ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 - 7 เมษายน 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | เอกภาพ |
ผู้เขียน | พิชัย แก้ววิชิต |
เผยแพร่ |
เอกภาพ
พิชัย แก้ววิชิต
ทางตัน
เมื่อความคิดและความรู้สึกของผมได้เจอเข้ากับทางตัน
เรื่องราวที่ไม่อาจเรียงร้อยเล่า น้ำหนักของสาระแห่งเนื้อหาที่ดูจะบางเบาเหลือประมาณ เพียงแค่แรงลมพัดจากแรงพัดลมเบอร์สองปะทะเข้ากับสิ่งที่คิดและรู้สึกถึง ก็ดูจะปลิดปลิวล่องลอยหายไปได้อย่างง่ายดาย
มันเป็นเหมือนช่วงเวลาที่ถูกหยุด ติดตันในขณะที่ผมอยากเดินไปต่อ
การชะงักงันที่จำต้องอยู่กับความคิดอันสะเปะสะปะที่มีอยู่มากมาย ดูจะไม่ช่วยอะไรและไร้ซึ่งประโยชน์ในตอนนี้
การจับต้นชนปลายของเรื่องราวที่จะเขียนไม่ใช่เรื่องยาก แต่การไร้ซึ่งเรื่องราวทั้งต้นและปลายมันก็ไม่ได้ง่ายนักกับการที่จะหยิบจับความคิดและความรู้สึกมาบอกเล่าเรื่องราวเหมือนที่ผ่านมา
สี่วันโดยประมาณ ถ้อยคำที่เรียงร้อยประกอบกันเข้าให้เป็นประโยคถูกลบออกครั้งแล้วครั้งเล่าไม่รอดเหลือไว้ให้เป็นเรื่องเป็นราวให้เป็นที่พอใจ
ดูจะเป็นบททดสอบที่เกิดขึ้นแบบเร็ววันเร็วคืนกับทางตันบนเส้นทางของงานเขียน
มีพี่น้องที่เคารพรักหลายท่านได้ทักเตือนกับผมในเรื่องนี้ด้วยประโยคที่แฝงไปด้วยความระทึกใจว่า “ระวังจะตัน”
แน่นอนว่ากับทางตันมันเป็นสิ่งที่ผมต้องพบเจอและได้สัมผัสกับมันไม่วันใดก็วันหนึ่ง
และเวลานี้ดูเหมือนว่าผมจะเดินมาเจอทางตันเร็วไปกว่าที่คาดการณ์ไว้
หลายคนคงเดาออกแล้วว่าผมกำลังหาทางออกให้ตัวเองอยู่
ผมอยู่กับทางตันมาสี่วันโดยประมาณ มันเป็นการรอคอยที่ไม่ได้มีการนัดหมายกับความคิดและอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง ว่าเมื่อไหร่จะสร้างเรื่องเพื่อจะเขียนได้สักที
การสร้างภาพผ่านแสง กับการสร้างเรื่องราวผ่านตัวหนังสือ ดูเหมือนผมจะเริ่มเห็นเค้าโครงที่ต่างกันของศิลปะทั้งสองอยู่บ้างแล้วในตอนนี้
ในการถ่ายภาพบางครั้งย่อเข่าเพียงครั้งเดียว จัดองค์ประกอบ กดชัตเตอร์ ได้ภาพ คือจบ
แต่สำหรับงานเขียนแล้ว ย่อไปหลายย่อหน้าแล้วก็หาจะจบเรื่องในทันทีไม่ การถอนหายใจยาวๆ เพื่อกระตุ้นตื่นความหวัง ให้ตื่นตัว เกิดขึ้นเป็นระยะๆ ในงานเขียน
เมื่อหาทางออกไม่เจอผมก็นั่งดูทางตันไปพลางๆ เมื่อคิดไม่ออกก็เลิกคิด หากไร้อารมณ์ก็อยู่กันแบบนิ่งเฉย ยกเลิกข้อตกลงกับเวลา และบอกเวลาให้เดินหน้าล่วงไปก่อนแล้วเดี๋ยวจะตามไป
มีหลายสิ่งอย่างที่ผมมักจะปลอบประโลมตัวเองทำที่พอจะทำได้ในช่วงเวลาที่ไม่ปกติสุข
มันเป็นการปล่อยเมื่อรู้สึกถึงความหนัก วางลงเมื่อมันล้นจนเกินมือ
วางใจที่ไม่ถอดใจ
เมื่อนั่งเฝ้าตรงทางตันจนระงับเงียบได้ที่
ผมรู้สึกได้ว่า แท้จริงการเจอเข้ากับทางตันไม่ใช่การไร้รู้สึก
เพราะผมยังรู้สึกได้ถึงทางตัน การนั่งดูทางตันแล้วเล่าเรื่องราวของมันผ่านความคิดและความรู้สึกแท้จริงมันคือทางออก ทางออกที่มีอยู่แล้วแต่แรก
มันเป็นทางตันที่ผมสร้างมันขึ้นมาเองด้วยความไม่ปกติของผม
มันไม่ใช่ปัญหาของการที่ผมเดินช้าหรือเร็ว แต่ผมเดินไม่คงเส้นคงวาเองต่างหาก
ปัจจัยของสาเหตุคือตัวผมเอง
ด้วยความเป็นธรรมดา ผมเชื่อว่าคงจะต้องเจอกับทางตันเป็นระยะๆ บนเส้นทางสายนี้ ถ้าหากจะมีภาคต่อของทางตันเป็นระยะก็คงให้อภัยกันได้ ไม่ถือโทษโกรธกัน ด้วยมีการบอกกล่าวกันล่วงหน้ากับภาคต่อของทางตัน และพยายามสุดชีวิตเพื่อที่จะไม่ให้ภาคต่อ
ถึงตรงนี้ผมคงต้องบอกว่า “ผมนั่งมองดูทางตัน จนเห็นทางออก ที่อยู่ในทางตัน”
ในภาพถ่ายไม่มีจุดเด่นๆ ใดๆ ที่ดึงดูด ในส่วนของเส้น เหลี่ยม และมุม ตลอดจนแสงเงาที่งามใจ เหมือนเช่นเคย
มันเป็นการมองดูความทึบตันของกำแพงสีเทาหนาทึบ
กับกระจกแผ่นบางๆ ที่ถูกวางทิ้งไว้
ขอบคุณมากมายครับ •