ชะตากรรมของอุ๊งอิ๊ง | ชกคาดเชือก : วงค์ ตาวัน

วงค์ ตาวัน

บทบาทที่เพิ่มสูงมากขึ้นในทางการเมือง ทำให้อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็กของทักษิณ เป็นที่จับตามองว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะต้องมีชื่อเป็น 1 ในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน

พอเชื่อว่าคงเตรียมตัวชิงเก้าอี้นายกฯ หนหน้าแน่ๆ เท่านั้นแหละ บรรดาศัตรูคู่อาฆาตของทักษิณ ก็ดาหน้าออกมาโจมตีและข่มขู่อุ๊งอิ๊งกันอย่างดุเดือดในทันที

บ้างก็ว่า นี่คือการสืบทอดอำนาจของตระกูลชินวัตรชัดๆ

บ้างก็ข่มขู่ว่า ถ้าขืนลงมาเล่นการเมือง ชะตากรรมของอุ๊งอิ๊ง คงไม่ต่างไปจากทักษิณและยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างแน่นอน ต้องเป็นผู้หนีคดีไปต่างประเทศ ไม่ได้กลับบ้านเกิดเมืองนอน

เอาเข้าจริงๆ ทั้งประเด็นสืบทอดอำนาจ และชะตากรรมจะไม่ต่างไปจากทักษิณและยิ่งลักษณ์ เป็นประเด็นที่ยิ่งพูดยิ่งเข้าตัวเอง ยิ่งประจานเครือข่ายอำนาจปัจจุบันเสียเอง

พูดถึงการสืบทอดอำนาจ การที่ทักษิณเคยส่งน้องสาวลงเล่นการเมือง จนได้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น คือผ่านกระบวนการเลือกตั้ง ถูกต้องตามครรลองประชาธิปไตย และเป็นการตัดสินใจโดยประชาชนอย่างแท้จริง

หรือถ้าจะส่งอุ๊งอิ๊งลงการเมืองสมัยหน้า เพื่อชิงตำแหน่งนายกฯ จริงๆ ก็คือผ่านกระบวนการเลือกตั้ง และให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินอย่างแน่นอน

จะเป็นน้องหรือเป็นลูกของทักษิณ ถ้าลงสมัครรับเลือกตั้งตามขั้นตอน และตัดสินใจโดยประชาชนในวันเข้าคูหากาบัตร นี่คือด้วยอำนาจในมือประชาชน จะกล่าวหาว่าสืบทอดอำนาจได้หรือ!?

แต่กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าสู่อำนาจด้วยการรัฐประหาร ก่อนจะเป็นนายกฯ เองภายใต้รัฐบาลทหาร แล้วยังเป็นต่อไปในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 โดยมีเสียง 250 ส.ว. รอโหวตเป็นนายกฯ ให้อยู่ อันเป็นอำนาจที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยและอยู่เหนือเสียง ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้ง

เช่นนี้แล้วยากจะแก้ข้อกล่าวหาว่าเป็นการสืบทอดอำนาจแน่ๆ ด้วยกติกาที่เขียนในยุครัฐบาลรัฐประหาร

ทักษิณจะส่งน้องสาวหรือลูกสาวหรือเครือญาติเข้าสู่อำนาจ ก็ผ่านกติกาประชาธิปไตย และโดยอำนาจในมือประชาชน แต่การรัฐประหารและเป็นนายกฯ ด้วย 250 ส.ว. อันนี้สืบทอดอำนาจ และไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริง

ดังนั้น การงัดข้อกล่าวหาสืบทอดอำนาจ แทนที่จะกระเทือนต่อทักษิณและอุ๊งอิ๊ง กลายเป็นสะเทือนต่อกลุ่มอำนาจปัจจุบันมากกว่า!!

ประเด็นที่ต้องพูดถึงต่อมา คือการข่มขู่อิ๊งอิ๊งว่า ถ้าขืนจะเล่นการเมือง ก็ให้ดูชะตากรรมของทักษิณและยิ่งลักษณ์ ซึ่งต้องกลายเป็นคนหนีคดีไปต่างประเทศ ไม่เช่นนั้นแล้วชะตากรรมของอุ๊งอิ๊งก็คงไม่ต่างกัน สุดท้ายไม่สามารถอยู่ในบ้านเกิดเมืองนอนได้

พูดเช่นนี้คือประจานปมปัญหาการเมืองไทยว่ามีการใช้อำนาจทุกอย่าง เพื่อทำลายล้างนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง

ประจานระบบอำนาจมืดอำนาจแฝงที่ครอบงำการเมือง พร้อมจะใช้กองทัพออกมาแทรกแซง และใช้อำนาจอื่นๆ เพื่อจัดการจนอยู่ในไทยไม่ได้

ปัญหานี้ตอกย้ำภาพการเมืองไทยอันไร้มาตรฐานให้ยิ่งประจักษ์ชัดในสายตาคนทั่วโลก

ไม่เช่นนั้นแล้ว การที่ทักษิณและยิ่งลักษณ์หลบหนีคดีที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริตคอร์รัปชั่น แต่กลับสามารถมีชีวิตอยู่อย่างเปิดเผย เดินทางไปไหนมาไหนได้เป็นปกติ นั่นเพราะรัฐบาลทั่วโลกมองคดีที่ 2 พี่น้องนายกฯ ถูกกล่าวหาว่า เป็นปัญหาทางการเมืองมากกว่า

จึงไม่มีใครร่วมมือจับกุมตัวเพื่อส่งกลับมาดำเนินคดีในไทย

กลายเป็นว่า ในสายตาทั่วโลกนั้น ทักษิณและยิ่งลักษณ์ กลับยิ่งดูดี เป็นนักการเมืองไทยในวิถีประชาธิปไตย ที่ถูกอำนาจนอกระบบเล่นงานจนไม่สามารถอยู่ในแผ่นดินไทยได้

คนที่งัดประเด็นนี้ขึ้นมาข่มขู่อุ๊งอิ๊ง หารู้ไม่ว่า ยิ่งทำให้ภาพการเมืองไทยตกต่ำลงไปหนัก

ทั้งที่อุ๊งอิ๊งเพียงแค่ขยับตัว ยังไม่ได้ลงสู่สนามการเมืองเต็มตัวด้วยซ้ำ กลับโดนข่มขู่ว่าจะอยู่ในแผ่นดินไทยไม่ได้เสียแล้ว

นี่คือประเทศที่มืดมนขนาดนั้นเลยหรือ!?

แถมย้อนดูเส้นทางของทักษิณและยิ่งลักษณ์ เป็น 2 นักการเมืองที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า เป็นเพราะนโยบายทางการเมืองที่ทำให้ประชาชนคนยากจน โดยเฉพาะในภาคอีสาน มีความพึงพอใจ จึงแห่กันเลือกพรรคการเมืองพรรคนี้

ไม่ว่าจะเป็น 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน นำหวยใต้ดินขึ้นบนดิน แล้วนำรายได้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลออกใช้เพื่อตอบสนองข้อเรียกร้องเร่งด่วนของประชาชน เพราะเป็นเงินรายได้ของรัฐ ที่สามารถเบิกจ่ายได้ฉับไว ไม่ต้องผ่านการพิจารณาในสภาก่อน

นโยบายที่เรียกกันว่าทำให้ประชาธิปไตยกินได้สำหรับประชาชน ส่งผลให้ 2 พี่น้อง ประสบความสำเร็จถึงขั้นเป็นนายกรัฐมนตรี

แล้วฝ่ายตรงข้ามก็ไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยการเลือกตั้ง ตามครรลองอันชอบธรรม

กลับต้องใช้อำนาจนอกระบบในการโค่น ใช้กองทัพเข้ายึดอำนาจ อันเป็นวิถีที่ทั่วโลกรังเกียจอย่างมาก

การโค่นล้มทักษิณ ต้องอาศัยการก่อม็อบเสื้อเหลือง ปลุกอุดมการณ์อนุรักษนิยมขวาจัด ประท้วงยืดเยื้อในช่วงปี 2548 ต่อเนื่องถึง 2549 เพื่อเรียกร้องให้ทหารออกมายึดอำนาจ จนสุดท้ายก็เกิดรัฐประหาร 19 กันยายน 2549

แต่หลังจากกลับมาสู่การเลือกตั้งใหม่ พรรคเครือข่ายทักษิณก็ชนะเลือกตั้งเหมือนเดิม

จนกระทั่งการเลือกตั้งในปี 2554 มียิ่งลักษณ์ ชินวัตร นำพรรคเพื่อไทยชนะในการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย จนเป็นนายกฯ หญิงคนแรกของประเทศไทย

ลงเอยก็ต้องโค่นล้มด้วยวิธีการนอกระบบอีก

นั่นคือก่อม็อบนกหวีด ชัตดาวน์ แถมเมื่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยอมถอยตามวิถีทางประชาธิปไตย ยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจใหม่ในการเลือกตั้ง

กลับอ้างต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ขัดขวางการเลือกตั้ง คุกคามคนที่จะเข้าหูคาไปใช้สิทธิ

ทำทุกอย่างเพื่อให้บ้านเมืองเข้าทางตัน เข้าเงื่อนไขการยึดอำนาจโดยกองทัพ จนเกิดรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557

จะเห็นได้ว่า ในสมัยทักษิณนั้น อันที่จริงแล้วเริ่มมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นจากทักษิณหลายประการ เช่น มีพฤติกรรมเหลิงอำนาจ จนทำให้ทักษิณเองเริ่มเสื่อมความนิยม

แต่แทนที่จะยอมใช้วิถีการเลือกตั้งเข้ามาตัดสิน รณรงค์ให้ประชาชนเห็นความไม่ดีงามของรัฐบาลทักษิณ ซึ่งก็มีแนวโน้มว่าทักษิณอาจจะพ่ายแพ้การเลือกตั้งก็ได้

กลับไปเลือกวิธีรัฐประหาร แล้วสุดท้ายใช้คดีจนทำให้ทักษิณหนีออกต่างประเทศ ยิ่งทำให้ทักษิณมีภาพดีงาม กลายเป็นนักการเมืองประชาธิปไตยที่ถูกอำนาจนอกระบบในการเมืองล้าหลังรังแก

พอมาถึงยิ่งลักษณ์ก็ซ้ำรอยเดิมอีก แถมยิ่งลักษณ์ยังยอมยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่แล้ว แต่สุดท้ายโดนโค่นด้วยรัฐประหาร เช่นนี้แล้วกลุ่มอำนาจปัจจุบันจึงขาดความชอบธรรมอย่างสิ้นเชิง

รัฐประหารแล้วตั้งรัฐบาลทหารครองอำนาจ 5 ปี พอมีเลือกตั้งก็ใช้ 250 ส.ว.โหวตให้กลับมาเป็นนายกฯ เข้าทำนองสืบทอดอำนาจคณะรัฐประหารต่อ ด้วยกติกาไม่เป็นธรรม

มองต่อไปข้างหน้า เชื่อว่าการเลือกตั้งน่าจะเกิดภายในปีนี้ ด้วยการยุบสภา หรืออย่างช้าก็ปลายปี

ถ้าหากอุ๊งอิ๊งเดินหน้าเต็มตัว เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย

แล้วจะประสบชะตากรรมตามคำขู่นั้นหรือไม่

ถ้าทำกันอีก เป็นอันชัดเจนเป็นการประจานอีกหนว่า ประเทศนี้ยังไม่ยอมพัฒนาก้าวพ้นจากวงจรอำนาจล้าหลังดังเดิม!