‘ปารีณา’ องครักษ์นายกฯ ‘ร่วง’ 60 ส.ส.-ส.ว.ระทึกถูก ‘เอ็กซเรย์’ จับตาเลือกซ่อมราชบุรีส่อเดือด-บทความในประเทศ(

บทความในประเทศ

 

‘ปารีณา’ องครักษ์นายกฯ ‘ร่วง’

60 ส.ส.-ส.ว.ระทึกถูก ‘เอ็กซเรย์’

จับตาเลือกซ่อมราชบุรีส่อเดือด

 

ปิดฉากในเส้นทางการเมืองไปอีกหนึ่งคน สำหรับ “เอ๋” น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)

หลังจากศาลฎีกามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา ให้ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พ้นจากการเป็น ส.ส. ตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี เนื่องจากมีความผิดฐานฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง

กรณีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ

 

ก่อนหน้านั้นองครักษ์คนที่ 1 ‘นายสิระ เจนจาคะ’ อดีต ส.ส.กทม. พรรค พปชร. ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 2 เสียง เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2564 ระบุว่า สมาชิกภาพของ ส.ส.ของนายสิระสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญเนื่องจากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดของศาลแขวงปทุมวันในคดีหมายเลขดำที่ 812 / 2538 คดีหมายเลขแดงที่ 2218 / 2538 กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญาจึงเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(10) อันเป็นเหตุให้สมาชิกภาพการเป็น ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(6)

นายสิระจึงพ้นจากสมาชิกภาพนับแต่วันเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 และต้องคืนเงินเดือนสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ได้รับในช่วงเป็น ส.ส.ทั้งหมดทั้งมวล เป็นผลอันเนื่องมาจากคดีฉ้อโกงเมื่อ 26 ปีก่อน เป็นคดีที่มีชื่อของนายสิระตกเป็นผู้ต้องหาและจำเลย

วิบากกรรมทางการเมืองของนายสิระยังไม่จบ เพราะเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2565 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีอาญากับนายสิระ กรณีรู้อยู่แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. แต่ยังใช้สิทธิลงสมัคร ตามมาตรา 151 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2560 ซึ่งผู้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ กกต. ก็คือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เจ้าเดิม

โดยจากความผิดตามมาตรา 151 กำหนดโทษว่า ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 20 ปี

 

สําหรับองครักษ์คนที่ 2 ‘น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์’ ชนวนเหตุที่ทำให้ น.ส.ปารีณาถูกร้องเรียนเรื่องที่ดินฟาร์มไก่ จนนำมาสู่การประหารชีวิตทางการเมืองนั้น ‘คิกออฟ’ ในวันที่ 29 ตุลาคม 2562

โดย น.ส.ปารีณาเองที่ระบุว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนใน อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ขอให้ช่วยเรียกคืนที่ดิน 500 ไร่จากทั้งหมดกว่า 3,000 ไร่ ของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ในขณะนั้น โดยอ้างว่าเป็นที่ดินที่ชาวบ้านได้รับจัดสรรเป็นที่ทำกินซื้อขายไม่ได้และต้องการใช้เป็นป่าชุมชน

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดกลับ เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ (ขณะนั้นยังอยู่พรรคฝ่ายค้าน) ยื่นเรื่องถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ตรวจสอบที่ดินกว่า 1,700 ไร่ของ น.ส.ปารีณา ที่ใช้ทำฟาร์มไก่ชื่อ ‘เขาสนฟาร์ม’ ซึ่งสงสัยว่าอาจเป็นการรุกพื้นที่ป่าสงวนฯ

ต่อมาในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดว่า น.ส.ปารีณายึดถือครอบครองและใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐโดยมิชอบ อันเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามจริยธรรมร้ายแรง กรณีเป็น ส.ส. กระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม

ส่วนกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบที่ดินฟาร์มไก่ โดยพบว่าพื้นที่บางส่วนอยู่ในป่าสงวนฯ จากนั้นได้แจ้งความต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ในเดือนธันวาคม 2562

สรุปแล้ว คดีของ น.ส.ปารีณา ถูกรวบรัดตัดจบก่อนกรณีของนางสมพรเสียอีก โดยศาลฎีกามีคำตัดสินเมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา พร้อมกับจบชีวิตทางการเมือง

 

ผลจากกรณี น.ส.ปารีณา ไม่ใช่จะกระทบต่อเจ้าตัวเท่านั้น

หากแต่งยังกระทบไม่ยัง ส.ส.และ ส.ว.อื่นด้วย

โดยตามการเปิดเผยของนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุว่า การตรวจสอบเพื่อเอาผิดข้อหาฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ลักษณะเดียวกับ น.ส.ปารีณา ของ ป.ป.ช. มีอยู่หลายรายพอสมควร

นอกจากที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เคยมายื่นเอาไว้ 19 รายชื่อแล้ว

ป.ป.ช.ยังตรวจพบจากการยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ถือครองที่ดินอาจมีปัญหา 50-60 ราย

แต่ไม่ได้หมายความว่าทั้ง 50-60 ราย จะมีมูลเหมือนกับของ น.ส.ปารีณาทั้งหมด ต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป

มีรายงานข่าวว่า ส.ส.ที่ถือครอง ภ.บ.ท.5 ที่อาจมีปัญหา เป็น ส.ส.พรรคภูมิใจไทย 4 คน พรรคประชาธิปัตย์ 3 คน พรรคเพื่อไทย 2 คน พรรครวมพลังประชาชาติไทย 1 คน พรรคก้าวไกล 1คน

ส.ว. 2 คน ขณะที่ ส.ว.อีก 1 คน ถือครอง ภ.บ.ท.11 1 คน

ขณะที่ ส.ส.ครอบครอง ส.ป.ก. และจะต้องถูกตรวจสอบ ฝ่ายฝ่ายรัฐบาล ประกอบด้วย ส.ส.ภูมิใจไทย 3 คน

ฝ่ายค้าน ส.ส.เพื่อไทย 3 คน และ ส.ส.ก้าวไกล 1 คน

ส่วน ส.ว.ครอบครอง ส.ป.ก. 1 คน

ซึ่งก็ต้องลุ้นระทึกต่อไปว่าจะได้รับผลกระทบสืบเนื่องจาก น.ส.ปารีณา หรือไม่ และดูเหมือน น.ส.ปารีณาจะโฟกัสไปเอาเรื่องที่พรรคเพื่อไทย โดยอ้างว่า เลขาธิการพรรคเพื่อไทยก็มีปัญหาเช่นตนเอง แต่การตรวจสอบไม่คืบหน้า

 

หลังศาลฎีกาตัดสินคดี น.ส.ปารีณา นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้แสดงความเห็นและโพสต์คลิปเมื่อครั้งอภิปรายญัตติพิจารณาร่างข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ…. เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 เพื่อชี้ให้เห็นถึงความลักลั่นของกลไกตรวจสอบจริยธรรมนักการเมืองที่ถูกใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญ 2560 ว่า มาตรฐานทางจริยธรรมเป็นการใช้ระบบตรวจสอบกันเองภายใน แต่รัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดในลักษณะที่ผิดแปลกและแตกต่างไปจากหลักการที่ควรจะเป็นที่ให้องค์กรตรวจสอบควบคุมจริยธรรมกันเอง เพราะได้เขียนล็อกเอาไว้ในมาตรา 219 ที่ระบุให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระร่วมกันกำหนดมาตรฐานจริยธรรมแล้วให้นำมาใช้กับ ส.ส. ส.ว. และรัฐมนตรี แต่ก็ยังพอมีช่องให้ได้หายใจตรงที่สามารถออกมาตรฐานจริยธรรมเพิ่มเติมขยายความเข้ามาได้ ถือเป็นรัฐธรรมนูญที่ออกแบบมาไม่เหมาะสมและสอดคล้องกับหลักการ ศาลรัฐธรรมนูญจะรู้ได้อย่างไรว่าจริยธรรมของ ส.ส.ต้องทำอย่างไร หากมีโอกาสในวันหน้าต้องแก้ไขในประเด็นนี้ แยกกันไปเลยว่าองค์กรใครองค์กรมัน นี่คือความลักลั่นและความพิกลพิการของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่ถูกระบุอยู่ในมาตรา 219

นายปิยบุตรย้ำว่า กรณีของ น.ส.ปารีณา ไม่ควรนำมาซึ่งการไชโยโห่ร้องของฝ่ายที่ไม่ชอบพฤติกรรมและการปฏิบัติหน้าที่ของ น.ส.ปารีณา ตรงกันข้ามควรเป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นถึงพิษภัยของรัฐธรรมนูญ 2560 ไม่ว่าจะสนับสนุนพรรคการเมืองใด ไม่ว่าจะรักชอบนักการเมืองคนไหน ก็ไม่ควรยินดีกับคำตัดสินดังกล่าว ในการเข่นฆ่านักการเมืองผู้ใดอีกเลยด้วยวิธีการเช่นนี้ ต้องรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นนี้ และทำรัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อหยุดนิติสงครามที่นำมาเข่นฆ่านักการเมืองและประชาชน

โดย น.ส.ปารีณาถือเป็นนักการเมืองคนแรกที่สังเวยในคดีมาตรฐานทางจริยธรรมว่า คมพอที่จะฟันนักการเมืองที่ฝ่ายผู้มีอำนาจลงความเห็นว่าชั่วร้ายหรือไม่ ถือโอกาสซ้อมก่อนลงดาบ ‘ตัวจริง’ ที่ต้องการกำจัดหรือไม่ เหมือนสุ่มฆ่า เพื่อฆ่าคนคนเดียว

สร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้กับนักการเมือง และคนที่กำลังจะเข้ามาทำงานการเมืองว่า ใจซื่อมือสะอาด อยู่ในครรลองของจริยธรรมอันดีงามของรัฐหรือไม่

สัญญาณประหารการเมืองนับจากนี้คงจะร้อนแรงยิ่งขึ้น

 

ผลสืบเนื่องจากกรณี น.ส.ปารีณาถูกประหารชีวิตทางการเมือง

ทำให้ต้องมีการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง ภายใน 45 วัน โดยคาดว่าจะมีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ราชบุรี เขต 3 ประมาณกลางเดือนพฤษภาคม 2565

ทั้งนี้ ผลการเลือกตั้ง ส.ส.ราชบุรี เขต 3 เมื่อ 24 มีนาคม 2562 น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ พลังประชารัฐ ได้ 46,409 คะแนน นายชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 29,423 คะแนน และนายวรชาติ ภูมิอุไร พรรคอนาคตใหม่ 15,621 คะแนน

มีกระแสข่าวว่าตระกูล “ไกรคุปต์” จะส่งนายสีหเดช ไกรคุปต์ พี่ชายของปารีณา ลงสนามในนามพรรคพลังประชารัฐ แต่ยังไม่มีมติพรรคในเรื่องนี้

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ดูแลภาคกลาง เปิดเผยว่า คาดคนที่จะส่งลงคือนายชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ ซึ่งเป็นผู้สมัครที่เคยส่งลงในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา และได้คะแนนเป็นอันดับที่สอง

ขณะที่พรรคก้าวไกลที่เคยส่งผู้สมัครในนามพรรคอนาคตใหม่นั้น นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล บอกว่าคงไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อมราชบุรี

จึงอาจทำให้การเลือกตั้งซ่อมเป็นการแข่งขันกันระหว่างพรรครัฐบาลคือ พลังประชารัฐ กับประชาธิปัตย์

แต่ น.ส.ปารีณาและพลังประชารัฐ อาจยกเรื่องมารยาททางการเมืองมาถามประชาธิปัตย์ โดยไม่ควรแข่งกับเจ้าของพื้นที่เดิม

ซึ่งก็ต้องรอดูว่าประชาธิปัตย์ที่เคยชูเรื่อง “มารยาททางการเมือง” จะตัดสินใจอย่างไร หากเดินหน้าสู้ก็คงดุเดือด

เพราะขนาดยังไม่เริ่ม เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2565 น.ส.ปารีณาได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า อยากให้พรรคร่วม (รัฐบาล) ให้เกียรติเจ้าของพื้นที่เดิมคือ พรรค พปชร. ลดความขัดแย้ง

“แต่ปรากฏว่าไอ้ขี้แพ้สอบตกคราวที่แล้ว ส่งคนมาจุดประทัดแก้บน และเรียกนักข่าวมาทำข่าวว่าจุดประทัดฉลองปารีณาจบอนาคต… แล้วเจอกันนะไอ้ขี้แพ้ ขอบคุณที่มาเยาะเย้ย และฝากไปถึงทุกคนในพรรคประชาธิปัตย์ที่จะให้การสนับสนุนมันด้วยว่า แล้วเจอกัน แล้วอย่าไปลากพรรค พปชร.มาเกี่ยว” น.ส.ปารีณาระบุ

ส่อเค้าดุเดือด ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม!