‘คิงคองก้อง’ จากอดีตเด็กแว้น สู่ความภูมิใจมอเตอร์สปอร์ตไทย / เขย่าสนาม : เด็กเก็บบอล

เขย่าสนาม

เด็กเก็บบอล

[email protected]

 

‘คิงคองก้อง’ จากอดีตเด็กแว้น

สู่ความภูมิใจมอเตอร์สปอร์ตไทย

 

นับเป็นอีกครั้งที่แฟนกีฬาชาวไทยได้เห็นคนไทยก้าวไปสู่การประสบความสำเร็จในเวทีระดับโลก

กับผลงานของ “คิงคองก้อง” สมเกียรติ จันทรา นักบิดหมายเลข 35 ของทีมอิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีมเอเชีย ที่สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักแข่งไทยคนแรกที่สามารถคว้าแชมป์จักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก “โมโตจีพี” ในรุ่นโมโตทู ในรายการ อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ ที่ประเทศอินโดนีเซีย

แม้ว่าจะต้องออกสตาร์ตจากกริดที่ 4 แต่คิงคองก้องกลับออกสตาร์ตได้อย่างยอดเยี่ยม พรวดขึ้นมานำตั้งแต่โค้งแรก และนำแบบม้วนเดียวจบ ทิ้งห่างคู่แข่งถึง 3 วินาทีเศษ คว้าแชมป์มาครองอย่างยิ่งใหญ่

นอกจากนี้ นี่ยังเป็นการฝืนอาการบาดเจ็บของตัวเองแล้วคว้าแชมป์อีกด้วย เพราะเมื่อสนามแรกที่ประเทศกาตาร์นั้น สมเกียรติแข่งขันไม่จบเพราะว่าเกิดอุบัติเหตุ

ซึ่งทำให้นิ้วก้อยข้างขวานั้นหักจนต้องเข้ารับการผ่าตัดและมีแผลเย็บด้วย

 

ประวัติของนักบิดหนุ่มคนนี้ เป็นคนจังหวัดชลบุรีที่ชื่นชอบความเร็วของกีฬามอเตอร์สปอร์ต ก่อนจะได้เข้าไปเรียนที่ เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง สคูล จนสามารถไต่เต้าขึ้นไปจนถึงการเป็นนักแข่งในสังกัดของ เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ซึ่งมีรุ่นพี่อย่าง “ฟิล์ม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ อดีตนักบิดไทยคนแรกที่เข้าแข่งขันโมโตทู เป็นพี่เลี้ยงคอยเทรนให้

จากนั้นสมเกียรติได้เข้าแข่งขัน เอเชีย ทาเลนต์ คัพ ปี 2013 จนได้ก้าวขึ้นไปแข่งขันระดับโมโตทรี จูเนียร์ เวิลด์แชมเปี้ยนชิพ ในปี 2017 จากนั้นปีต่อมา ซึ่งประเทศไทยได้โอกาสเป็นเจ้าภาพการแข่งขันจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก “โมโตจีพี” เป็นครั้งแรก ที่จังหวัดบุรีรัมย์ เจ้าก้องก็ได้รับไวลด์การ์ดเข้าแข่งขันในรุ่นโมโตทรี จนถูกคัดเลือกให้เข้าไปอยู่ในทีม อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีมเอเชีย ลงแข่งขันโมโตทู ในปี 2019 ในที่สุด

โดยผลงานของสมเกียรติในระดับโมโตทูปีแรก เก็บได้ 23 คะแนนและรั้งอันดับ 21 ก่อนที่ปีต่อมาจะเจอพิษโควิด-19 ทำให้ลงแข่งแค่ 15 สนาม มี 10 คะแนนเท่านั้น จนปีล่าสุดลงแข่ง 18 สนามทำได้ถึง 37 คะแนน จบอันดับ 18 รวมถึงยังมีผลงานที่ดีที่สุดคือการจบอันดับ 5 ที่ ออสเตรียน กรังด์ปรีซ์ พร้อมทำสถิติเวลาต่อรอบเร็วที่สุดได้อีกด้วย

และในที่สุดปีนี้เขาก็ท็อปฟอร์มจนคว้าแชมป์สนามที่อินโดนีเซียได้สำเร็จ

 

“คิงคองก้อง” สมเกียรติ จันทรา แชมป์จักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก “โมโตจีพี” รุ่นโมโตทู รายการอินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์

ในประเทศไทยนั้นพยายามอย่างยิ่งในการพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ต ไม่ว่าจะเป็นค่ายรถเองทั้ง ฮอนด้า หรือ ซูซูกิ แถมยังมีแรงสนับสนุนจากภาครัฐอย่าง การกีฬาแห่งประเทศไทย และเอกชนอย่าง สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ที่ผลักดันกันจนได้เป็นเจ้าภาพรายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างโมโตจีพี เลยกลายเป็นเหมือนแรงผลักดันที่ทำให้เกิดนักแข่งไทยขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

ชิเกโตะ คิมูระ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด บอกว่า เป็นเรื่องน่ายินดีมากที่เห็นนักแข่งไทยขึ้นไปรับรางวัลบนโพเดียมเช่นนี้ ทางฮอนด้าเองพยายามที่จะสนับสนุนการสร้างนักแข่งขันอย่างต่อเนื่อง และหวังว่าในอนาคตจะได้เห็นนักแข่งไทยขึ้นไปรับรางวัลบนโพเดียมได้อีก

ส่วนทนุเกียรติ จันทร์ชุม รองผู้ว่าการฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์ กกท. ก็บอกว่า การคว้าแชมป์ครั้งนี้จะช่วยจุดประกายมอเตอร์สปอร์ตของไทย ได้ลิ้มรสความสุขหลังจากพยายามกันมานาน ซึ่งถ้าถึงวันที่สมเกียรติก้าวไปสู่การเป็นนักแข่งโมโตจีพีจะเป็นวันแห่งความภาคภูมิใจอย่างแท้จริงและนำซึ่งความสุขให้คนไทย

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงกีฬาความเร็วอย่างมอเตอร์สปอร์ต ยังคงมีบางมุมในสังคมไทย ที่มองว่าเป็นเด็กแว้นบ้าง สร้างความรำคาญบ้าง

เพราะสมเกียรติเองก็ยอมรับว่าตัวเองนั้นเคยเป็นเด็กแว้นคนหนึ่งมาก่อน ก่อนที่จะรู้สึกตัวว่าการทำแบบนั้นเป็นเรื่องที่อันตราย

“ครั้งหนึ่งผมออกไปแว้นแล้วเจอกับคนล้มต่อหน้าต่อตา ก็รู้สึกว่าอันตราย รวมถึงมีแต่คนว่า ที่บ้านเองก็คุยว่าถ้าชื่นชอบการแข่งรถ ก็ให้ไปแข่งขันในสนาม ซึ่งครอบครัวก็ซัพพอร์ตให้เป็นนักแข่ง จึงได้เปลี่ยนจากการเป็นเด็กแว้น มาเป็นนักแข่งแบบเต็มตัวแบบนี้”

คิงคองก้อง ยังฝากว่า ใครที่ชื่นชอบการแข่งขัน อยากให้ลงมาแข่งกันในสนาม เพราะมีการป้องกัน มีชุดป้องกัน มีความปลอดภัยสูงกว่า และยังสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติแบบที่เขาทำได้ด้วย

ดังนั้น การประสบความสำเร็จของสมเกียรติครั้งนี้ เป็นเครื่องพิสูจน์อย่างดีว่าถ้าจับเด็กแว้นเหล่านี้มาอยู่ในจุดที่ควร แข่งขันกันในสนามแข่งขันจริงก็สามารถสร้างความสำเร็จและชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้

 

แน่นอนว่านี่คือก้าวแรกของสมเกียรติในการไปสู่นักแข่งระดับโลก ในฤดูกาลนี้เจ้าตัวยังเหลือการแข่งขันอีก 19 สนามที่รออยู่ ซึ่งเจ้าตัวตั้งเป้าจะเก็บคะแนนให้ได้ในทุกสนามและติดโพเดียมให้ได้มากที่สุด พร้อมลุ้นในสนามที่อาร์เจนตินา, ออสเตรีย, บาร์เซโลนา รวมถึงสนามที่บุรีรัมย์

“มั่นใจที่สุดคงยกให้สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กับออสเตรีย ที่สนามเร้ดบูลล์ วิงส์ ส่วนสนามที่อาร์เจนตินาเคยได้อันดับ 10 มา ก็มั่นใจมากขึ้น แต่ไม่กดดันใดๆ แม้จะเพิ่งคว้าแชมป์มา เพราะเรื่องความกดดันมันมีตั้งแต่ช่วงปีแรกๆ จนตอนนี้ไม่มีแล้ว” คิงคองก้องกล่าวอย่างมั่นใจ

ในส่วนของการผลักดันสมเกียรติไปสู่การเป็นนักแข่งไทยคนแรกในโมโตจีพี ก็คงต้องขึ้นอยู่กับผลงานอีก 19 สนามที่เหลือของเจ้าตัวในฤดูกาลนี้ ถ้าหากทำผลงานได้ดี ขึ้นไปติดท็อป 10 ของอันดับรวมได้ อาจจะได้รับการพิจารณาจากทีม ดันขึ้นไปแข่งขันในปีต่อไปได้

เมื่อถามสมเกียรติว่ามองตัวเองต้องใช้เวลาอีกกี่ปีจึงจะขึ้นไปถึงระดับโมโตจีพีได้นั้น เจ้าตัวก็บอกอย่างมั่นใจเลยว่า “ถ้าเป็นไปได้จริงก็อยากจะขึ้นไปปีหน้าเลย เพราะว่าพร้อมแล้ว”

อย่าว่าแต่สมเกียรติพร้อมเลย ตอนนี้แฟนมอเตอร์สปอร์ตอย่างเราๆ ก็พร้อมแล้วเช่นกัน •