อาจินต์รำลึก : แปดปีที่แก่งเสี้ยน (20)/บทความพิเศษ แน่งน้อย ปัญจพรรค์

บทความพิเศษ

แน่งน้อย ปัญจพรรค์

 

อาจินต์รำลึก

: แปดปีที่แก่งเสี้ยน (20)

 

อานผู้อาภัพ

ชะตากรรมของหมาหนุ่ม

อานจากไปแล้ว

จากไปโดยลำพังอย่างโดดเดี่ยวอ้างว้าง และทุกข์ทรมานแสนสาหัส

อานหายไปจากบ้านตอนไหนไม่มีใครรู้ กบรู้ตอนสายวันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน 2563 เมื่อเอาข้าวมาวางให้อานแล้วเรียกเท่าไรก็ไม่มา อีกสองคนในบ้านออกจากบ้านไปแต่เช้าแล้ว ตกเย็นอยู่กันพร้อมหน้าอานก็ยังไม่กลับ เราเทียวโทร.ถามเพื่อนบ้านทั้งซ้ายขวาก็ไม่มีใครเห็น เห็นมาเล่นกับหมาหน้าบ้านเขาตั้งแต่เมื่อวาน

บ้านเราอยู่กัน 3 คนกับ 1 ตัว วันนี้มีแต่ 3 คน เราคิดไปต่างๆ นานา อานไม่เคยทำอย่างนี้ จักรว่าถ้าโดนยาเบื่อหมาจะกลับบ้าน

ตี 2 ตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำ ผ้านวมปูนอนที่อานรักนักยังปูวางไว้ข้างประตูหน้าบ้านอย่างว่างเปล่า 6 โมงเช้า จักรบอกว่าชักไม่ค่อยดีแล้ว อานไม่เคยเที่ยวเก่งอย่างนี้ ไปเล่นที่ไหนก็ไม่เคยไปนาน จน 6 โมงเย็น ฉันเดินเล่นรอบพื้นที่ ออกกำลังขาลงตามระดับสูงต่ำของพื้นพอให้ได้เหงื่อ ครึ่งชั่วโมงบ้างเต็มชั่วโมงบ้าง แล้วก็กลับมานั่งระเบียงมุมบ้านเย็นๆ ให้หายร้อน

“พี่น้อย พี่น้อย เจออานแล้ว” กบส่งเสียงกระหืดกระหอบมาจากในครัว

“จริงหรือ” ฉันลุกพรวดอย่างตื่นเต้นเข้าไปหลังครัว

กบชี้ไปบนดงหญ้าไกลจากครัวสัก 3-4 เมตร ฉันมองตามไปไม่เห็นอะไร เห็นแต่หินสีขาวๆ ก้อนไม่โตนัก…

นั่นแหละหลังอาน !!

“อานซุกหัวลงมาทางนี้ ตายังลืม เบ้าตาโบ๋ ตัวเริ่มบวมแล้ว ตะกุยตะกายดินจนเป็นหลุมที่ตัวเองนอนตาย หญ้ารอบๆ ตัวกระจุยกระจาย ต้องดิ้นรนเร่าร้อนทุกข์ทรมานมากก่อนตาย” นายจักรคาดคะเนจากสภาพที่เห็น

“น่าจะตายแต่วานวันที่ออกไปแหละ บวมแล้ว”

“พี่น้อยขึ้นไปดูสิ” กบพูดขณะเดินลงมา

“ไม่” ฉันไม่ดูแน่ๆ รู้สึกปั่นป่วนบอกไม่ถูก

อานเอ๋ยอาน ฉันกลับออกไปทรุดนั่งที่ระเบียงบ้าน

จักรขุดดินระหว่างต้นไม้สองต้นหน้าบ้าน พาอานไปพักผ่อนตลอดกาล ที่ดินตรงนั้นขุดไม่ยาก แต่บนเขาหลังครัวที่อานเลือกนอนตายตรงนั้นขุดไม่ลง หินใหญ่เยอะ

ฉันเริ่มคิดย้อนหลัง ฉันไม่ใช่คนรักสัตว์เลี้ยงอะไรนักหนา

ไม่ใช่คนฟูมฟักรักหมาแมวชนิดจะอุ้มชูกอดจูบ ได้แต่เลี้ยงดูอย่างธรรมดา

เลี้ยงแต่หมาไม่เคยเลี้ยงอย่างอื่น แต่เลี้ยงอย่างถูกต้อง ฉีดยาให้ยากินชนิดต่างๆ ตามที่ควรทำ เช่น พวกกำจัดเห็บหมัด ป้องกันพิษสุนัขบ้า และอื่นๆ ตามที่สัตวแพทย์แนะนำสำหรับหมาแต่ละตัว

เมื่อมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ ยังไม่ทันหาอะไรมาเลี้ยง ก็มีแมวตัวหนึ่งมาอยู่ ต่อมามีหมามาอีกตัว เราก็ให้ข้าวกินธรรมดา

หมาขาวตัวแรกไม่ได้มาตัวเดียว แต่มาออกลูกไว้ที่โพรงไม้รกๆ ข้างบ้านเราตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ เราเห็นเมื่อลูกหมาเล็กๆ หลายตัวออกมาเดินต้วมเตี้ยม และส่งเสียงร้อง แม่หมาขาวยืนให้นมลูกตั้ง 6 หรือ 8 ตัว ดูผอมโซ ต่อมามีคนรับลูกหมาไปเลี้ยงคนละสองสามตัวจนหมด เหลือแต่ตัวแม่ไม่ไปไหน

พอลูกไปหมดแล้ว แม่ขาวก็เริ่มมีเนื้อมีหนังสมบูรณ์ขึ้น เป็นหมาพันธุ์ผสมที่นับว่าสวยทีเดียว รูปร่างหน้าตาดี ที่สำคัญคือมารยาทดี เหมือนเคยมีเจ้าของอบรมมาดีแล้ว ไม่เคยโดดขึ้นโต๊ะกินข้าว ไม่เคยกวนขอของกิน

ถ้าเรากิน ขาวจะยืนรอ ไม่ขึ้นระเบียงมาหาเราด้วยซ้ำ แต่ยืนรอเงียบๆ ข้างล่าง ส่งแต่สายตาขึ้นมา

เราก็เลี้ยงกันมาเรื่อยๆ ทั้งแมวหมา แล้วก็พาแม่ขาวไปทำหมัน กลัวมีลูกทุกปีและมีทีละ 8 ตัว อย่างที่เห็นตอนแรก หมอบอกให้ลูกหมาอดนมเสียก่อนจึงพาแม่ไปทำหมัน

ทำแล้วก็สบายใจ ไม่มีปัญหาอื่นตามมา

ต่อมามีพี่คนหนึ่งบอกว่าเลี้ยงหมาตัวเดียวไม่มีเพื่อน มันจะเหงาแล้วเดี๋ยวก็ลงไปหาเพื่อน ไม่ก็พาเพื่อนติดขึ้นมาอีก ฉันก็เลยจะหาเพื่อนให้แม่ขาว ยังคิดอยู่เฉยๆ ยังไม่รู้จะไปหาที่ไหน

วันหนึ่งก็มีหมาแม่ลูกอ่อนตัวหนึ่งจากบ้านคนที่อยู่ถัดลงไปสักร้อยกว่าเมตรทางซ้ายขึ้นมาหาของกินในขยะหลังบ้านเรา ฉันเห็นมันผอมโซนมย้อย คงเลี้ยงลูกหลายตัว แล้วก็เห็นหลังมันแปลก หมาหลังอาน กำลังคิดจะหาหมาอีกตัว เจ้าของเขาก็เลยรีบเอาลูกมันมาให้ตัวหนึ่ง เราก็เลยตั้งชื่อมันแบบกำปั้นทุบดินว่าหลังอาน

เรียกกันว่าอานตลอดมา

ลูกหมาหลังอานตัวสีขาวนี้นับได้ว่าเป็นหมาค่อนข้างขี้ริ้ว หน้าตาไม่สวยเลย รูปร่างก็เก้งๆ ก้างๆ แต่ฉันกลับรู้สึกผูกพันกับหมาตัวนี้อย่างประหลาด มันทำให้ฉันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของสัตว์

สัตว์มีความรู้สึกนึกคิด มีอารมณ์ มีรสนิยมส่วนตัวของมันเองเช่นเดียวกับคน และดูเหมือนจะมีชะตากรรมของมันเองด้วย

หลังอานเป็นหมาที่ไม่ซุกซนนัก ไม่ใช่หมาที่ฉลาดเท่าไร เมื่อมาวันแรกเราให้อยู่ในกรงไม้โปร่งๆ ล่ามไว้ก่อนให้เดินได้รอบๆ กรง วันแรกของหลังอานทำให้เราได้เห็นอารมณ์ความรู้สึกของหมาขาวตัวเก่าที่เราตั้งใจให้มันมาเป็นเพื่อนกัน เลือกเอาอานซึ่งเป็นตัวผู้มาอยู่กับขาวตัวเมียคงไม่กัดกัน

แต่วันนั้นเมื่อหมาขาวกลับมาจากนอกบ้าน ขึ้นมาได้ครึ่งทางพอเห็นกรงอานวางอยู่ใต้ต้นตะขบข้างโรงรถ ขาวก็หยุด นิ่งสักพักแล้วก็เดินอ้อมกรงเป็นวงโค้งไกลจนเกือบสุดแนวรั้วบ้านเพื่อขึ้นมาบนที่ประจำหน้าบ้านคนละทิศแล้วขาวก็ทำอย่างนั้นอยู่นานไม่ยอมเผชิญหน้ากับผู้มาใหม่สักที ไม่เห่า ไม่กัด ไม่เล่น หลีกไปหลีกมาอยู่อย่างนั้น

หลังอานค่อยๆ โตขึ้น พยายามจะเข้าใกล้สาวใหญ่เขาก็หลีกตลอด พยายามจะเล่นหยอกล้อเขาก็หนี บางที่ก็แฮ่ใส่ ไล่กัดเอาก็มี เป็นอันว่าขาวไม่ต้องการเพื่อนที่นี่ อยากเล่นกับเพื่อนก็ออกไปเล่นข้างนอกตามเดิม

ดูเหมือนจะมีหนุ่มคู่ขาเก่าอยู่ที่สำนักสงฆ์ ไกลออกไปไม่มากนัก

หลังอานโตขึ้นตามวัย พัฒนาความสัมพันธ์กับขาวได้ดีขึ้นเรื่อยๆ นอนเล่นอยู่ใกล้ๆ กันได้ เล่นหัวหยอกเย้ากันบ้างก็ได้

แต่น่าประหลาด หมาขาวกลับเปลี่ยนไป หายจากบ้านไปบ่อยๆ มีครั้งหนึ่งหายไปเป็นเดือน แต่แล้วก็กลับมาอยู่ต่อมาอีกเป็นปี ทีนี้หายไปเลย ไปแล้วไปลับ

เราเคยพากันไปที่สำนักสงฆ์ ขาวกำลังวิ่งเล่นกับหมาตัวผู้สีน้ำตาลตัวโตที่นั่นอย่างสนุกสนาน

พอเห็นเราก็หยุด เราเรียกก็ทำท่าลังเล หันมามองนิ่งๆ พักใหญ่ก็ตัดสินใจวิ่งกลับไปเล่นเหมือนเดิม ไม่มาอีกแล้ว

ขาวก็ไปดีแล้ว

แต่อานยิ่งโตยิ่งดูเป็นหมาอาภัพ

เมื่อจะเริ่มโต ชอบกัดรองเท้า คาบรองเท้าไปเล่น ก็ถูกกบดุกบตีเอาบ้าง ซุกซนนั่นนี่ก็ขับไล่ กบไม่ชอบอานเลย ไม่สวยด้วย ชอบกัดรองเท้า ไม่เรียบร้อยอีกต่างหาก ไม่เหมือนขาว ฉันก็บอกให้เอารองเท้าหนี หมามันกัดรองเท้าทุกตัวไม่เฉพาะหลังอาน หมาตัวผู้มันซุกซนบ้าง ไม่เรียบร้อยบ้าง ก็เหมือนคน ผู้ชายมันเรียบร้อยเหมือนผู้หญิงหรือเปล่าล่ะ

แต่อานก็ไม่ทุกข์ร้อนกับยัยกบ ยังไงเขาก็ให้ข้าวกินทุกวัน เมื่อครบปี อานลงไปหาหมาตัวเมียบ้านข้างล่าง เหมือนหมาตัวอื่นๆ ทำกัน เรารู้เมื่อสะบักสะบอมกลับมา

ฤดูผสมพันธุ์ปีต่อมา อานอยู่แต่บ้านไม่ยอมไปไหนเลย คงจะเข็ด

แต่ฤดูที่สามก็อาการหนักมาก ตาแทบบอด ริ้วรอยบาดแผลเกลื่อนกลาด น้ำเหลืองไหลแทบทั้งตัว

คราวนี้โดนศัตรูตัวผู้ขึ้นมารุมถึงบนบ้านเสียด้วย คงจะแย่งหมาขาวซึ่งไม่เคยมีอะไรกับอานเลย

อาการคราวนี้ มีแต่คนลุ้นกันว่าจะรอดไม่รอด ก็นานกว่าจะรอด

 

จนครั้งที่สี่ ชะตากรรมที่คงจะถูกขีดมาเหมือนคนนั่นแหละ ที่ทำให้อานต้องเผชิญกับทั้งคนทั้งหมาพร้อมกัน มันก็เหมือนเดิมๆ

อานลงไปโดนรุมจนมีคนโทร.บอกจักรที่กำลังอยู่ที่ทำงาน จักรโทร.หากบ ฉันออกไปซื้อกับข้าว กลับมากบบอกอานโดนรุมจนเดินคอแข็งขึ้นมานอนอยู่หน้าประตูห้องจักรที่ชั้นล่างบ้านไม้ ฉันเดินไปดู อานนอนนิ่งไม่กระโดดเข้ามาเหมือนปกติ

พอเห็นฉันก็ได้แต่ลืมตาชำเลืองมองไม่ขยับ ได้แต่กระดิกหางทักทาย ริ้วรอยไม่มากเท่าปีก่อน แต่แผลที่คอลึกมาก เย็นงานจะเลิกแล้ว รอจักรกลับมาก็พากันเอาอานไปหาหมอ

หมอบอกมีกระดูกคอหัก น่าจะไม่ใช่แค่หมารุมกัน อาจจะถูกตีด้วยของแข็งกระดูกคอหัก จักรบอกคนบ้านนั้นดุ เขาตีจนตายก็ได้

อานเอ๋ยอาน รักษาคราวนี้หนักหนานัก ทั้งล้างแผลทำแผล ทั้งทายา ทั้งกินยา พาไปหาหมอบ่อยๆ จักรประคบประหงมอยู่เป็นเดือนๆ ค่อยโล่งอก

ฉันก็กลับกรุงเทพฯ

 

คราวนี้อยู่กรุงเทพฯ สักเดือนเดียว กลับมาอีกครั้งดีใจมาก อานไม่เพียงหายดีแล้วเท่านั้น แต่ยังดูตัวโตสมส่วนมากขึ้น กินจุ ขนยาวสวย ประหลาดมาก ขนบนหลังแผ่กว้างเป็นรูปอานชัดเจนกว้างขึ้น สวยขึ้น ดูแข็งแรง สง่างามสมความเป็นหมาหลังอานที่แท้จริง จักรว่าเพราะยาหลายอย่างที่หมอให้มันมีวิตามินบำรุงขนทั้งตัวจนทั้งสวยทั้งโตขึ้น

อานเข้ามาพัวพันเล่นอยู่กับฉันพักใหญ่ อยากถ่ายรูปอานตอนสวยๆ นี้บ้าง แต่คิดว่ายังอยู่อีกหลายวัน วันนี้เพิ่งมาถึงนั่งเล่นกับอานก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยคิดถ่าย

อนิจจา พรุ่งนี้ที่ไม่เคยมาถึงสำหรับอาน

คนข้างล่างสองบ้านนั้น เบื่อหมาเป็นว่าเล่น บางตัวอาจไปแย่งข้าวหมาเขากิน บางตัวอาจไปกัดไก่ที่เขาเลี้ยง หรืออะไรก็ไม่อาจรู้ได้ แต่อานไม่ได้อดอยาก ไม่ได้ซุกซน สุดปัญญาจะคาดเดา คนใจร้ายไม่นับญาติกับใคร

โชคชะตา สี่ปีกว่าของชีวิตอานมีแต่ความบอบช้ำ และบอบช้ำสาหัส ความสุขสนุกสนานของอานมีบ้างก็แค่เล็กๆ น้อยๆ เล่นหัวกินนอนอย่างพื้นๆ

ไปดีนะอาน เลือกได้ก็อย่าเกิดมาอีกเลย ไม่ว่าจะเกิดมาเป็นอะไรก็ตาม