ถึงเวลาฮ่องกงเปลี่ยนหุ่นเชิดใหม่จีน : เมื่อ แคร์รี หล่ำ ไม่ขอสืบทอด…

ถึงเวลาฮ่องกงเปลี่ยนหุ่นเชิดใหม่จีน

ประกาศท่าทีออกมาชัดเจนแล้วสำหรับนางแคร์รี หล่ำ ผู้บริหารสูงสุดเขตปกครองพิเศษฮ่องกงที่เป็นผู้หญิงคนแรก ในวัย 64 ปี ว่าจะไม่ลงสนามแข่งขันเพื่ออยู่ในตำแหน่งนี้ต่อเป็นสมัยที่ 2 ซึ่งมีวาระการดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 5 ปี โดยอ้างเหตุผลถึงการให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นหลัก ที่เห็นว่าเธอควรจะกลับมาใช้เวลาอยู่กับครอบครัวได้แล้ว

การตัดสินใจดังกล่าวจะเป็นการสิ้นสุดยุคบริหารฮ่องกงของนางหล่ำ ที่ถูกตีตราว่าเป็นหุ่นเชิดของรัฐบาลปักกิ่ง ผู้ปกครองฮ่องกงภายใต้นโยบาย 1 ประเทศ 2 ระบบ หลังอังกฤษส่งมอบฮ่องกงคืนอยู่ใต้อาณัติจีนในปี 1997

นางหล่ำถูกมองว่าเป็นผู้นำฮ่องกงที่ก่อให้เกิดความแตกแยกขึ้นในสังคมมากที่สุดในบรรดาผู้บริหารสูงสุดเขตปกครองพิเศษฮ่องกงด้วยกันทั้งหมดที่เคยมีมารวม 4 คน จากการน้อมรับปฏิบัติตามคำบัญชาจากรัฐบาลปักกิ่ง ซึ่งทำให้ฮ่องกงที่เคยเป็นอิสระและเป็นศูนย์กลางการเงินอันรุ่งโรจน์แห่งเอเชีย กลายมาเป็นดินแดนที่มีการปราบปรามผู้เรียกร้องประชาธิปไตย ปิดกั้นเสรีภาพสื่อและกระบวนการยุติธรรม

จนทำให้ได้เห็นคลื่นการประท้วงต่อต้านรัฐบาลฮ่องกงและจีนครั้งใหญ่ขึ้น ทั้งในเหตุการณ์ปฏิวัติร่มในปี 2014 และการชุมนุมประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในปี 2019 ต่อเนื่องถึงปี 2020

ซึ่งเป็นผลให้รัฐบาลปักกิ่งเดินหน้าบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงใหม่ในฮ่องกงจนประสบผลสำเร็จ ซึ่งบัญญัติให้การชุมนุมประท้วงทางการเมืองในเกือบทุกรูปแบบเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ภายใต้ความมุ่งหมายที่จะใช้กฎหมายฉบับนี้เป็นเครื่องมือในการกำราบฝ่ายต่อต้านรัฐบาลจีน

การประกาศถอยฉากออกไปของนางหล่ำ ทำให้การสรรหาผู้นำการบริหารของฮ่องกงคนใหม่ เป็นที่จับตาว่าบุคคลที่จะก้าวขึ้นมาเป็นหุ่นเชิดคนใหม่ของจีน ในการควบคุมทิศทางการก้าวต่อไปของศูนย์กลางการเงินที่เคยเป็นอิสระแห่งนี้จะเป็นใครต่อไป

โดยตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดเขตปกครองฮ่องกงนั้น ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรง แต่จะมาจากการโหวตโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (Election Committee) ของฮ่องกง ที่มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 1,500 คน จากเดิมมี 1,200 คน หลังจากจีนได้ออกข้อบังคับในปีที่แล้วให้ผู้ที่เป็นสมาชิกในคณะกรรมการการเลือกตั้งนั้นต้องเป็นคนที่รัฐบาลปักกิ่งมองว่าเป็น “ผู้รักชาติ” เท่านั้น เพื่อจะได้เป็นหุ่นเชิดของจีนต่อไป

สำหรับการสรรหาผู้บริหารสูงสุดเขตปกครองพิเศษฮ่องกงคนใหม่ เดิมทีกำหนดจะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ได้มีการเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 8 พฤษภาคมที่จะถึง เนื่องจากในช่วงเวลานั้นฮ่องกงยังเผชิญศึกหนักกับการรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จากการแผลงฤทธิ์ของเชื้อกลายพันธุ์โอมิครอนที่ทำให้ฮ่องกงเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น โดยที่รัฐบาลนางหล่ำได้ดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์โควิดเป็นศูนย์ของรัฐบาลปักกิ่ง

ส่วนความเป็นไปได้ของผู้สมัครที่น่าจับตาในการชิงเก้าอี้ผู้นำฮ่องกงคนใหม่ เริ่มมีการขยับเคลื่อนไหวจากนายจอห์น ลี ผู้นำเบอร์ 2 ของฮ่องกง วัย 64 ปี ซึ่งเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลนางหล่ำ ที่ได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งแล้ว หลังจากที่มีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่านายลีจะลงสมัครชิงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดเขตปกครองพิเศษฮ่องกงคนใหม่

ที่ต้องจับตาคือนายลีผู้นี้เคยเป็นอดีตรองผู้บัญชาการตำรวจฮ่องกง ที่มีบทบาทอย่างมากในการปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง

ซึ่งทำให้เขาและนางหล่ำต่างเป็นบุคคลที่ถูกทางการสหรัฐอเมริกาขึ้นบัญชีคว่ำบาตรในปี 2020 เพื่อตอบโต้การลิดรอนสิทธิเสรีภาพของชาวฮ่องกง

การได้รับการโปรโมตเลื่อนขั้นสู่ตำแหน่งผู้นำเบอร์ 2 ฮ่องกงในปี 2021 ของนายลี ภายใต้ความเห็นชอบของรัฐปักกิ่ง เป็นความเคลื่อนไหวที่นักวิเคราะห์ในแวดวงการเมืองมองว่าการก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญอย่างรวดเร็วของนายลี อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าจีนกำลังมุ่งให้ความสำคัญกับประเด็นความมั่นคงในฮ่องกงเหนือเรื่องเศรษฐกิจหรือการเงิน ด้วยมุ่งหวังกระชับอำนาจในฮ่องกงให้อยู่ในอุ้งมือจีนอย่างเด็ดขาด

ก็ต้องรอดูต่อไปว่าการโหวตเลือกผู้นำฮ่องกงคนใหม่ จะเป็นชื่อจอห์น ลี ที่เข้าวินหรือไม่