‘ททบ.5’ ระส่ำ ‘ผอ.ช่อง’ ชิงลาออก เซ่นปมเสนอข่าวสงครามรัสเซีย-ยูเครน/บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

‘ททบ.5’ ระส่ำ ‘ผอ.ช่อง’ ชิงลาออก

เซ่นปมเสนอข่าวสงครามรัสเซีย-ยูเครน

 

ตกเป็นประเด็นร้อนให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักมาต่อเนื่อง สำหรับ “สถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5” หรือ ททบ.5 สถานีโทรทัศน์ภาคพื้นดินของกองทัพบกไทย

ไล่เรียงมาตั้งแต่มีข่าวจะร่วมมือกับกลุ่มบริษัท กาแลคซี่ มัลติมีเดีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ “ท็อปนิวส์” ผลิตรายการข่าวเพื่อเผยแพร่ทาง ททบ.5 เพื่อหวังให้เป็นสื่อที่ประชาชนพึ่งพาได้

แต่กลับถูกสังคมตั้งคำถาม ว่าจะเป็นแหล่งบ่มเพาะความแตกแยกและความเกลียดชังแทนเสียมากกว่า

4 มีนาคมที่ผ่านมา ททบ.5 ถูก คณะกรรมการจริยธรรมวิชาชีพ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ตักเตือนกรณีรายการ “ช่อง 5 เล่าข่าวข้น” ที่มี “กนก รัตนวงศ์สกุล” และ “ธีระ ธัญญะไพบูลย์” เป็นผู้ดำเนินรายการ ช่วงหนึ่งได้นำคลิประบุว่าเป็นคลิปผู้เสียชีวิต ซากผู้เสียชีวิตชาวยูเครนนอนเรียงกันอยู่ ในคลิปมีเสียงหัวเราะที่ศพบางศพกระดุกกระดิกได้ และบอกกับผู้ชมว่าเป็นเฟกนิวส์จากยูเครนที่ต้องการให้เห็นความโหดร้ายของรัสเซีย

แต่ความจริงแล้วเป็นเหตุการณ์การประท้วงเรื่องภาวะโลกร้อนและสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงในประเทศออสเตรียเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับสงครามในยูเครน

ก่อนที่ผู้บริหาร ททบ.5 จะออกมาแจ้งว่าได้ดำเนินการตักเตือนผู้ดำเนินรายการทั้งสองคน ให้ทำการแก้ไขและขอโทษสังคม

พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์

ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก ล่าสุดกับประเด็นร้อนครั้งใหม่ หลังมีภาพทีมผู้บริหาร ททบ.5 เข้าพบทูตรัสเซีย เพื่อหารือแลกเปลี่ยนในการรายงานข่าวสถานการณ์ภายในประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมี “นายเยฟกินี โทมิคิน” เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย ให้การต้อนรับ

“พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ททบ.5 นำคณะผู้บริหาร หารือการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารร่วมกับสำนักข่าวของรัสเซีย เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการรับรู้ข่าวสารของประชาชนโดยตรงรอบด้าน และอย่างเท่าเทียม

เนื่องจากที่ผ่านมา ททบ.5 รับข่าวสารสถานการณ์ต่างประเทศจากสำนักข่าวรอยเตอร์เพียงฝ่ายเดียว จึงจะมีการลงนามความร่วมมือระหว่างสำนักข่าวของรัสเซียกับ ททบ.5 เพื่อความสมดุลของข่าวในเร็ววัน

ความร่วมมือนี้เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสสังคมโลก ที่หลายประเทศออกมาคว่ำบาตรและประณามการกระทำของรัสเซีย หลังเปิดฉากสงครามบุกยูเครน จนทำให้ประเทศเกิดความเสียหายอย่างหนักและมียอดผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

ทำให้ยังไม่ทัน ททบ.5 จะได้ลงนามกันอย่างเป็นทางการ สังคมก็ได้ตั้งคำถามถึงความเหมาะสม และวิจารณ์การทำงานของ ททบ.5 ว่าเป็นการเลือกข้างและไม่เป็นกลางเสียเอง สวนทางกับสิ่งที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ประกาศต่อองค์การสหประชาชาติ ว่าจะเป็นกลางในกรณีรัสเซีย-ยูเครน

ในที่สุดทาง ททบ.5 ก็ได้แจ้งขอยกเลิกการแถลงข่าวการลงนามความร่วมมือกับรัสเซีย จีนและอิหร่าน ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” มีความกังวลถึงความไม่เหมาะสม เกรงจะถูกนำไปขยายผลทางการเมืองทั้งภายในและนอกประเทศ

และอีกอย่าง ททบ.5 เป็นสื่อของกองทัพบกซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาล จึงขอให้งดการเสนอข่าวสงครามรัสเซียและยูเครน

ก่อนจะปรากฏภาพ พล.อ.รังษีแก้เกมด้วยการเข้าพบเอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทย และทำความร่วมมือในการเสนอข่าว เพื่อให้เกิดความเป็นกลางทั้งรัสเซียและยูเครนในเวลาต่อมา แต่ก็ไม่อาจยุติเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้

 

เรื่องนี้ “ช่อ-พรรณิการ์ วานิช” กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ The Politics ข่าวบ้านการเมือง ถึงประเด็น ผอ.ช่อง 5 ปมแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับรัสเซีย ระบุไม่แปลกใจกับพฤติกรรมที่ทางผู้บริหารช่อง 5 ทำ ซึ่งไม่ใช่มาตรฐานของสื่อปกติ

“พฤติกรรมที่ว่าคือการยอมตนเป็นสมรภูมิ Propaganda ระหว่างคู่สงครามรัสเซียแล้วก็ยูเครน เพราะว่า ททบ.5 คือสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ไม่ใช่มาตรฐานของสื่อปกติ เขาไม่เรียกว่าการนำเสนอข่าวแบบรอบด้าน การที่คุณบอกว่า Propaganda จากทุกฝ่าย รอยเตอร์เป็นของตะวันตกเลยต้องไปเอา Propaganda ของรัฐบาลจีน อิหร่าน แล้วก็รัสเซียมาสู้กับข่าวของรอยเตอร์ เพื่อให้คนไทยสามารถรับทราบข้อมูลข่าวสารที่รอบด้าน ดิฉันขอทำตัวเป็นอาจารย์สอนวารสารศาสตร์ ให้กับ ผอ.ช่อง 5 ซึ่งเป็นพลเอกน่าจะไม่เคยเรียนการสื่อสารมาก่อน ว่ารอยเตอร์เป็นสำนักข่าวแม้จะสัญชาติอังกฤษ แต่เป็นสำนักข่าวที่อยู่ยงคงกระพันมาได้เพราะมีจรรยาบรรณสื่อ ทำหน้าที่สื่ออย่างมืออาชีพ และได้รับการยอมรับ”

“เรื่องนี้เป็นปัญหาของการเอาทหารมาทำสื่อ ก็เลยคิดแบบทหารไป แต่ไม่ทราบหรอกว่าผลร้ายที่จะเกิดขึ้นมันเกิดกับประชาชน อย่าลืมว่าช่อง 5 เป็นฟรีทีวี เป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้ แล้วคุณก็รู้ว่าโฆษณาชวนเชื่อมันเป็นพิษเป็นภัยอย่างไร แน่นอนข่าวของรัสเซียกับยูเครนมันอาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเทศไทยโดยตรง แต่ว่าคุณกำลังเอา Propaganda ที่ใส่ร้ายป้ายสีกันและกันของคู่สงครามมาให้ประชาชนคนไทยดูแล้วก็เชียร์กันเหมือนเชียร์มวย ซึ่งดิฉันไม่เชื่อว่านี่คือสิ่งที่สื่อมวลชนของประเทศไทยจะทำ”

 

ความร้อนแรงของเรื่องนี้ เดิมทีเหมือนกองไฟที่กำลังปะทุอยู่แล้ว ได้ทวีความรุนแรงอย่างหยุดไม่อยู่ โดยแหล่งข่าวจากกองทัพบกเปิดเผยว่า “พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้” ผบ.ทบ. รู้สึกไม่สบายใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้น และได้มีการพูดคุยส่วนตัวกับ พล.อ.รังษี พร้อมคำสั่งห้ามไม่ให้ ททบ.5 นำเสนอข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างรัสเซีย-ยูเครนอีก ส่งผลให้บรรยากาศใน ททบ.5 อึมครึมมาตลอด

กระทั่ง 28 มีนาคมที่ผ่านมา รายการ “เที่ยง ททบ.5” ที่ดำเนินรายการโดย “อัญชะลี ไพรีรัก” และ “กิตติมา ธารารัตนกุล” ซึ่งเป็นพิธีกรของท็อปนิวส์ กำลังรายงานข่าวสถานการณ์ระหว่างรัสเซีย-ยูเครน จู่ๆ ถูกตัดสัญญาณเข้าโฆษณาของทางสถานีแบบกะทันหัน รวมเวลาโฆษณาประมาณ 8 นาที ก่อนจะตัดเข้ารายการปกติอีกครั้ง ทำให้พิธีกรอย่างอัญชะลีทนไม่ไหว โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุ “ถ้าคุณถูกสั่งห้ามเสนอข่าวยูเครนกับรัสเซีย คุณจะทำงานกับคนเหล่านี้ต่อไปไหม?”

พร้อมกระแสข่าวลือว่าทีมผลิตข่าวของท็อปนิวส์เตรียมขอยกเลิกสัญญาการผลิตร่วม ขณะที่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ททบ.5 อย่าง พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์ ก็มีข่าวลือออกมาว่าถูกปลดฟ้าผ่าเช่นกัน

 

ก่อนที่ข่าวลือทุกอย่างจะกระจ่างกลายเป็นข่าวจริง เมื่อ “พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้” ผบ.ทบ. ในฐานะประธานบอร์ด ททบ.5 มีคำสั่งให้ “พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ททบ.5 พ้นจากหน้าที่ โดยให้ “พล.ท.วิสันติ สระศรีดา” อดีตเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ทำหน้าที่แทน เริ่ม 7 เมษายน เป็นต้นไป

โดย พล.อ.รังษีได้เปิดเผยกับมติชนออนไลน์ ยืนยันเป็นการขอพ้นหน้าที่เองด้วยความสมัครใจและเหตุผลส่วนตัว ยืนยันไม่ใช่ถูกปลดจากตำแหน่ง

“คำสั่งพ้นหน้าที่ผมวันที่ 7 และผมเป็นการขอพ้นหน้าที่เอง ผมทำหนังสือถึงผู้บัญชาการทหารบกว่าผมขอพ้นหน้าที่ด้วยเหตุผลส่วนตัว ผบ.ทบ.ท่านก็ลงนามให้ผมพ้นหน้าที่ ก็มีเท่านี้ไม่ใช่เป็นการปลด เป็นการพ้นหน้าที่ เพราะว่าจะได้ให้เป็นความแฟร์กับ ผบ.ทบ.เขา”

เมื่อถามว่าเกิดจากกรณีท็อปนิวส์นำเสนอข่าวรัสเซีย-ยูเครน หรือไม่ พล.อ.รังษีกล่าวว่า เป็นเรื่องของสื่อที่ต้องไปหาข้อมูลเอาเอง ไม่อยากพูดอะไร เพราะตนเป็นคู่กรณี การพูดถึงบุคคลที่สาม เดี๋ยวทัวร์จะลง

ก่อนจะมีรายงานข่าวตามมาว่าทางท็อปนิวส์ ได้ตกลงยกเลิกสัญญาการผลิตร่วมกับทาง ททบ.5 ไปเรียบร้อยแล้ว มีผลสิ้นเดือนมีนาคมนี้

 

ด้าน “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ก็ถูกสื่อมวลชนสอบถามถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากมีประเด็นว่านายกฯ ไม่พอใจปมข่าวรัสเซีย-ยูเครน โดย พล.อ.ประยุทธ์ระบุเป็นเรื่องภายในองค์กร ตนไม่เข้าไปยุ่ง อย่าลืมว่าตนไม่ได้เป็นผู้บัญชาการทหารบกจะไปสั่งได้อย่างไร พร้อมกับออกปากเตือนสื่อเสนอข่าวอย่าร่วมความขัดแย้งจนกระทบถึงไทย

ความระส่ำระส่ายครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นภายใน ททบ.5 ครั้งนี้ สะท้อนชัดว่าการนำเสนอข่าวสงครามรัสเซีย-ยูเครน สร้างความไม่สบายใจให้กับผู้มีอำนาจและรัฐบาลชุดนี้ไม่ใช่น้อย จึงต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลม แม้สื่อที่นำเสนอจะอยู่ฝ่ายเดียวกับรัฐบาลก็ตาม

กระนั้นก็มีคำถามใหญ่แห่งยุคสมัยว่า กองทัพบกยังควรเป็นเจ้าของช่อง 5 อยู่หรือไม่ในปี 2565 หรือสมควรปรับช่อง 5 เข้าสู่สื่อที่แข่งขันได้?