หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๒๐)/บทความพิเศษ ฟ้า พูลวรลักษณ์

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ

ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๒๐)

 

ฉันมักฝันว่าตัวเองเป็นวัยรุ่น ไม่เคยฝันว่าตัวเองเป็นคนแก่เลย

พอคิดแล้วก็แปลกใจ ถามว่าทำไม สังเกตว่าตอนตื่นอยู่ ฉันก็รู้สึกตัวเองเป็นคนหนุ่มสาว เป็นส่วนใหญ่ เพียงแต่ในยามตื่น มีบางส่วนที่ทำให้ฉันรู้ตัวว่าอายุตัวเองเท่าไร ไม่ใช่การมองกระจกเงา เพราะปกติฉันไม่ค่อยสนใจสิ่งนี้ หากแต่เป็นการทบทวนความเสื่อมของความทรงจำ

ที่เป็นเช่นนี้คงเพราะ ปกติฉันมีสุขภาพดี อวัยวะภายในของฉันดีมาก ฉันเคยเอ็กซเรย์ดูหัวใจและปอด พบว่าพวกมันสวยงามอย่างน่าตกตะลึง อวัยวะภายในของฉันไม่มีปัญหาใดเลย เวลาเดินเหิน ขึ้นบันได ทุกอย่างก็ปกติ หรือเดินขึ้นเขา แล้วรู้สึกเหนื่อย พักสักครู่ก็หาย เวลาหายใจ ฉันสังเกตว่า มันเป็นลมหายใจที่ไม่ต่างจากวัยเด็กเท่าไรเลย

แต่มาคิดดูอย่างละเอียดแล้ว จิตมนุษย์นี้ไม่มีวัย หมายถึงมันไม่มีวัยเด็กหรือวัยแก่ ดังนั้น ความฝันของฉันจึงไม่มีวัย

ฉันเข้าใจผิดไปเอง ว่าตัวเองเป็นวัยรุ่น

 

มีเรื่องหนึ่งที่ทำให้ฉันผงะ นั่นคือ ฉันเพิ่งสังเกตว่า หนังสือที่ฉันอ่าน ใน ๑๐๐ นักเขียนที่ฉันชอบ มีเพียง ๕ คนที่เป็นผู้หญิง อีก ๙๕ คนเป็นผู้ชาย มันห่างไกลกันมากจนฉันต้องผงะ เกิดอะไรขึ้นหรือ

ปกติฉันเป็นคนให้ความเสมอภาคทางเพศ ตั้งแต่เด็ก ฉันเห็นใจคุณอา คุณน้า คุณป้าผู้หญิงของฉัน ด้วยรู้สึกว่าชนรุ่นก่อน เพศหญิงเสียเปรียบมากมาย

และเห็นใจพี่น้องของฉันที่เป็นหญิง เห็นว่าพวกเขาควรได้รับมรดก สิทธิ ความเสมอภาค ทัดเทียมกับเพศชาย

เวลามีเพื่อนต่างเพศ ฉันพบว่าพวกเธอเฉลียวฉลาด น่าสนใจไม่แพ้เพศของฉัน

แต่ทว่าพอมาถึงการเขียนหนังสือ การเลือกข้างก็เกิดขึ้น อย่างที่ฉันไม่รู้สึกตัวเลย

ทำไมฉันไม่ชอบวิธีการเขียนหนังสือของผู้หญิงส่วนใหญ่ หรือว่าเมื่อมาถึงการเขียน ความเป็น macho ของฉันก็ผุดขึ้น ทันใดนั้นฉันกลายเป็นพวกอนุรักษ์ไปเสียเฉยๆ ถ้ามันทิ้งกันแค่นิดหน่อย ก็ไม่ว่า แต่นี่มันทิ้งกันห่างมาก จนฉันต้องผงะ

นี้เป็นสิ่งดีหรือไม่ดีกันแน่ ฉันแปลกใจ

มันเป็นจุดด้อยหรือจุดเด่นของฉัน

ความรู้สึกนี้ลึกมาก และมันเป็นไปเอง ไม่ได้ตั้งใจ เรียกว่าไม่รู้สึกตัวเลย หรือว่าเพศมีข้อจำกัดบางอย่าง

ฉันต้องค่อยๆ คิดทบทวนปัญหานี้ต่อไปอย่างละเอียด

 

ช่วงนี้ฉันเหมือนวิญญาณลอยละล่อง เดินขึ้นเดินลง อ่านหนังสือนานา สลับกับการดูหนัง เพราะฉันมีห้องคอนโดฯ สองห้อง ห้องข้างล่างเป็นห้องหนังสือ ห้องข้างบนเป็นห้องปกติ ที่มีห้องนั่งเล่น มีทีวี แต่ห้องข้างล่างมีหนังสืออย่างเดียว บางครั้งฉันอ่านเพียงสิบห้านาที ก็เดินขึ้นข้างบน ดูหนังสิบห้านาที ก็เดินลงข้างล่าง ที่มันห้วนแบบนี้ เพราะมาเจอของยาก

การทรมานสังขารคืออะไร มันดีไหมนะ มันจำเป็นไหม

สำหรับฉัน มีเป็นของดี และจำเป็น แต่แน่ละ ไม่จำเป็นต้องตรงตามนั้นตามตัวอักษร ไม่จำเป็นต้องไปลดอาหาร จนร่างกายผ่ายผอม จนแม้แต่ขนมีรากเน่าหลุดออกมา นั่งบนตะปู ขึงหรือยืดร่างกายส่วนใดจนถึงขีดสุด

แต่ฉันหมายถึงสภาวะจิตใดก็ตาม ที่มีค่าเสมอเหมือนการทรมานสังขาร เพราะวินัยนี้ ทำให้จิตละเอียด และตื่นตัว แต่มันก็เป็นการหมกมุ่นอย่างยิ่งด้วย ทำให้ลืมตัว บางครั้งถึงขั้นป่วยไข้ หรือเสียชีวิต

การทรมานสังขาร จึงเป็นภาคปฏิบัติ ซึ่งจำเป็นในทุกอุดมคติ ในทุกศาสตร์ สำหรับจิตแล้ว มันคือการทดลอง ต่อให้ทำสิ่งที่รู้ว่าผิด หรือไร้ประโยชน์ แต่ข้อดีคือ มันเข้าไปในรายละเอียด ทำให้รู้ว่า ไม่ดีเพราะอะไร ไร้ประโยชน์อย่างไร เหมือนมองของชิ้นเดิม แต่ย่อยเล็กลงไปในระดับโมเลกุล และเล็กลงไปอีก จนถึงระดับอะตอม หรือเล็กลงไปอีก ถึงระดับอนุภาคมูลฐาน

๑๐

ยิ่งเล็กลง ยิ่งคมกล้า แต่ก็ยิ่งไร้สาระขึ้นไปด้วย มิน่าเล่าทฤษฎี Theory of Everything จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า Theory of Nothing นั่นแสดงให้เห็นว่า ความมีสาระและความไร้สาะใกล้กันเพียงใด ยิ่งลงไปในระดับเล็กลง ยิ่งพบว่าแทบจะแยกมันไม่ออก

๑๑

พระพุทธเจ้าท่านจึงจำเป็นต้องผ่านด่านการทรมานสังขาร และมนุษย์ทุกคนที่อยากเรียนรู้ก็ต้องมีภาคปฏิบัติ ซึ่งสำหรับจิตแล้ว มันคือการดิ้นรน ทนทุกข์ทรมาน ยิ่งหนักยิ่งรู้ละเอียด หากคุณไม่มีอันเป็นไปเสียก่อน

๑๒

เป็นของง่าย สำหรับคนภายนอก มองแบบผู้ดูแล้วเสนอว่าให้ทำอย่างนั้น อย่างนี้ เพราะเจ้าตัวอยู่ในสภาวะอีกแบบ สิ่งสำคัญคือ คุณต้องเอาชนะใจตัวเอง ซึ่งทำยากมาก

คนจะเอาชนะตัวเอง ต้องผ่านการทรมานสังขารมาอย่างถึงแก่น

 

๑๓

ครั้งหนึ่ง ฉันเคยไปกาสิโน เล่นจนสว่าง เล่นจนลืมตัวเอง พอเดินออกมา พบว่าชีวิตธรรมดาข้างนอกนี้ ช่างเป็นความสุขเหลือเกิน

มันเป็น Moment of Truth ที่ฉับพลัน แสงแดดที่แสนจะธรรมดานี้ ไม่น่าเชื่อว่ามันมีความหมายอย่างนี้ ลมหายใจของฉัน เข้าออก ก็มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

นี้คือการหลุดพ้น ฉันเชื่อว่ามนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะดื้อรั้นปานไหน ล้วนเคยมีประสบการณ์แบบนี้ ปัญหาอยู่เพียงแค่ว่า Moment of Truth นี้จะอยู่กับตัวของเขานานเท่าไร

๑๔

ประสบการณ์ในการเล่นรูเล็ตต์ของฉัน ถือเป็นการทรมานสังขารอย่างหนึ่งของฉัน เพราะมันเป็นภาคปฏิบัติ และทุกข์ทรมานมาก มันทุกข์ เพราะมันซ้ำซาก ไม่ไปไหน วนเวียนย้อนกลับไปกลับมา และท้ายสุด ยิ่งเล่นยิ่งเกิดความกลัว ยิ่งเล่นยิ่งเล่นไม่เป็น ทั้งที่เล่นเก่งขึ้น

วันสุดท้าย กลายเป็นเหมือนคนเล่นไม่เป็นจริงๆ มันคือการเข้าไปเผชิญหน้ากับ ความว่างเปล่า

๑๕

เวลาเล่น กาลเวลาผ่านไปแบบไม่รู้สึกตัว ห้าหกชั่วโมงเป็นเรื่องเล็ก บางครั้งเล่นจนสว่าง เล่นนานต่อเนื่อง ๒๐ ชั่วโมง เล่นจนสมองใกล้จะขาดผึง หรือง่วงนอน จนร่างกายนี้ทนจะไม่ได้

๑๖

ต่อให้คิดว่า สิ่งนี้เล่นไม่ได้ แต่จิตก็ยังตั้งคำถาม ว่าจริงหรือ เหมือนจิตมนุษย์ทุกคน มักจะใฝ่หาข้อยกเว้น มีความใฝ่ฝันอยากเป็น Superhero ความอยากเป็นนี้เอง ที่เป็นแรงกระตุ้นให้เดินหน้า เพราะการยอมรับว่า ตัวเองเป็นคนธรรมดา มันทรมานมาก คล้ายจะง่าย แต่ก็ไม่ง่าย เพราะมันต้องฆ่าความเป็น Superhero ของตัวเองลงไปก่อน มันทำลายความฝันไปมากหลาย

หากทำไม่ดี จิตก็อาจจะดับได้ หรือยิ่งเลวร้ายกว่าเดิม

 

๑๗

ฉันเล่นด้วยทฤษฎี เพราะเหนื่อยน้อยกว่าการเก็ง ในความคิดฉันเล่นได้ แต่ไม่มีทฤษฎีใดใช้ได้ผลเลย อาจใช้ได้ หากนี่เป็นการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ สู้กับโปรแกรมกาสิโน แต่การเล่นในกาสิโน มันเป็นชีวิต และชีวิตนั้นมีสังขาร และสังขารจะทนไม่ได้ จะเกิดสิ่งหนึ่งที่เรามักเรียกแบบเข้าใจง่ายๆ ว่า โชค เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ที่จริง โชคในที่นี้คือ สังขาร

สังขารเสื่อมสลาย ทนอยู่ไม่ได้ มันสู้กับเครื่องจักรดึกดำบรรพ์ไร้อายุตัวนี้ไม่ได้เลย

กาสิโนมีลูกจ้างเป็นดีลเลอร์ หมุนเวียน เปลี่ยนหน้าตลอด มีเงินทุนหนาแน่น ยาวไกล วงล้อหมุนไป สังขารสร้างเหตุการณ์ และเหตุการณ์เหล่านี้นี่เอง ที่ฉันแพ้ราบคาบ

เหตุการณ์เหล่านี้ เช่น ดีลเลอร์คนนี้เสียงของเขาแหลมเล็กบาดหูมาก เรียกว่าทนฟังไม่ได้เลย ดีลเลอร์คนนั้นหยาบคาย หรือลูกค้าที่มาเล่นโต๊ะนี้แน่นหนามาก จนฉันเบียดตัวเข้าไปไม่ได้ ฉันวางไม่ทัน ฉันวางผิด เพราะสมองของฉันเลินเล่อ หรือเพราะว่าฉันง่วงนอน มีคนทำน้ำหก มีขโมย หรือเหตุอื่นใด รวมกันทั้งหมดนี้คือเหตุการณ์

๑๘

ฉันเจ็บใจมาก ที่ต่อให้เอาตัวรอดได้จากเหตุผลทางทฤษฎีใดๆ แต่กลับมาตายเพราะเหตุการณ์ ซึ่งอยู่เหนือการควบคุมของฉัน มันจึงรวมกัน และเปลี่ยนชื่อเรียกเสียใหม่ว่า โชค

 

๑๙

ชีวิตแพ้เหตุการณ์ เพราะชีวิตแพ้สังขาร ยิ่งหมกมุ่น ร่างกายยิ่งอ่อนแอลง มีโอกาสเจ็บป่วยได้ไข้โดยง่าย จากเจ็บเล็กกลายเป็นเจ็บใหญ่ เพราะสัญญาณเตือน ที่ปกติร่างกายที่มีสติจะรับรู้ได้ ในยามนั้น เราจะลืมตัว ลืมตน แต่ความแปลกอยู่ที่ว่า แต่ในขณะเดียวกัน ที่เราลืมตัว เราก็มีความละเอียดขึ้นด้วย ถึงระดับอนุภาคมูลฐาน มันย้อนแย้งกัน มันจึงน่าสะพรึงกลัว และไม่อาจตัดสินว่าสิ่งนี้ดีหรือเลว

๒๐

สมัยก่อน ฉันรักโรงเรียนเป็นอันมาก เรียกว่าเวลาเดินผ่านโรงเรียนใด เหมือนมีเสียงเพลงดังแว่วออกมา นี้คือมนตรา ที่จริงก็น่ารักดี แต่แล้ววันหนึ่งมนตรานี้ก็หายไป

ทุกวันนี้ ฉันไม่รู้สึกพิเศษอะไรกับโรงเรียนอีกแล้ว ที่สำคัญ ฉันพบว่า ในโลกอนาคตอีกไม่นานนัก โรงเรียนที่เรารู้จักจะหมดไป มันจะไม่หลงเหลือ ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

๒๑

ความไม่เที่ยงแท้นี้น่าตื่นตะลึง แม้แต่กาสิโน สมัยเด็ก ฉันคิดว่าโลกนี้อาจจะเปลี่ยน แต่กาสิโนคงไม่เปลี่ยน มันจะย้ายกาสิโนไปอยู่ต่างดาว ด้วยเกมที่คล้ายเดิม ไม่จำเป็นต้องซับซ้อนอะไรมากมาย ไม่จำเป็นต้องคิดใหม่ ทำใหม่ ยกตัวอย่างเช่น เกมรูเล็ตต์ สุดจะคลาสสิค เป็นนิรันดร แต่แล้ววันหนึ่งฉันก็เปลี่ยนใจ ฉันคิดว่ามันจะเปลี่ยนแปลง อย่างสุดจะคาดคำนวณได้ เท่ากับว่า ฉันยอมรับว่าอีกไม่นาน กาสิโนก็จะหมดไป ต่อให้มันเหนียวแค่ไหน ก็อยู่ไม่ได้ เกมรูเล็ตต์ก็จะหมดไป

๒๒

ฉันเล่นรูเล็ตต์จนกระทั่งว่า ฉันสามารถหยุดนิ่ง หนึ่งนาที แล้วมองหนึ่งพันเกมข้างหน้า แต่ในหนึ่งพันเกมนี้ สังขารของฉันทนไม่ได้ มันผุกร่อน หักพัง