลงจากกรณี “คลิปหลุดของเงิน 15 ล้าน” จนไปต่อยากเหลือเกิน

ไม่มีทางที่คุณประยุทธ์จะยุบสภาในเวลาที่ตัวเองคะแนนนิยมดิ่งเหว ส่วนการตั้งพรรคเพื่อหนุนตัวเองก็ยังไม่มีอนาคต

หรือพูดตรงๆ ก็คือเอาแค่ให้คนเห็นแล้วไม่ยี้ก็ยังทำไม่ได้เลย

คุณประวิตรมีพรรคอยู่ในมือโดยตรงมากกว่าคุณประยุทธ์ และถึงแม้พรรคหลักอย่างพลังประชารัฐจะประกาศเป้าหมายเรื่องได้ ส.ส. 150 คน พรรคอื่นๆ ในเครือข่ายยังอยู่ในขั้นตอนหาผู้สมัคร, หานายทุนพรรค, หาผู้มีอิทธิพลในการรับผิดชอบจังหวัดต่างๆ จนยังไม่พร้อมอย่างสมบูรณ์

นอกจากความไม่พร้อมในพรรคฝ่ายคุณประวิตรทั้งที่เปิดตัวแล้วและยังไม่เปิดตัว การดำเนินการเพื่อให้พรรคกลุ่มนี้ชนะเลือกตั้งก็ยังไม่มีความพร้อมด้วย โดยเฉพาะการไล่ดูด ส.ส., นักการเมืองท้องถิ่น และกลุ่มผู้สมัครซึ่งสอบตกอย่างฉิวเฉียดในการเลือกตั้ง 2562 ที่ยังต้องใช้เวลา

ด้วยเหตุที่พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งปี 2562 เหมือนไทยรักไทยและพลังประชาชนชนะเลือกตั้งทุกครั้งหลังปี 2544 เป้าหมายของการตั้งพรรคใหม่ในฝ่ายคุณประวิตรและเครือข่ายจึงได้แก่การดูด ส.ส.จากเพื่อไทยให้มากที่สุด ไม่อย่างนั้นก็คือการดูดคนที่มีศักยภาพจะสอบได้ไม่ให้อยู่เพื่อไทย

เท่าที่รายงานจากพื้นที่ระบุ ขณะนี้พรรคการเมืองใหม่ 2 พรรคกำลังไล่ดูด ส.ส.และผู้สมัครที่มีศักยภาพจากเพื่อไทยอย่างหนัก ยุทธวิธีที่ใช้ในตอนนี้คือการสร้างกระแสว่าเพื่อไทยจะโดนยุบจากเรื่องสถาบันแน่ๆ ซึ่งในแง่หนึ่งก็คือการใช้สถาบันเป็นเครื่องมือทางการเมือง

เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพยิ่งขึ้น หนึ่งในกระบวนการที่ฝ่ายรัฐบาลต้องทำก่อนการเลือกตั้งครั้งใหม่คือการทำให้เพื่อไทยแตกหรือ ส.ส.ย้ายพรรคครั้งใหญ่เหมือนที่ทหารทำจนเกิดพรรคภูมิใจไทยในปี 2551 และพรรคพลังประชารัฐในปี 2562

ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาพอสมควร

ด้วยความตกต่ำของคุณประยุทธ์และรัฐบาล การทำให้ ส.ส.ย้ายไปอยู่ฝ่ายรัฐบาลตอนนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เว้นเสียแต่จะสร้างข่าวเรื่องยุบพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลให้รุนแรงถึงขีดสุด จากนั้นคือการใช้พรรคที่ไม่มีภาพลักษณ์เป็นฝ่ายรัฐบาลมากนักมาเก็บเกี่ยวคนจากเพื่อไทยไปสังกัดตัวเอง

เพื่อรักษาอำนาจรัฐแบบที่เป็นมาตั้งแต่ปี 2557 การเมืองไทยจะดึงสถาบันมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองเหมือนที่เคยเกิดในการเลือกตั้ง 2562

ความแตกต่างคือในปี 2562 คนพอจะเชื่อว่าเรื่องนี้มีมูล แต่ในปี 2565-2566 น่าจะมีคนจำนวนมากที่รู้ทันว่าเรื่องนี้คือการกลั่นแกล้งทางการเมือง

ทั้งหมดนี้คือเส้นทางอำมหิตของการทำให้คุณประยุทธ์เป็นนายกฯ ถึงปี 2570 บนการใช้ทุกอย่างเพื่อทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามคุณประยุทธ์ลงไป