ปลุกขวัญ ‘ตรุษสงกรานต์’ เปิดสูตร ‘เฮ้ง’ – เฮง 150 ส.ส.พปชร. สกัดแลนด์สไลด์ ‘พท.’

นับแต่ 24 มีนาคม 2562 พรรคพลังประชารัฐพุ่งขึ้นถึง “จุดสูงสุด” กวาดเก้าอี้ ส.ส.-ไต่ระดับทะลุ 120 ที่นั่ง ทว่า ปัจจุบันดิ่งลงเหลือเพียง 100 ชีวิต

ศึกในพรรคพลังประชารัฐระหว่างกลุ่ม-ก๊วนที่มาจาก “แม่น้ำหลากสาย” ไหลมาบรรจบ ก่อนที่จะปะ-ฉะ-ดะ และแยกวง-ย้ายพรรคกลับสู่แหล่งที่มา

ความผิดพลาดของพรรคพลังประชารัฐ “ข้อใหญ่” ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ จากธรรมชาติของแม่น้ำหลายสายที่มาจากหลายเส้นทาง-เผ่าพันธุ์การเมือง

“สุชาติ ชมกลิ่น” ผู้อำนวยการพรรคใหม่หมาด ส.ส.ชลบุรี อดีตแกนนำ “บ้านใหญ่ชลบุรี” ที่ปัจจุบันออกมาสร้าง “บ้านใหม่” และเป็น “บ้านหลังใหญ่” ในพรรคพลังประชารัฐจึงระมัดระวังที่จะพูดถึงความเป็นกลุ่ม-ก้อนภายในพรรค

“ส.ส.อยู่กับลุงป้อมหมดทุกคน ไม่มีกลุ่มหรอกครับ จะมองเป็นกลุ่ม เฮไหน เฮนั่น ไม่ใช่ ทุกคนฟังหัวหน้า ผมเองก็ต้องมีวินัยอยู่ในพรรค ถ้าเราไม่มีวินัย เราก็อยู่กับผู้ใหญ่ไม่ได้ เราก็จะทำให้พรรคไม่มีความสามัคคี”

“แรกๆ มามองเป็นกลุ่ม เพราะมาจากแม่น้ำทุกสาย แต่พออยู่ไปอยู่มาต้องหลอมรวมใจโดยท่านหัวหน้าพรรค ลุงป้อม เอาว่า เป็นเพื่อนคอเดียวกัน สไตล์เดียวกัน อุดมการณ์มาพร้อมกัน มีประมาณ 20 คน”

“เหมือนเรียนหนังสือ เราเรียนปริญญาตรีด้วยกัน ปีแรก เราก็มองว่า คนนี้ดูดี ดูดี ดูดี คบไปคบมา สุดท้าย พอขึ้นปี 3 จะรู้ว่าคนไหนเพื่อนแท้ คอเดียวกัน สไตล์เดียวกัน ค่อยๆ คัดกรองกันไปเรื่อยๆ”

“สุชาติ” บอกวิธี “ซื้อใจ” ส.ส.สไตล์คนใจถึง-พึ่งได้ จนเพื่อนร่วมพรรค กลายเป็น “เพื่อนร่วมก๊วน” ว่า “ผมรับโทรศัพท์เพื่อนทุกคน อ่านไลน์เพื่อนทุกคน ไลน์มาหาอยากให้เราช่วยเหลืออะไรบางอย่าง นี่คือสไตล์ผม”

“เพื่อนทั้งหมดที่รักกันอยู่ เราไม่เคยปล่อยให้เพื่อนทุกข์ บางทีเพื่อนจะทำการเมืองในพื้นที่ เราก็ต้องไปช่วยคิด ช่วยกันอ่าน สร้างเครดิตให้เพื่อน พื้นที่เพื่อนเดือดร้อนก่อน เราให้เพื่อนก่อน”

“การที่เราจะคบใคร รักใคร เหมือนจีบผู้หญิง ต้องเสมอภาค จริงใจ ใช้เวลาศึกษากัน หน้าตาอาจจะไม่ถูกสเป๊ก แต่คบไปคบมาแล้ว จริงใจ พึ่งพากันได้ ก็คบกันได้ ไม่ได้ชอบกันเพราะสวย หล่อแล้วอยู่ด้วยกันไม่ได้ สุดท้ายก็เลิกกัน”

 

จาก “เสี่ยเฮ้ง” สู่ “จับกัง 1” วันนี้เขาสวมหมวกถึง 4 ใบ 1.หมวก ส.ส.ชลบุรี 2.หมวกหัวหน้าซุ้มมังกรน้ำเค็ม-บ้านพลังใหม่ชลบุรี 3.หมวกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ 4.หมวกผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ

“สุชาติ” หมายมั่นปั้นมือสร้างผลงานชิ้นโบแดง นำ ส.ส.พลังประชารัฐทั้ง 83 คน – 83 เขต กลับเข้าประจำการเก้าอี้ผู้ทรงเกียรติ-กลับทำเนียบรัฐบาลอีกคำรบในการเลือกตั้งครั้งหน้า จึงปลุกขวัญคนพลังประชารัฐรับวันสงกรานต์ว่า

“วันนี้เรารับหมวกมาอีกใบ คือ ผู้อำนวยการพรรค มี (กลุ่ม) ได้ แต่จะเอามาเป็นมาตรฐานไม่ได้ ส.ส.ทุกคนต้องเสมอภาค ผมจะต้องดีไซน์ให้เพื่อน ส.ส.เขต 83 คน ที่เหลืออยู่กลับมาใหม่ เหมือนเรียนหนังสือต่อปริญญาโท โรงเรียนเดียวกัน”

ความเป็นคนมี “พวกเยอะ” ของ “ส.ส.เฮ้ง” แต่ต้องมารับบทหนัก-ลำบากใจที่สุดคือ ในฐานะผู้อำนวยการพรรคต้องการ “จัดตัว” ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

“ท่านหัวหน้าลุงป้อมดำริมาแล้ว หลักการคือ คนที่เป็น ส.ส.ของพรรคอยู่แล้ว ต้องเป็นตัวยืน ถ้ามีความจำนงประสงค์ที่จะลงต่อ ก็ต้องให้สิทธิ์เขา ถ้าคุณไม่จากไปที่ไหน”

“ไม่เช่นนั้นเราจะไปคบใครได้ ส.ส.ก็พร้อมที่จะออกไปหาพรรคใหม่ พรรคจะวุ่นวายไปหมด ต้องมีบรรทัดฐานของพรรคในการจะควบคุมความสามัคคี”

 

นอกจากการ “จัดวาง” คนในพรรคแล้วยังมีพันธมิตร-กัลยาณมิตรนอกพรรคที่ต้องเคลียร์ใจ-หาข้อยุติ

“อยู่ที่เขา (อิทธิพล คุณปลื้ม อดีตผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี พลังประชารัฐ น้องชายสนธยา คุณปลื้ม แกนนำพรรคพลังชล) แสดงความจำนงมากกว่า อิทธิพลถือเป็นเบอร์ต้นๆ”

“บังเอิญผมเป็นคนที่คิด worst case (ทางที่เลวร้ายที่สุด) ตลอดเวลาในการเลือกตั้ง การเมืองเหมือนออกสนามรบ พร้อมรบทุกยุทธวิธี สุดท้ายเราก็ไม่อยากจะแข่งกับคนที่สนิทกัน แต่เมื่อถึงวันนั้น จำเป็นก็คือจำเป็น นี่คือสิ่งที่เราไม่อยากเห็น”

“พี่หรือน้อง หรือเพื่อนกัน ถ้าอุดมการณ์ไม่ใช่ก็เป็นได้แค่พี่-น้อง เพื่อน”

“ผมมองข้ามพลังชลไปแล้ว ผมเป็นรัฐมนตรีเพราะท่านหัวหน้าพรรคให้โอกาส ท่านนายกฯ เป็นผู้ให้ความไว้วางใจผม ผมไม่มีทางเป็นอื่นได้ ผมยืนข้างไหนข้างนั้น”

“ผมไม่ได้มองว่า ถ้าผมยืนอยู่ข้างลุงป้อม ลุงตู่ แล้วผมจะไม่ได้เป็นรัฐบาล ผมไม่ได้มองตรงนั้น ผมมองว่า อุดมการณ์ผมคืออะไร อุดมการณ์ผมคือ อยู่พรรคพลังประชารัฐกับหัวหน้าลุงป้อม สนับสนุนลุงตู่เป็นนายกฯ”

“แพ้คือแพ้ เจ็บคือเจ็บ ตายคือตาย สู้กันมันหยดแน่นอน เอาเป็นว่า พรรคพลังประชารัฐเอาให้ได้ 10 เขตชลบุรี เป้าหมายผมมีแค่นี้ 10 เขตต้องได้ 10 เขต”

“ผู้อำนวยการพรรค” classified เป้าหมาย 150 ที่นั่งในการเลือกตั้งครั้งหน้า สกัดแผนแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย ว่า ต้องยอมรับว่าพลังประชารัฐมีแฟนคลับหนาแน่นอยู่ในพื้นที่ภาคกลาง การเลือกตั้งคราวที่แล้วภาคกลางได้ ส.ส.เยอะที่สุด ประมาณ 35-36 ที่นั่ง

“การเลือกตั้งคราวที่แล้ว พื้นที่ภาคกลาง เราไม่มี ส.ส.เลย ยังได้มา 35 คน และแพ้ไม่ถึง 1,000 คะแนน 10 กว่าเขต ผมวางดีไซน์ให้ได้สัก 60-70 เขต จาก 104 เขต”

“กทม.ให้รักษาแชมป์ไว้ให้ได้ 12 คน worst case เหลือ 10 คน ภาคใต้รอบนี้ ประชาชนภาคใต้ชื่นชอบพลังประชารัฐ ชื่นชอบลุงตู่ 20 คนทำได้”

“อีสาน เหนือและเหนือตอนล่าง เพชรบูรณ์ สุโขทัย กำแพงเพชร นครสวรรค์ โคราช เป็นพื้นที่ของพลังประชารัฐ ตีแบบขี้เหล่เลยนะ 30 ที่นั่ง จากทั้งหมดว่า 170 เขต”

สำหรับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประเมินไว้ 20-25 คน รวม ส.ส.150 คน

“การเลือกตั้งครั้งหน้า เวลาสูสี ชาวบ้านเลือกระหว่างพรรคใหญ่สองขั้ว ขั้วเอากับขั้วไม่เอา ผมเคยอยู่พรรคเล็กมาก่อนผมรู้ว่าพรรคจะเขียนนโยบายบายอะไรออกมา ที่ไม่ใช่พรรคใหญ่ มันยาก”

“ถ้ากติกาเลือกตั้งเป็นบัตรสองใบ โฟกัสที่ ส.ส. 400 เขต ส่วน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 100 คน เป็นเรื่องเก็บตกมากกว่า”

“สุชาติ” บอกกลเม็ดการเป็น ส.ส.ให้ “คงกระพันชาตรี” ว่า “ยิ่งมีตำแหน่งสูง ยิ่งต้องทำตัวให้ต่ำ”

“สมัยผมเป็น ส.ท.แสนสุข ผมต้องต่ำกว่าชาวบ้าน วันหนึ่งผมเป็น ส.จ. ผมต้องต่ำกว่า ส.ท.ลงไปอีก วันหนึ่งผมเป็น ส.ส. ผมต้องทำต่ำกว่า ส.จ.”

“ถ้าคุณจะเป็นผู้แทนฯ ที่คงกระพันชาตรี ยืนอยู่ยั้งยืนยง ต้องทำตัวให้ต่ำ ติดดิน ต่ำกว่าตำแหน่งที่มี เพื่อทำให้รู้ปัญหา”

“สมัยก่อน ถ้าเราบอกว่าผงซักฟอก เราต้องนึกถึงยี่ห้อเปาบุ้นจิ้น เพราะคุณภาพดี ชื่อเสียงดี คุณจะเป็นผู้แทนฯ ที่ดี คุณต้องทำให้ได้เหมือนผงซักฟอกเปาบุ้นจิ้น คุณจะคงกระพัน”

“นึกถึง ส.ส.ต้องนึกถึง ส.ส.เฮ้ง โทร.ไปรับสายตลอด เดือดร้อนอะไรก็ช่วยแก้ปัญหาตลอด อย่าห่างพื้นที่ ปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านรับมาก่อน อย่าปฏิเสธ”

“การเป็นผู้แทนฯ ต้องให้คนมองเราเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ ไม่ใช่ชนะการตลาด ชนะการขายได้โดยการโฆษณาหรือโปรโมชั่นอย่างเดียว โปรโมชั่นเหมือนไฟลามทุ่ง วืบเดียวไปหมด” สุชาติตบท้ายเคล็ด (ไม่ลับ) คงกระพันชาตรี-ฟันแทงไม่เข้า