‘บิ๊กป้อม’ จัดทัพ พปชร. ดึงอดีต ‘ขุนทหาร’ คนสนิทคุมเกม กุมเบ็ดเสร็จ คว้า 150 ส.ส. บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

‘บิ๊กป้อม’ จัดทัพ พปชร.

ดึงอดีต ‘ขุนทหาร’ คนสนิทคุมเกม

กุมเบ็ดเสร็จ คว้า 150 ส.ส.

 

การประชุมพรรคใหญ่สามัญประจำปี 2565 ของพรรคพลังประชารัฐ ที่โคราช เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา

“บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดการประชุมด้วยการอวดผลงาน 3 ปีที่ผ่านมาของตัวเองอย่างเต็มที่ โชว์วิชั่นยาวนานกว่า 30 นาที

เรียกได้ว่าเคยทำอะไรไว้เมื่อใดงัดออกมาพูดโวหมด

ไม่ว่าจะเป็น ทำ ผลักดันและดูแลประชาชนอะไรบ้าง

นอกจากนั้น พล.อ.ประวิตรยังได้ย้ำถึงบ้านหลังนี้ ด้วยการพัฒนาพรรคพลังประชารัฐให้เป็นสถาบันการเมือง ที่มั่นคงเข้มแข็งให้กับประชาชน พร้อมกล่าวอุดมการณ์ของพรรคที่สานพลังประชารัฐ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืนตลอดไป

เรียกได้ว่า นอกจากจะอวดผลงานตัวเองแล้วยังพูดสร้างความเชื่อมั่นให้กับสมาชิกพรรคทุกคนถึงสถานะของพรรคการเมืองบ้านหลังนี้ว่าในอนาคตจะก้าวเดินต่อไปอย่างไร

สยบคำปรามาสว่าเป็นพรรคเฉพาะกิจ ของหลายฝ่ายอย่างแน่นอน

 

ในที่ประชุมพรรคครั้งนี้ มีวาระที่สำคัญอย่างมาก คือ การแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ในตำแหน่งที่ว่าง ทดแทนตำแหน่งของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตเลขาธิการพรรค พปชร.กับพวกที่ถูกขับออกจากพรรค

โดยการประชุมครั้งนี้ แคนดิเดตเลขาธิการพรรคที่มีชื่อชิงชัยมาหลายรอบ อย่างนายสันติ พร้อมพัฒน์ ได้นั่งเก้าอี้นี้ไปครองอย่างสมใจ

ส่วนนายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิสรรักษ์ ดำรงตำแหน่งนายทะเบียนพรรค ดูแลการเข้า-ออกสมาชิกพรรค

อย่างไรก็ตาม ที่ก่อนหน้านี้มีกระแสว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะส่งสายตรงนายกฯ มานั่งตำแหน่ง กก.บห. ที่ว่างอยู่หรือไม่ เพื่อเป็นหูเป็นตา เป็นมือเป็นไม้ รายงานความเคลื่อนไหวภายในพรรคพลังประชารัฐต่อนายกฯ

ตอนนี้เป็นที่ปรากฏชัดแล้วว่าเป็นอย่างไร โดยคนที่ได้มาแทนตำแหน่ง กก.บห.ที่ว่างเป็นอดีตนายทหารคนสนิทของ พล.อ.ประวิตร อย่าง “บิ๊กอี๊ด” พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 และ “บิ๊กโย” พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะอนุกรรมการฝ่ายหารายได้ มูลนิธิป่ารอยต่อฯ

ส่วนอีก 2 ตำแหน่ง กก.บห.ที่ว่าง นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้รับตำแหน่ง ทั้งสองคนนี้ในอดีตเคยเป็น กก.บห.ของพรรคชุดแรกมาก่อน

นอกจากนั้น ยังมีวาระการเลือกตั้งกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยมีชื่อของ พล.อ.ธัญญา อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 มาร่วมจัดทัพคัดตัวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐด้วย

โดยชื่อของ พล.อ.ธัญญา ถือเป็นอีกหนึ่งแม่ทัพภาคอีสานคนสำคัญของพรรคพลังประชารัฐ เพราะนับตั้งแต่รับราชการในกองทัพบก ก็ดูแลพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ดูแลพื้นที่ภาคอีสานมาโดยตลอดจึงรู้จักคนในแวดวงการเมืองในภาคอีสานของเกือบทุกพรรค

ทั้งนี้ หลัง พล.อ.ประวิตรเปิดประชุมพรรคเสร็จ ได้ชี้แจงตอบคำถามถึงการดึงอดีตนายทหารคนสนิทมาร่วมงานในพรรคพลังประชารัฐว่า ให้มาช่วยงานธุรการของพรรคเพื่อให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น

ขณะที่เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐป้ายแดง ประกาศเป้าหมายของพรรคว่า หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้ให้โจทย์ถึงการตั้งเป้าในการเลือกตั้งครั้งหน้าว่าต้องให้ประชาชนสนับสนุนพรรค 150 ที่นั่ง ส่วนพรรคการเมืองไหนที่ประกาศจะคว้าชัยชนะเรื่องแลนด์สไลด์นั้น คงเป็นแค่ความฝัน แค่คำพูด

เรียกได้ว่าการประชุมพรรคใหญ่ครั้งนี้ คือการเปิดไพ่ในมือและเตรียมตัวเดินหน้าสู่สนามเลือกตั้งใหญ่อย่างเต็มตัว

 

สวนทางกับมือทำงานของนายกฯ อย่าง “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่ได้ประกาศว่า ขอลาออกจากสมาชิก และที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับให้เหตุผลว่า ได้มาทำภารกิจจัดโครงสร้างของพรรคพลังประชารัฐที่แบ่งการดูแลเป็น 10 หัวหน้าภาคเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม การเข้ามาภายในพรรคพลังประชารัฐของนายพีระพันธุ์ตั้งแต่แรก หลายฝ่ายมองว่า “บิ๊กตู่” ส่งมาเพื่อเป็นสายตรงของนายกฯ เพื่อให้มาดูความเคลื่อนไหวและการเมืองภายในพรรค จนถึงขั้นมีการจับตากันว่า นายพีระพันธุ์จะมานั่งเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐแทน พล.อ.ประวิตร

แต่ต้องจับตามองว่า เมื่อนายพีระพันธุ์ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐแล้ว เป้าหมายต่อไปจะไปอยู่พรรคไหน จะเป็นพรรคสำรองของนายกฯ อย่างพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีนายเสกสกล อัตถาวงศ์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ก่อตั้งพรรค สแตนด์บายรอไว้หรือไม่

ส่วนเหตุผลการลาออกของนายพีระพันธุ์ จะด้วยเหตุผลใด จะออกไปเพื่อดูแลพรรคสำรองของนายกฯ อย่างเต็มตัว หรือเพราะแรงกดดันภายในพรรคพลังประชารัฐ ที่ “บิ๊กป้อม” จะคุมพรรคอย่างเบ็ดเสร็จไม่ต้องการให้ใครมายุ่ง จนทำให้นายพีระพันธุ์สายตรงของ “บิ๊กตู่” ต้องลาออก

คงต้องจับตาต่อไปว่า “กลุ่ม 3 ป.” จะยังคงเดิมเกม แยกกันเดินแล้วร่วมกันตี หรือไม่ อย่างไร

 

สําหรับแผน “ตีเมืองอีสาน” โดยแม่ทัพใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ ที่ พล.อ.ประวิตรวางตัวอดีตนายทหารอย่าง พล.อ.ธัญญา และ พล.อ.กฤษณ์โยธิน มาเสริมทัพนั้น มองอย่างไรก็หนีไม่พ้นเรื่องของการเตรียมเลือกตั้งครั้งหน้า ที่ต้องตีภาคอีสานเพื่อโกยเสียง ส.ส.เข้าพรรคพลังประชารัฐให้มากที่สุด

โดยเฉพาะ “บิ๊กอี๊ด” พล.อ.ธัญญา อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ที่รับผิดชอบพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาโดยตลอด ซึ่งปัจจุบันยังมีรายชื่อเป็นหนึ่งในคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร เป็นประธานคณะอนุกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำรายภาคในพื้นที่อีสาน ยังเป็นคณะกรรมการอีกหลายคณะที่เกี่ยวข้องกับแดนอีสานอีกด้วย เรียกได้ว่า “บิ๊กป้อม” ปั้นมาแล้วในการที่จะให้มาดูแลภาคอีสานอย่างเต็มกำลัง

แม้แต่เรื่องการดูแลน้ำที่เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับชาวอีสานที่วิถีชีวิตปากท้องที่ต้องพึ่งพาน้ำเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ก็ต้องรอดูว่าการจัดการน้ำที่ผ่านมาตามที่ได้อวดผลงานไปเป็นที่น่าพอใจจนจะสามารถตีเมืองอีสานฐานที่มั่นของพรรคใหญ่อย่างพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้หรือไม่ ถ้าตีได้ คำว่าแลนด์สไลด์ก็คงเป็นแค่ความฝัน ตามที่เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐป้ายแดงสบประมาสไว้ แต่หากไม่สำเร็จ คำว่าแลนด์สไลด์อาจจะไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป

คงต้องรอดูกลยุทธ์ต่างๆ ของ “แม่ทัพป้อม” ว่าได้แอบวางขุนศึกคนใดไว้ที่ไหนอีกหรือไม่

 

การมาขับเคลื่อนพรรคพลังประชารัฐของอดีตทหารครั้งนี้ถือเป็นไพ่ใบสุดท้ายหรือจะยังมีไพ่ใบอื่นแอบอยู่คงต้องจับตาดูกัน แต่ไพ่ใบเด็ดที่ไม่เคยทิ้งเลยและเคยได้ชูไว้เมื่อศึกเลือกตั้งครั้งที่แล้วอย่าง พล.อ.ประยุทธ์นั้นจะยังมีค่าพอให้ถืออยู่ หรือจะเพิ่มไพ่ใบใดขึ้นมาในตำแหน่งเดียวกันเพื่อเป็นตัวเลือกเพิ่มหรือไม่ก็ต้องจับตาดูกันต่อไป

ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ที่หวังจะนั่งเก้าอี้ “สร.1” อีกสมัยโดยไม่มีทัพของตัวเอง หรือตอนนี้แอบซุ่มเงียบสร้างกองทัพของตัวเอาไว้แล้ว อีกไม่นานคงจะได้เห็นหน้าค่าตาว่าใครจะมานั่งเป็นตัวจริงนำทัพ ร่วมนับหนึ่งสู่การเลือกตั้ง

เดินหน้าสู่การหาเสียง 150 เก้าอี้ ส.ส.ว่าจะเป็นแค่ฝันหรือความจริง ของกลุ่ม 3 ป.