ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 - 7 เมษายน 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | สิ่งแวดล้อม |
ผู้เขียน | ทวีศักดิ์ บุตรตัน |
เผยแพร่ |
สิ่งแวดล้อม
ทวีศักดิ์ บุตรตัน
btawesak@gmail.com
ศึกชิงผู้ว่าฯ กทม.+นโยบาย
เสียงปี่กลองสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ดังกระหึ่ม ปลุกการเมืองท้องถิ่นของกรุงเทพมหานครให้คึกคัก
ผู้สมัครบางคนตั้งหน้าตั้งตารอมาเป็นปี ก็ได้เวลายื่นใบสมัครแล้ว และรอลุ้นคนกรุงจะกาบัตรให้มากน้อยแค่ไหนในวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม 2565
คาดกันไว้ว่า สนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ดุเดือดแน่ๆ
ดูจากผู้สมัครที่เปิดหน้าออกมาแต่ละคนมีประวัติโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประกาศลงในนามอิสระ เดินสายหาเสียงก่อนใครเพื่อน
หรือคุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร มีสถานะเป็น ส.ส.พรรคก้าวไกลที่มีฝีปากคมกริบ
ฝ่ายคุณสุชัชวีร์ หรือ ดร.เอ้ สุวรรณสวัสดิ์ ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคที่มีฐานเสียงแน่นหนาใน กทม.
คุณสกลธี ภัททิยกุล อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ที่ลงนามอิสระมีคะแนนนิยมในกลุ่ม กปปส.
รวมทั้ง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง มีบทบาทสำคัญในระหว่างการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. กระโจนลงสนามกับเขาด้วย
คงจำกันได้ว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่มีขึ้นเมื่อปี 2556 ในครั้งนั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร จากพรรคประชาธิปัตย์ได้รับชัยชนะด้วยคะแนนเสียง 1.25 ล้านเสียง แต่เจอ “คสช.” ออกคำสั่งมาตรา 44 ปลดออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. พร้อมกับแต่งตั้ง พล.ต.อ.อัศวิน รองผู้ว่าฯ กทม. ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.แทน
พล.ต.อ.อัศวินนั่งเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. รวมแล้ว 5 ปี 5 เดือน มีผลทำให้การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ว่างเว้นนานถึง 9 ปี
ฉะนั้น การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.คราวนี้ จึงน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง เพราะผู้สมัครมีแนวคิดการเมืองแตกต่างกัน ฐานเสียงแบ่งซีกแบ่งฝ่ายชัดเจน
ฝ่ายหนึ่งมีแนวคิดสนับสนุนแนวทางเสรีนิยม ที่เห็นๆ ก็มีคุณชัชชาติอยู่กับพรรคเพื่อไทยมาก่อน เคยเป็นตัวแทนฝ่ายรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปร่วมเจรจาแก้วิกฤตการเมืองหาทางออกประเทศไทยร่วมกับคณะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในขณะนั้นยังเป็น ผบ.ทบ.คุยกันยังไม่ทันไร คสช.ประกาศยึดอำนาจล้มรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” แล้วรวบตัวคุณชัชชาติไปเข้าค่ายปรับทัศนคติ
คุณวิโรจน์เป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีแนวคิดเสรีนิยม กล้าประกาศท้าชนกับระบอบเผด็จการตั้งแต่อยู่ในสภา มีหลายๆ ครั้งที่คุณวิโรจน์อภิปรายถล่มการบริหารงานรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ สร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองไม่น้อยทีเดียว
อีกฝ่ายเป็นกลุ่มอนุรักษนิยม อย่างคุณสกลธี พล.ต.อ.อัศวิน รวมถึงคุณรสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว. เคยมีบทบาทในการร่วมประท้วงต่อต้านรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” อย่างเข้มข้น
ขณะที่ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งกว่า 4.5 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรก 7 แสนคน หรือ 16 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด เชื่อว่าเสียงของคนรุ่นหนุ่มสาวจะชี้ชะตาการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หลายรายลงทุนเดินสายทั่วทั้ง 50 เขตเลือกตั้งเพื่อไปสัมผัสฟังเสียงชาวบ้านเอาข้อมูลเสียงร้องเรียนปัญหาที่เกิดขึ้นมาคัดกรองกลั่นเป็นนโยบาย
มาดูกันว่า นโยบายสิ่งแวดล้อมที่ผู้สมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.แต่ละคนนำเสนอออกมาแล้วมีอะไรบ้าง
เริ่มจากคุณชัชชาติเสนอเพิ่มพื้นที่สีเขียวและลานกีฬาให้ชาว กทม.สามารถเดินเท้าถึงภายใน 15 นาที ปลูกต้นไม้ล้านต้นภายใน 4 ปีพร้อมกับจัดหามืออาชีพดูแลต้นไม้ประจำเขต เสริมร่มเงาเพิ่มพื้นที่สีเขียว
คุณชัชชาติเสนอแนวทางแก้ปัญหาฝุ่นพิษ พีเอ็ม 2.5 ในกรุงเทพมหานคร ด้วยการจัดตั้ง “นักสืบฝุ่น” สืบค้นที่มาและองค์ประกอบทางเคมีของฝุ่น พัฒนาพื้นที่ปลอดฝุ่นให้ กทม.มีพื้นที่ที่อากาศสะอาด
นอกจากนี้ คุณชัชชาติยังมีนโยบายจัดการขยะ ชูกรุงเทพฯ เป็นต้นแบบการแยกขยะ มีจุดทิ้งขยะถูกสุขอนามัย ไร้ขยะตกค้าง มีนโยบายสร้างจุดจอดจักรยานคุณภาพปลอดภัย ทุกจุดเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะ ลดปริมาณการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลในชั่วโมงเร่งด่วน
นโยบายสิ่งแวดล้อมของคุณวิโรจน์นำเสนอต่อสาธารณะเมื่อไม่กี่วันมานี้ ให้ขึ้นค่าเก็บขยะห้างใหญ่ เอาไปปรับปรุงการเก็บขยะครัวเรือน แก้ปัญหาโรงกำจัดขยะที่ซอยอ่อนนุช ลุยลอกท่อทั่วเมือง ลอกคลองทั่วกรุง ด้วยงบประมาณปีละ 2,000 ล้านบาท
ประกาศเปลี่ยนที่รกร้างเป็นสวนสาธารณะ ใช้กลไกภาษีที่ดินเปลี่ยนที่ปลูกกล้วยเป็นสวนสาธารณะ
อีกนโยบายที่สร้างความฮือฮาของคุณวิโรจน์คือการทวงคืนสนามหลวงกลับมาเป็นที่สาธารณะให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์
ส่วนคุณสุชัชวีร์เสนอนโยบายเปลี่ยนเมืองด้วยการแก้ปัญหาจราจรแบบเบ็ดเสร็จ ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์ เอาผิวทางจราจรมาทำทางเท้าให้ได้มาตรฐานสากล บังคับใช้กฎจราจรอย่างเข้มข้น เท่าเทียม สร้างทางจักรยานลอยฟ้า
ดร.เอ้ยังเสนอแก้น้ำท่วม น้ำเน่า น้ำหนุน ซ้ำซาก เพิ่มพื้นที่แก้มลิงใต้ดิน ใช้ปั๊มไฟฟ้าและประตูระบายน้ำอัตโนมัติ เริ่มโครงการป้องกันน้ำทะเลหนุนแม่น้ำเจ้าพระยา เปลี่ยนกรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่ ปลอดภัยสำหรับทุกคน ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์วัดมลพิษทางอากาศ ทางน้ำ บริเวณที่มีการก่อสร้าง ตรวจวัดมลพิษรถโดยสารประจำทาง แก้ PM 2.5 จัดระบบการเก็บขยะใหม่ สร้างสวนสาธารณะฉบับกระเป๋า และเปลี่ยนพื้นที่รกร้าง เป็นสวนสาธารณะขนาดย่อย
ด้านคุณสกลธีเสนอแนวนโยบายการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อให้คนหันมาใช้บริการมากขึ้น เช่น จัดรถโดยสารไฟฟ้ามาวิ่งบริการขนคนเข้าสู่ระบบรถไฟฟ้า, นำระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามาช่วยในการจัดการจราจรให้สัมพันธ์กับปริมาณรถเพื่อแก้ปัญหารถติด, นำเรือโดยสารไฟฟ้ามาให้บริการขนคนเข้าสู่ระบบรถไฟฟ้าในเส้นทางใหม่เพิ่มเติม, สร้างรถไฟฟ้าเพิ่มเติม เช่น บางนา-สุวรรณภูมิ วัชรพล-ทองหล่อ
การบังคับใช้กฎหมาย เช่น จัดระเบียบซากรถที่จอดทิ้งกีดขวางทางจราจร
ยังมีเหลือเวลาอีกไม่ถึง 2 เดือน ผู้สมัครคนอื่นๆ ก็คงมีไอเดียใหม่ๆ เรียกคะแนนนิยม
จากนั้นในวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม จะรู้ว่าประชาชนเลือกใครมาเป็นผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่
และเป็นผู้ที่สามารถนำนโยบายที่ประกาศไว้มาทำให้เห็นเป็นจริงได้หรือไม่ •