Mission 770 การกลับมาของตำนาน / เครื่องเสียง : พิพัฒน์ คคะนาท

เครื่องเสียง

พิพัฒน์ คคะนาท

[email protected]

 

Mission 770

การกลับมาของตำนาน

 

ที่บอกไปเที่ยวก่อนว่าเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา Mission ได้ออกลำโพงรุ่นพิเศษมา ซึ่งน่าสนใจดีนั้น ก็คือที่จ่าหัวเอาไว้นั่นแหละครับ ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้สร้างชื่อให้แก่แบรนด์เป็นอย่างมาก และหากจะพูดให้ถึงที่สุดแล้ว ลำโพงรุ่นนี้นอกจากจะได้ชื่อว่าเป็นลำโพงที่ขายดีอย่างรวดเร็วแล้ว ยังเป็นรุ่นที่ขายได้มากที่สุดของแบรนด์ตลอดกาลอีกด้วย เพราะนับถึงวันนี้ยังไม่มีรุ่นไหนลบสถิติยอดจำหน่ายของมันได้เลย

และเป็นลำโพงที่มีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องถึง 3 เจเนอเรชั่น ก่อนจะยุติสายการผลิตที่ Model 770 Mk-III ในช่วงท้ายทศวรรษที่ 80s

ที่มาของความน่าดึงดูดใจในน้ำเสียงของลำโพงรุ่นนี้ ออกจะน่าสนใจไม่น้อย เพราะ Mission ได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่แตกต่างไปจากวัตรปฏิบัติดั้งเดิมอย่างสิ้นเชิง

กล่าวคือแทนที่จะให้เทคโนโลยีนำหน้าหรือเป็นข้อกำหนดหลักในการออกแบบ กลับให้ความสำคัญไปที่การฟังในเชิง Listening Test ในการที่จะทำให้เสียงของลำโพงมีความสมบูรณ์แบบอย่างที่ต้องการมากกว่า

โดยมีการเชิญผู้เชี่ยวชาญในวงการทั้งในส่วนของอุตสาหกรรมการผลิต ตลอดจนสื่อชั้นนำ เข้ามามีส่วนร่วมในการฟังและปรับแต่งเสียงครั้งแล้วครั้งเล่า

จนนำไปสู่ขั้นตอนสุดท้ายที่ทำให้สามารถตัดสินใจผลิตออกมาจำหน่ายได้ในที่สุด

 

Mission 770 จึงถือเป็นหนึ่งในรุ่นที่โดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ เป็นรุ่นที่นอกจากจะเน้นการฟังทดสอบเป็นสำคัญแล้ว ยังได้รวบรวมนานาเทคโนโลยีของการออกแบบ ตลอดจนได้รังสรรค์วัตถุที่เป็นนวัตกรรมด้านการผลิต แล้วนำมาประยุกต์เข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว มีความโดดเด่นมาตั้งแต่ปลายทศวรรษที่ 70s และเป็นที่นิยมของนักเล่นมาตลอดยุค 80s ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงให้น้ำเสียงมีความเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ทั้งในเจเนอเรชั่นที่ 2 และ 3 ตลอดจนได้มีการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านความไว รวมทั้งให้มีความสามารถในการรองรับกำลังขับที่เพิ่มมากขึ้นด้วย

เป็นลำโพงที่ให้ภาพรวมของเสียงออกมาอันเป็นเอกลักษณ์ ที่นักเล่นมักคุ้นกันทั้งในแง่ความอบอุ่นของเสียง ความสมบูรณ์ตลอดย่านความถี่ออดิโอ และน้ำเสียงที่มีความเป็นธรรมชาติสูงมาก

และที่สำคัญคือเป็นน้ำเสียงที่เป็นตัวแทนหรือบ่งบอกความเป็นลำโพงอังกฤษได้เป็นอย่างดี

เมื่อนำกลับมาผลิตใหม่อีกครั้งในวันนี้ ผู้ออกแบบจึงได้ให้คำมั่นว่านอกจากจะรักษาเอกลักษณ์อันโดดเด่นนั้นไว้อย่างครบถ้วนแล้ว ยังจะเสริมความสมบูรณ์แบบให้เพียบพร้อมมากขึ้น ทั้งในแง่ของการให้รายละเอียด ตลอดจนการกระจายเสียงที่เปิดกว้าง การให้เวทีเสียงที่สมจริง ซึ่งทุกคนจะสามารถสัมผัสกับสิ่งที่กล่าวนั้นผ่านคอลเล็กชั่นดนตรีชุดโปรดของตัวเองได้อย่างชัดเจนที่สุด

และจะเป็นอีกครั้งที่ Mission 770 รุ่นใหม่ ได้กลับมาผลิตที่โรงงานแห่งใหม่ขนาด 25,000 ตารางฟุต ซึ่งได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อการนี้โดยเฉพาะที่เมือง Huntingdon ในมณฑล Cambridgeshier ของสหราชอาณาจักร ซึ่งได้ชื่อหรือเป็นที่รู้จักกันในนามของ Home of British Hi-Fi นั่นเอง

 

Peter Comeau ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบเชิงอะคูสติกของ Mission ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักออกแบบลำโพงผู้ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่ง ซึ่งรับผิดชอบโครงการนี้ได้บอกว่า เขาจำได้ดีถึงองค์ประกอบหลักอันสำคัญของลำโพงสุดคลาสสิคคู่นี้ ที่ทำให้มันแตกต่างและสามารถถ่ายทอดเสียงดนตรีออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมมากในเวลานั้น

นั่นก็คือการนำ Polypropylene มาใช้ในการขึ้นรูปกรวยไดรเวอร์ กับการควบคุมเสียงก้องสะท้อนภายในตู้ที่มีประสิทธิภาพมาก

ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้ได้กลายเป็นรากฐานสำคัญของการออกแบบลำโพงในศตวรรษที่ 21 อันนำมาซึ่งจินตนาการใหม่ๆ ของนักออกแบบที่ทำให้ลำโพงยุคใหม่มีความน่าสนใจอย่างมาก

และได้กล่าวถึงการกลับมาของลำโพงในตำนานที่อยู่ในความรับผิดชอบว่า Mission 770 ใหม่ จะได้รับการยกระดับขึ้นไปอีกขีดขั้น ทั้งในส่วนของชุดตัวขับเสียง ครอสโอเวอร์เน็ตเวิร์ก ไปจนถึงโครงสร้างตู้ที่เป็นแบบใหม่

โดยชุดตัวขับเสียง Mid/Bass Driver ที่มีขนาด 8 นิ้ว ยังคงใช้พื้นฐานของกรวยที่ขึ้นรูปด้วยโพลีโพรไพลีน แต่เป็นชนิดที่ได้พัฒนาและปรับปรุงขึ้นมาใหม่ เป็นแบบ Mineral Loaded Polypropylene Cone เพื่อให้สามารถทำงานตอบสนองความถี่ได้กว้างขึ้น ขณะเดียวกันยังคงความเป็นธรรมชาติของแหล่งกำเนิดเสียงตามต้นฉบับเอาไว้อย่างมั่นคง โดยไร้การเติมแต่งสีสันลงในน้ำเสียง ถูกขับเคลื่อนโดยชุดมอเตอร์ที่ทันสมัย ไร้ข้อจำกัดทางด้านไดนามิก จัดวางอยู่ในโครงสร้างเหล็กหล่อชนิดพิเศษ ขนาดใหญ่ ที่มีความแข็งแรงสูง และถูกออกแบบมาเพื่อให้ปลอดการสั่นสะเทือนขณะทำงานอย่างสิ้นเชิง

ทั้งนี้ โครงสร้างของกรวยยังถูกทำให้แกร่งขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้ได้การทำงานที่กระชับ รวดเร็วขึ้น ทั้งยังให้เสียงในย่านความถี่ต่ำๆ หนักแน่นมากยิ่งขึ้นด้วย

 

ขณะที่โครงสร้างภายในของตู้ได้ถูกออกแบบให้ควบคุมรีโซแนนซ์เอาไว้ได้เป็นอย่างดี และมีการคำนวณออกแบบท่ออากาศ หรือ Port ทั้งรูปแบบและสัดส่วนที่เหมาะสม ในอันที่จะเสริมการทำงานซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะในการให้เสียงเบสที่สามารถทำงานได้ลงไปต่ำลึกกว่าเดิม อันเนื่องมาจากการออกแบบดังกล่าวซึ่งทำให้ได้แบนด์วิธที่กว้างขึ้น ซึ่งนอกจากจะได้เสียงเบสที่หนักแน่น ทรงพลังมากขึ้นด้วยการทำงานที่ลงไปได้ต่ำลึกกว่า 30Hz ซึ่งยากจะพบหาได้ในลำโพงขนาดนี้แล้ว ยังเป็นเบสที่นุ่มนวลไม่มีความหยาบกระด้างแต่อย่างใด

ส่วนทวีตเตอร์ที่เป็นแบบ Soft Dome ขนาด 1 นิ้ว ขึ้นรูปด้วย Micro-Fiber ที่มีน้ำหนักเบา รองรับการกระแทกกระทั้นได้เป็นอย่างดี ใช้แม่เหล็ก Ferrite คุณภาพสูง ให้การทำงานอย่างราบรื่น ทอดขยายปลายเสียงแหลมไปได้ไกล และให้รายละเอียดออกมาได้อย่างครบถ้วน ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับมิด/เบส ไดรเวอร์ ได้อย่างกลมกลืน สามารถควบคุมสมดุลเสียงระหว่างกันและกันได้อย่างยอดเยี่ยม ให้น้ำเสียงที่สอดประสานเป็นเนื้อเดียวตั้งแต่ย่านความถี่ต่ำสุด ไปจนถึงย่านความถี่สูงสุด โดยไร้รอยต่อที่จะทำให้เกิดความรู้สึกสะดุดเวลาฟังอย่างสิ้นเชิง

ซึ่งนั้นเป็นผลมาจากการออกแบบชุดครอสโอเวอร์ที่ผ่านการวิจัยและพัฒนามาอย่างอุตสาหะ ด้วยการฟังทดสอบที่ยาวนานกว่า 1,000 ชั่วโมง ทำให้ได้ผลลัพธ์ด้านเสียงดนตรีที่ยอดเยี่ยม ทั้งในแง่ความต่อเนื่องของเสียงและความเป็นธรรมชาติต้องตามแหล่งกำเนิดหรือต้นฉบับอย่างแท้จริง

 

ในการออกแบบ Model 770 รุ่นแรกนั้น ได้มุ่งเน้นไปที่การทำงานเพื่อให้สามารถตอบสนองต้นฉบับเสียงจากแผ่นไวนีลออกมาได้ดีที่สุด ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดเสียงไฮ-ไฟยอดนิยมในเวลานั้น

ขณะที่ Mission 770 ใหม่ ผู้ออกแบบได้ยืนยันว่ามันสามารถให้ความเป็นเลิศออกมาได้อย่างรอบด้าน ให้การทำงานร่วมกันทั้งกับแหล่งกำเนิดที่เป็นดิจิตอลและอะนาล็อกได้อย่างเหมาะสมยิ่ง

Mission 770 ใหม่ มีขาตั้งที่ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกันโดยเฉพาะ เพื่อให้ลำโพงได้ถ่ายทอดน้ำเสียงออกมาด้วยประสิทธิภาพสูงสุด นำเสนอสุ้มเสียงที่บ่งบอกความเป็นลำโพง Made in UK ได้อย่างสมบูรณ์

และเป็นการตอกย้ำการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของลำโพงในตำนานรุ่นนี้อีกครั้ง

คงอีกไม่นานก็น่าจะได้ฟังกันละ – อ้อ, เปิดตัวที่อังกฤษด้วยราคาคู่ละ 3,500 ปอนด์ครับ •