ยึดยูเครนไม่ได้ทั้งประเทศ เปลี่ยนมายึด…เขตดอนบาส…ก็ได้ รัสเซียต้องปรับยุทธศาสตร์ | หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว

มุกดา สุวรรณชาติ

กลางเดือนมีนาคม ทีมวิเคราะห์มองว่าสงครามในยูเครนจะยืดเยื้อ แต่ไม่รู้ว่านานเท่าใด

ขณะที่เขียนต้นฉบับนี้การศึกใหญ่ที่ “ดอนบาส” ยังไม่เกิดขึ้น แต่ดูเหมือนทั้งสองฝ่ายได้เตรียมตัวเปิดศึกชิงพื้นที่นี้กันแล้ว

รัสเซียต้องการยึดพื้นที่ดอนบาสซึ่งมีทรัพยากรเหล็กและถ่านหิน ทั้งยังเป็นเขตอุตสาหกรรมของยูเครนและสามารถขยายไปคุมพื้นที่ที่ติดทะเลดำไว้ได้เกือบทั้งหมด เขตปกครองโดเนตสค์และเขตปกครองตนเองลูฮานสค์ ซึ่งปูตินประกาศรับรองเอกราชก็อยู่ที่นี่

ถ้ารัสเซียจำเป็นต้องปรับยุทธศาสตร์ถอยจากสงครามนี้ก็คงจะต่อรองยึดพื้นที่นี้เอาไว้

แต่ทางยูเครนก็ยอมไม่ได้และเตรียมทหารจำนวนมากไว้ต่อต้าน

ทางทีมวิเคราะห์มองว่าถ้ายูเครนฉลาดจะไม่รวมศูนย์กำลังทหารเต็มรูปแบบเข้าไปปะทะทหารรัสเซีย เพราะจะเป็นการเสียเปรียบเนื่องจากพื้นที่นี้อยู่ใกล้ชายแดนรัสเซียซึ่งสามารถใช้เครื่องบินจากเขตประเทศรัสเซียหมุนเวียนเข้าโจมตีทางอากาศได้

ขณะนี้การสงครามที่รัสเซียบุกยูเครน สามารถแบ่งได้ออกเป็น 3 แนวรบ

1. แนวรบด้านกำลังคนกำลังอาวุธ

2. แนวรบด้านเศรษฐกิจและพลังงาน

3. แนวรบด้านการโฆษณาสื่อสาร การทูตการเมืองระหว่างประเทศ และทางด้านสังคม

เป้าหมายของปูตินในสงครามครั้งนี้คือยึดประเทศ คำว่ายึดในที่นี้หมายถึงการบุกเข้าไปครอบครองพื้นที่ได้ ปกครองได้ อาจมีการตั้งรัฐบาลหุ่นและวางฐานะเป็นประเทศบริวาร

ตามเป้าหมายนี้รัสเซียไม่น่าจะทำได้ และถ้าไม่ถอนตัว สงครามก็จะยืดเยื้อไปเรื่อยๆ

ถ้าดูจากแผนที่รัสเซียและยุโรปจะพบว่าถ้าหากรัสเซียยึดครองยูเครนได้ทั้งประเทศ อิทธิพลของรัสเซียจะขยายออกไปประจันหน้ากับอีก 5 ประเทศโดยตรง คือ โปแลนด์ สโลวะเนีย ฮังการี โรมาเนีย และมอลโดวา ทั้ง 4 ประเทศเป็นสมาชิกนาโตยกเว้นมอลโดวา ทำให้เกิดความหวาดระแวงในหมู่ประเทศที่มีชายแดนติดกับยูเครน เพราะไม่รู้ว่ารัสเซียจะรุกต่ออีกเมื่อใด ความวิตกนี้แผ่ไปทั่วทั้งยุโรป ถึงเอเชียกลาง ดังนั้น เกือบทั้งโลกจึงประณามรัสเซีย

ประเทศที่คัดค้านมติประณามรัสเซีย เพียง 4 ประเทศได้แก่ เบลารุส, ซีเรีย, เอริเทรีย และเกาหลีเหนือ ทั้งโลกมีอยู่แค่นี้ นี่คือความพ่ายแพ้ด้านการทูตและสังคม

ส่วนแนวรบด้านการสื่อสารปูตินก็ปิดกั้นไม่สำเร็จ คนทั้งโลกรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในยูเครน

แนวรบทางด้านเศรษฐกิจและพลังงาน

แนวรบนี้ ดูเหมือนทั้งสองฝ่ายยังอัดกันไม่เต็มร้อย เพราะต่างก็ยังต้องพึ่งพาอาศัยกันอยู่บ้าง

รัสเซียก็อยากส่งก๊าซให้ยุโรปจะใช้เงินสกุลอะไรก็ว่ากันไป และไม่ว่าวันนี้ยอมให้ยูโรหรือพรุ่งนี้จะเป็นเงินรูเบิล แต่ก็แสดงออกได้อย่างหนึ่งว่าทั้งสองฝ่ายยังต้องพึ่งพาอาศัยและมีการค้าเพื่อให้ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยกันทั้งสิ้น

ความยากลำบากที่เกิดขึ้นในยูเครน รัสเซีย ยุโรปหลายประเทศจะทำให้ทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้องค่อยๆ หาทางออก

นั่นก็คือการเจรจาสันติภาพ การใช้มาตรการทางการทูตและแรงกดดันทางสังคมซึ่งจะมีขั้นตอนต่างๆ เกิดขึ้น มีการเจรจาหลายครั้ง ไม่มีสันติภาพจากสงครามใดที่จะเกิดขึ้นในฉับพลัน หมายความว่าสงครามจะยืดเยื้อต่อไป จะลดความรุนแรงลงและอาจจะจำกัดพื้นที่น้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งอาจจะต้องกินเวลาเป็นปี ถึงที่สุดถ้ามีการเจรจาตกลงกันได้ระดับหนึ่งอาจจะต้องเข้าไปตั้งกองกำลังสันติภาพและบูรณะประเทศยูเครน

ดังนั้น ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสงครามนี้จะมีไปอีกนาน แม้สงครามสงบแล้วก็ตาม

แนวรบด้านกำลังทหารและอาวุธ

ยุทธวิธีของรัสเซีย…ทุ่มอาวุธแทนคน

จะไปยึดพื้นที่ได้อย่างไร

แม้รัสเซียจะมีกำลังทหารที่มากมาย แต่บทเรียนจากการบุกอัฟกานิสถาน ถ้าส่งทหารเข้าทางภาคพื้นดินมาก ก็ตายมาก ทหารรุ่นใหม่นี้ไม่มีประสบการณ์การรบ และตำนานความโหดร้ายจากสงครามในอัฟกานิสถานทำให้ทหารยิ่งมีความกลัว ในขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์กับคนยูเครนก็ไม่เคยมีลักษณะที่เป็นศัตรูกันมาก่อน ความฮึกเหิมที่จะบุกก็ไม่มี

ดังนั้น วิธีที่รัสเซียจะใช้บุกยูเครน จึงเป็นการโจมตีด้วยอาวุธหนักระยะไกลจากพื้นดินสู่พื้นดิน หรือการโจมตีทางอากาศ ทั้งเครื่องบิน จรวด ปืนใหญ่ ทำให้เป้าหมายทางพลเรือนเสียหายไปเป็นจำนวนมาก ทั้งบ้านประชาชน โรงพยาบาล โรงเรียน เนื่องจากเป็นการยิงใส่เมือง เพราะต้องการให้คนหนีออก จากนั้นก็เคลื่อนกำลังยานยนต์หุ้มเกราะ รถถังและทหารราบตามไปเป็นขบวน เพราะคิดว่าจะเข้ายึดได้ง่ายๆ แต่กลับไม่สามารถเข้าไปยึดได้ ต่อให้ไปถึงกลางเมืองได้ก็จะอยู่ได้กี่วัน ในเมื่อประชาชนต่อต้าน และมีหน่วยจรยุทธ์มาลอบโจมตีตลอดเวลา เส้นทางถนนหนทางก็ไม่ค่อยรู้จัก เจอคนยูเครนถอดป้าย หรือเปลี่ยนป้ายถนน ก็งงแล้ว

ถ้าปูตินยังขยายแนวรบกระจายมากยิ่งขึ้น ก็ต้องใช้กำลังทหารมากขึ้น กระจายออกไปตามพื้นที่กว้างหลายเมือง ในขณะที่หน่วยจรยุทธ์ของยูเครนมีอยู่ตามเมืองต่างๆ ครบถ้วนอยู่แล้ว เพียงแต่รออาวุธที่มาสนับสนุน ทหารรัสเซียจะเข้าในเขตพื้นที่แบบนี้ไม่สามารถจะเดินเท้าไปมาได้ มีแต่ต้องอาศัยรถ แต่เมื่อนั่งรถก็กลายเป็นเป้าจรวด

มีผู้ประเมินว่าทหารรัสเซียที่เสียชีวิตไม่ได้เหมือนกับสงครามโลกครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ที่มาเผชิญหน้า ใช้ปืนไรเฟิลยิงกัน แต่เป็นการถูกโจมตีด้วยจรวดต่อต้านรถถัง แต่เมื่อใช้ยิงรถขนส่งลำเลียงพลทำให้เพลิงไหม้อย่างหนัก จะมีทหารจำนวนมากบาดเจ็บล้มตายในขณะที่รถถูกโจมตี

ตอนนี้ปูตินรู้แล้วว่าลำบากแน่ แล้วก็กลัวแพ้ จึงงัดเอาระเบิดนิวเคลียร์มาขู่ แต่หารู้ไม่ว่าอเมริกาไม่กลัว และเหี้ยมกว่ารัสเซีย

ดังนั้น นาโตจะไม่ทำอะไรรุนแรง แต่จะยืดเกมไปเรื่อยๆ ยิ่งปูตินขยายพื้นที่การปะทะยิ่งดี โดยเฉพาะอเมริกาจะหนุนคนยูเครนให้สู้กับทหารของปูติน จะให้ปูตินกำระเบิดมือไว้อย่างนั้น คนเหลือมือข้างเดียวจะทำมาหากินอย่างไร?

ยุทธวิธียูเครน

ตั้งรับในแดนลึก จรยุทธ์ตัดกำลัง

คนยูเครนมี 40 กว่าล้าน แค่คน 10 ล้านลุกขึ้นสู้ รัสเซียก็เข้าลำบากแล้ว ยิ่งถ้ามีการส่งอาวุธเข้ามาสนับสนุนยิ่งสู้ได้นาน อาวุธนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นอาวุธหนัก ไม่จำเป็นต้องมีรถถัง แต่เป็นอาวุธประจำกายและอาวุธจรวด ที่ใช้ต่อสู้รถถังและยานเกราะ

เท่านี้กำลังภาคพื้นดินของรัสเซียก็จะไม่สามารถเข้ามายึดครองพื้นที่ต่างๆ ได้ง่ายๆ

ยูเครนปล่อยให้รัสเซียส่งกำลังลึกเข้ามาได้เรื่อยๆ ให้ห่างจากชายแดนพอสมควร จึงเข้าโจมตีและตัดการสนับสนุนทหารอาสาของยูเครน สามารถใช้หน่วยย่อย 10-20 คนด้านรัสเซียได้เป็นกองร้อย และถ้าเป็นหน่วยย่อยที่มีมากขึ้นก็สามารถตัดขบวนลำเลียง และขบวนทหารรัสเซียตามท้องถนนให้เสียหาย บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก เนื่องจากมีอาวุธจรวดที่ใช้โจมตีรถหุ้มเกราะ รถถัง รถบรรทุกทหาร เช่น…

RPV-16 และ RPG-7 ของยูเครนเอง อาจทำลายรถถังรุ่นใหม่ไม่ได้ แต่ทำลายรถลำเลียงพลได้ดีมาก

เครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถัง Panzerfaust 3 ของเยอรมนี ซึ่งเยอรมนีส่งให้จนแทบจะหมดคลัง ระยะยิง 400-900 เมตร

AT-4 ของสวีเดน มีน้ำหนัก 8.3 กิโลกรัม ระยะยิงหวังผล 500-2,100 เมตร หัวรบระเบิดแรงสูง

จรวดต่อสู้รถถัง N-LAW จากการพัฒนาของอังกฤษและสวีเดนระยะยิงหวังผล 600-800 เมตร

จรวดต่อสู้รถถัง FGM-148 Javelin ของอเมริกา มีระยะยิง 2.5-4.75 กิโลเมตร ขึ้นกับรุ่น ใช้หัวรบ Tandem สามารถเจาะเกราะได้ นำวิถีด้วยลำแสงอินฟราเรด ล็อกเป้าด้วยความร้อน ใช้ยิงอากาศยานได้

สำหรับศึกใหญ่ในดอนบาส ทางทีมวิเคราะห์มองว่าถ้ายูเครนฉลาดจะไม่รวมศูนย์กำลังทหารเต็มรูปแบบเข้าไปปะทะทหารรัสเซีย เพราะจะเป็นการเสียเปรียบ เนื่องจากพื้นที่นี้อยู่ใกล้ชายแดนรัสเซียซึ่งสามารถใช้เครื่องบินจากเขตประเทศรัสเซียหมุนเวียนเข้าโจมตีทางอากาศได้

วิเคราะห์สนามรบจากภาพ

จากประสบการณ์ในสนามจริง เมื่อได้เห็นคลิปจำนวนหนึ่ง ก็พอประเมินถึงความยากลำบากของคนทำข่าวสงคราม แม้ในสนามรบนี้จะมีกล้องจากมืออาชีพและมือสมัครเล่น แต่เราจะไม่สามารถเห็นภาพการต่อสู้ระยะใกล้ได้เนื่องจากสภาพความเป็นจริง หน่วยย่อยของทหารยูเครนไม่สามารถเข้าประชิดกองกำลังขนาดใหญ่ของทหารรัสเซียได้ (รัสเซียเองถ้าแยกกำลังเป็นหน่วยเล็ก ก็ตายได้ง่ายๆ)

ดังนั้น การซุ่มโจมตีแบบสงครามจรยุทธ์ของยูเครนครั้งนี้จึงใช้อาวุธจรวดต่อต้านรถถังแบบเคลื่อนที่ ที่ใช้คน 2-5 คนก็โจมตีขบวนรถทหารรัสเซียได้แล้ว ในการปฏิบัติจริงการใช้จรวดต่อต้านรถถังยิงระยะ 200-1,000 เมตร ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรถ้ายิงคันข้างหน้าให้หยุด ทั้งขบวนก็จะกลายเป็นเป้า แต่สังเกตว่า จรวดต่อต้านรถังยังมีน้อยเกินไป แนวซุ่มยิงสั้นเกินไป ทำลายได้ไม่กี่คันก็ต้องถอย ถ้ามีจำนวนจรวดมากพอก็จะสามารถถล่มคันที่เหลือได้เกือบหมด ใช้เวลาเล็กน้อยก็ถอยกลับได้แล้ว

เมื่อการเข้าโจมตีอยู่ในระยะประมาณ 200-1,000 เมตร จึงไม่มีภาพจากพื้นราบออกมาให้เห็น แต่จะมีภาพจากโดรนที่มาถ่ายภาพ สอดแนม หรือมาร่วมปฏิบัติการ ภาพที่ถูกถ่ายทอดมาทีหลังจึงเป็นภาพของซากรถถัง หรือรถลำเลียงพลที่ถูกทำลายเผาไหม้กองอยู่ตามถนนเท่านั้น และน่าจะถ่ายหลังจากเหตุการณ์แล้วหลายวัน

ดูจากคลิปของทหารยูเครน พบว่าแต่ละหน่วยมีอาวุธต่อต้านรถถังหรือรถหุ้มเกราะประจำกายในอัตรา 2 ต่อ 1 ถ้ามีการสนับสนุนอาวุธเหล่านี้ยังเข้าไปได้เรื่อยๆ รถถังรัสเซียเข้าไปในยูเครนคงรอดกลับมาได้ไม่กี่คัน

ยูเครนเองก็ไม่ต้องการฆ่าทหารรัสเซียให้ตายมากมาย เพียงแต่ต้องการสกัดและทำลายไม่ให้รุกต่อได้ ทำให้บาดเจ็บจำนวนมากให้ส่งกลับไปประเทศรัสเซียซึ่งจะมีผลในทางการเมืองและจิตวิทยา

บทจบที่ยืดเยื้อ

อเมริกาเองมีบทเรียนจากการเข้าไปสู่สงครามยืดเยื้อในเวียดนาม อัฟกานิสถานและอิรัก

อเมริกาจะไม่ใจดีให้รัสเซียถอนตัวไปได้อย่างง่ายๆ ยิ่งถ้ารัสเซียกลัวเสียศักดิ์ศรี สงครามยืดเยื้อจะทำลายเศรษฐกิจรัสเซียและทำลายปูติน ตอนจบก็คงจะต้องมีกองกำลังสหประชาชาติเข้าไปรักษาความสงบและปฏิรูปซ่อมแซมประเทศยูเครน

สงครามจะยุติเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับอำนาจของปูติน ถ้าปูตินหมดอำนาจเร็วก็จบเร็ว ตอนนี้ประเมินไว้เป็นปี เพราะตอนรัสเซียบุกเชชเนีย คิดว่า 2 วันจบ ยืดไปเป็น 4 ปี ขนาดมีประชากรแค่ 1.3 ล้านคน

กรณียูเครน เห็นชาวบ้านนั่งตัดเหล็ก เย็บเสื้อเกราะให้ทหารยูเครน ก็รู้ว่าคน 40 ล้านสู้ อีก 100 ประเทศหนุน รัสเซียคงยึดไม่ได้แล้ว แต่จะถอยอย่างไร หวังจะยึดบางส่วนก็คงไม่ง่าย