KING RICHARD ‘ปั้นดินให้เป็นดาว’ / ภาพยนตร์ : นพมาส แววหงส์

นพมาส แววหงส์

ภาพยนตร์

นพมาส แววหงส์

 

KING RICHARD

‘ปั้นดินให้เป็นดาว’

 

กำกับการแสดง

Reinaldo Marcus Green

นำแสดง

Will Smith

Aunjanue Ellis

Saniyya Siduay

Demi Singleton

Jon Bernthal

Tony Goldwyn

 

หนึ่งในสิบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมที่เข้าชิงออสการ์ปีนี้คือ King Richard

ป่านนี้ก็คงรู้ดำรู้แดงกันไปหมดแล้วนะคะว่าหนังเรื่องไหนหรือใครได้เข้าสู่เส้นชัยกันไปบ้าง แต่ขณะที่เขียนคอลัมน์นี้ยังต้องรอลุ้นผลกันอยู่

King Richard ไม่ใช่เรื่องของพระเจ้าริชาร์ดองค์ไหนของอังกฤษ และไม่ใช่หนังประวัติศาสตร์ด้วยซ้ำ ถ้าไม่นับว่าเป็นเรื่องราวของการสร้างประวัติศาสตร์แบบหนึ่งในวงการเทนนิส

แต่เป็นเรื่องราวของสามัญชนผู้ใช้แรงงานที่ตั้งเข็มชีวิตไว้สูงลิ่ว และมุ่งมั่นแน่วแน่ในการพาตัวเองให้พ้นจากบ่วงอันร้อยรัดของสภาพแวดล้อมซึ่งคอยเหนี่ยวรั้งไม่ให้พลิกชีวิตให้ดีขึ้น

ริชาร์ด วิลเลียมส์ (วิลล์ สมิธ ในบทที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงสาขาบทหลักของนักแสดงชาย) ทำงานในบริษัท รปภ.ตอนกลางคืน เขาแต่งงานกับพยาบาลม่ายลูกติดสามคน ชื่อออราซีน “แบรนดี้” (ออนจานู เอลลิส ในบทที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงสาขาบทสมทบของนักแสดงหญิง) และครอบครัววิลเลียมส์อาศัยอยู่ในคอมพ์ตัน แคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นย่านคนใช้แรงงานผิวดำ

ริชาร์ดมีความฝันสูงส่งสำหรับตัวเองและครอบครัว นั่นคือการพาครอบครัวไปให้พ้นจากวงจรอุบาทว์ของยาเสพติดและอาชญากรรมที่แพร่สะพัดอยู่ในย่านคนที่หาเลี้ยงชีพด้วยความยากลำบากและมั่วสุมกลายเป็นอันธพาลหรือโจรไปอย่างเลี่ยงไม่พ้น

ริชาร์ดวาดแผนการใหญ่ไว้ให้แก่ลูกสาวตั้งแต่ยังไม่ลืมตามาดูโลก และเขามีลูกสาวสองคนกับออราซีน

สองสาวพี่น้อง มีอายุห่างกันเพียงปีเดียว ชื่อวีนัส และเซรีนา

ห้าสาวพี่น้องนอนแออัดรวมกันอยู่ในห้องนอนเดียวอย่างสมานสามัคคีกลมเกลียว โดยที่พ่อคอยให้ความหวังว่าอีกหน่อยทุกคนจะได้นอนกันคนละเตียงโดยไม่ต้องเบียดเสียดยัดเยียดกันอีกแล้ว

ทุกวัน ริชาร์ดจะพาลูกทั้งห้าไปฝึกเทนนิสอย่างเอาจริงเอาจังที่คอร์ตโทรมๆ ในละแวกบ้าน โดยมีอันธพาลผิวดำประจำถิ่นคอยปากหมาเกี้ยวพาราสี ระรานไม่หยุดปาก

ตกค่ำเมื่อภรรยากลับบ้านหลังจากทำงานเป็นพยาบาลสองกะ เขาก็ออกจากบ้านไปทำงาน รปภ. กะกลางคืน

มีเพื่อนบ้านมองเหตุการณ์ความเป็นไปในครอบครัววิลเลียมส์อย่างไม่ชอบใจ และด้วยความเผือกทนไม่ไหว จึงใส่เกือกไปแจ้งเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ว่าบ้านนี้เข้มงวดเคี่ยวเข็นทารุณเด็กผู้ไร้เดียงสา

จนตำรวจมาเยี่ยมบ้าน พาให้เกิดความตระหนกตกใจว่าใครทำอะไรผิดกฎหมาย ในที่สุดก็ถูกริชาร์ดตอกหน้ากลับไปว่า เชิญค้นบ้านเลยว่ามีเครื่องทรมานอยู่ตรงไหนบ้าง เขาเลี้ยงลูกโดยวางระเบียบให้ทำการบ้านให้เสร็จก่อนไปฝึกเทนนิส และไม่ได้ทิ้งการเรียนเลย และทุกคนมีความสุข รักใคร่กลมเกลียวกันดีในครอบครัว

ลูกสาวต่างบิดาทั้งห้าคนเรียนได้เกรดสูงในโรงเรียน ซึ่งเป็นการปูทางสำหรับอนาคตว่าจะเป็นเครื่องประกันว่าจะได้เป็นทนายความ เป็นหมอ และมีอาชีพการงานดีๆ

 

ความหวังสูงสุดของริชาร์ด ซึ่งเพื่อนให้ฉายาว่า “พระเจ้าริชาร์ด” อยู่ที่ลูกสาวสองคน ซึ่งเขาวาง “แผน” ไว้ให้ก้าวขึ้นสู่ความเป็นนักเทนนิสระดับโลก

เส้นทางสู่ดวงดาวนั้นใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ

ถ้าไม่นับว่าเทนนิสเป็นกีฬาของชนชั้นสูงผิวขาว

ครอบครัววิลเลียมส์ไม่มีเงินจะจ้างครูเทนนิสระดับอาชีพเพื่อ “เทรน” เด็กที่มีฝีมือหรือมีแววจะรุ่งต่อไป ซึ่งต้องมีงบประมาณมหาศาล

ริชาร์ดจึงพยายามเดินสาย “ขาย” โปรเจ็กต์การปั้นดาวจรัสแสงในวงการเทนนิส โดยไปหาครูสอนเทนนิสเก่งๆ…คนแล้วคนเล่า…

ซึ่งก็ได้รับคำปฏิเสธ…คนแล้วคนเล่า…เหมือนกัน

ที่สำคัญคือ ริชาร์ดไม่เคยโยนผ้า…ไม่เคยหมดกำลังใจ…

ไฟในตัวเขา ซึ่งตั้งความหวังสร้างอนาคตยิ่งใหญ่สำหรับลูก ยังคงลุกโชนโดยไม่ริบหรี่หรือมอดไหม้ไป

จนในที่สุด เมื่อเขาไปหาครูเทนนิสชื่อพอล โคเอ็น (โทนี โกลด์วิน)

ในฉากที่พอล โคเอ็น กำลังสอนสองดาราเทนนิสผู้ยิ่งใหญ่ คือ จอห์น แม็กเอ็นโร และพีต แซมพราส อยู่ในคอร์ต ริชาร์ดบอกวีนัสและเซรีนาว่าวันหนึ่งนักเทนนิสทั้งสองจะต้องจำได้ว่าเคยพบดาราเทนนิสที่ยิ่งใหญ่สองคนขณะยังไม่มีใครรู้จักเลย

เมื่อได้เห็นฝีไม้ลายมือของเด็กทั้งสอง พอลก็รับจะฝึกให้ แต่เขามีเวลาให้เพียงคนเดียว คือวีนัสผู้พี่

ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องกระทบกระเทือนใจเซรีนาอย่างแรง

ริชาร์ดวางแผนช่วยประคับประคองสถานการณ์ด้วยการถ่ายวิดีโอการสอนของวีนัสทุกครั้งมาให้ออราซีนนำไปใช้กำกับควบคุมการสอนเซรีนาอีกที

นี่อาจอธิบายความสำเร็จของเซรีนาในภายหลังก็ได้ ว่าทำไมเธอจึงแข็งแกร่งกว่าพี่สาว เนื่องจากเธอต้องก้าวข้ามอุปสรรคขวากหนามที่มีมากกว่า

หนังไม่ใช่เรื่องของวีนัสและเซรีนา แต่เป็นเรื่องของริชาร์ดที่ต้องต่อสู้ พาตัวเองให้พ้นจากการเป็น “ผู้แพ้” ในฐานะคนผิวดำชั้นล่างที่ถูกสังคมรังเกียจเหยียดหยาม

ดังในฉากที่เขาเล่าให้ลูกฟังว่า สมัยเขาเป็นเด็ก คนผิวขาวรังเกียจที่จะสัมผัสถูกต้องเนื้อตัวคนผิวดำ และเมื่อเขาส่งของให้และไปโดนตัวคนขาวเข้าโดยบังเอิญ เขาก็ถูกรุมเตะเสียจนน่วม แต่ที่เขาเสียใจที่สุด คือเมื่อเขามองไปที่พ่อ ก็เห็นพ่อเดินหนีออกจากเหตุการณ์โดยไม่พยายามเข้ามาช่วยหรือทำอะไรให้ดีขึ้นเลย

ไม่ต้องสงสัยว่าเบื้องหลังความสำเร็จของสองสาวพี่น้องนักเทนนิสผู้ยิ่งยง คือ พ่อ…และการเป็น “แบ๊กอัพ” คอยสนับสนุนของแม่…

และที่สำคัญ ทั้งสองเห็นความสำคัญของวิชาความรู้และการศึกษา โดยไม่เอาแต่กดดันให้ลูกฝึกกีฬาแต่เพียงอย่างเดียว หาไม่เด็กที่มีความกดดันจากความพยายามเอาชนะมากๆ อาจหมดไฟไปเสียก่อนเวลาอันควรก็ได้

ในบรรดาตำแหน่งแชมป์เทนนิสอันนับไม่ถ้วน วีนัส วิลเลียมส์ กลายเป็นผู้ชนะแกรนด์สแลม (คือกวาดตำแหน่งชนะเลิศในการแข่งขันสำคัญทั้งสี่ครั้งได้หมดในปีปฏิทิน) 7 ครั้ง และเซรีนา วิลเลียมส์ ชนะแกรนด์สแลมถึง 23 ครั้ง

ยังไม่มีนักเทนนิสคนไหนเฉียดใกล้ได้ขนาดนั้นเลย

และที่สำคัญคือ ทั้งสองเป็นพี่น้องร่วมอุทร

นี่เป็นเครดิตสำหรับริชาร์ดกับออราซีนเป็นอย่างยิ่ง มีคนบอกว่าเทียบได้เหมือนกับพ่อแม่ที่มีลูกออกมาเป็นปีกัสโซกับโมเนต์ยังไงยังงั้นเลย •