WINDFALL ‘ลาภลอย’ / ภาพยนตร์ : นพมาส แววหงส์

นพมาส แววหงส์
windfall movie /Netflix

ภาพยนตร์

นพมาส แววหงส์

 

WINDFALL

‘ลาภลอย’

 

กำกับการแสดง

Charlie McDowell

นำแสดง

Jason Segal

Lily Collins

Jesse Plemons

 

คําว่า Windfall น่าจะแปลได้ว่า “ลาภลอย” หรือที่ตรงกว่านั้นคือ “ส้มหล่น” จากรากศัพท์ดั้งเดิมที่พูดถึงผลไม้ที่ลมพัดให้ร่วงจากต้นโดยไม่ต้องใช้แรงเด็ดหรือสอยลงมากิน

เห็นได้ชัดว่า Windfall เป็นโปรเจ็กต์แบบ “น้อยแต่มาก” (minimalism) ที่เกิดขึ้นระหว่างช่วงโควิด

ไหนๆ ก็ไหนๆ ต้องเก็บตัวกักตัวอยู่กับบ้าน เวิร์กฟรอมโฮมอยู่แล้ว และดูท่าว่าโควิดจะไม่หายไปในเร็ววัน ไหนๆ ก็ไม่ควรคบหาสมาคมกันในที่ชุมชน ไม่ควรพบปะสังสรรค์กับคนวงนอกที่ไม่รู้ว่าจะเสี่ยงติดเชื้อมาจากไหน

กลุ่มศิลปิน ผู้กำกับฯ ผู้เขียนบท และนักแสดงไม่กี่คน (นักแสดงหญิงคนเดียวก็เป็นภรรยาของผู้กำกับฯ อยู่แล้ว) จึงร่วมกันผลิตผลงานชิ้นนี้ให้เน็ตฟลิกซ์ และเพิ่งออกฉายในสัปดาห์นี้เอง

ประหยัดได้ทั้งจำนวนนักแสดง ทีมงาน สถานที่ถ่ายทำ และน่าจะประหยัดงบประมาณอันเป็นข้อดีอีกอย่างสำหรับการขายโปรเจ็กต์

ด้วยฝีมือและมันสมองในการสร้างสรรค์ Windfall จึงกลายเป็นหนังที่น่าดูและชวนให้คิดต่อหลังหนังจบลงแล้ว

 

ตัวละครทุกตัวในหนังไม่มีชื่อเรียกขาน

ในรายชื่อนักแสดง เจสัน ซีกัล (Sex Tape, The Muppets) เล่นเป็น “คนที่ไม่ได้เป็นอะไรสักอย่าง” (Nobody)

ลิลี คอลลินส์ (Love, Rosie, Mirror Mirror) เล่นเป็น “ภรรยา”

เจสซี เพลมอนส์ (The Power of the Dog, I’m Thinking of Ending Things) เล่นเป็น “ซีอีโอ” (CEO)

และนักแสดงตัวประกอบอีกคนคือ โอมาร์ เลย์ยา เล่นเป็น “คนสวน”

ดังนั้น เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ จึงจะขอเรียกชื่อตัวละครด้วยชื่อนักแสดงก็แล้วกันนะคะ

เปิดฉากที่บ้านพักตากอากาศหรูหราบนเนื้อที่กว้างขวาง ท่ามกลางไร่ส้มในแคลิฟอร์เนีย

เราเห็นเจสันนั่งพักผ่อนเหมือนจะผ่อนคลายสบายๆ จิบน้ำส้มในแก้ว เดินไปดูอะไรๆ เด็ดส้มที่ห้อยระย้าอยู่กับต้นมาปอกเข้าปาก ปาเปลือกทิ้ง เดินเข้าบ้าน สำรวจดูข้าวของ เข้านอกออกในอย่างสบายใจ ขว้างแก้วน้ำส้มที่ดื่มหมดแล้วทิ้งไปไกลลิบในไร่ส้ม แล้วกลับเข้าบ้านใหม่ หาโน่นหานี่ ไปเจอเงินจำนวนหนึ่ง และปืนพกในลิ้นชัก

ระหว่างนั้น เขาได้ยินเสียงรถแล่นมาจอด และหนุ่มสาวสองคนเดินเข้ามาในบ้าน เสียงพูดคุยบอกว่านี่คือเจ้าของบ้านกับภรรยา ขับรถมาพักผ่อนที่บ้านตากอากาศนี้

เจสันรีบหลบฉากเข้าไปซ่อนตัว และขณะกำลังจะหาทางหลบออกจากบ้านไป ก็เจอเข้ากับลิลีอย่างจังหน้า

เมื่อเจสซีสังเกตความผิดปกติจากเสียงของภรรยาที่เงียบหายไป เขาก็เดินออกมาเจอกับสถานการณ์จับตัวประกัน โดยเจสันถือปืน จับตัวลิลีไว้

ในฐานะซีอีโอ เจสซีคุ้นกับการสั่งงานและพาตัวออกจากสถานการณ์ยากลำบากหรือเรื่องเดือดร้อนต่างๆ เขาจึงรับมือด้วยการเข้าควบคุมสถานการณ์เสียเอง บอกช่องลับของตู้เซฟเก็บเงิน และพาไปเปิดเอาเงินให้ เพื่อให้เจสันกลับออกไปโดยไม่มีใครเจ็บตัว

ถึงตอนนี้ เริ่มรู้สึกแล้วว่าโทนของหนังเป็นคอเมดี้ เจ้าของบ้านออกคำสั่งให้โจรทำทุกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และช่วยโจรปล้นตัวเองให้สำเร็จเสร็จสิ้น

แต่ไม่ก่อนที่จะร้องโวยวาย เมื่อถูกโจรจับไปขังในห้องเซาน่าริมสระน้ำ และตอกไม้ปิดประตูด้านนอกไว้

แต่เจสันก็ไปไม่ได้ไกล ขณะกำลังจะขับรถออกไปพร้อมเงินก้อนโตในกระเป๋า เขาเหลือบไปเห็นกล้อง รปภ. ที่ซ่อนอยู่บนต้นไม้ และรู้ว่าไม่มีทางลอยนวลไปได้จากคดีปล้นจี้บ้านเศรษฐี

เขาจึงกลับเข้าไปใหม่ และพยายามหาทางออกจากสถานการณ์ที่พาตัวเขาเองเข้ามาติดกับอยู่

 

windfall movie /Netflix

และแล้ว เช่นเคย เจสซีซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงสุดขององค์กรก็เป็นคนหาทางออกที่สวยงามที่สุดให้แก่โจรที่มาปล้นบ้านตัวเอง

ทว่าทางออกนั้นหมายความว่าเจสันจะต้องทนรอเวลาอยู่กับสามีภรรยาจนถึงเย็นวันรุ่งขึ้นก่อนที่จะหลบหนีไปได้

ทั้งสามคนต้องติดกับและแกร่วอยู่ด้วยกันในสถานที่ห่างไกลจากผู้คนนับเป็นไมล์ๆ และเริ่มต้องหาเรื่องพูดคุยกันฆ่าเวลา

เจสซีซึ่งมีนิสัยวิเคราะห์และประเมินสิ่งต่างๆ ตลอดเวลา เชื่อว่าเจสันไม่ได้มาปล้นบ้านเขาด้วยเหตุบังเอิญ แต่ต้องมีแรงจูงใจอย่างอื่นด้วย

เจ้าของบ้านพาโจรทัวร์ภูมิทัศน์รอบบ้าน ซึ่งตกแต่งเป็นสวนหินแบบญี่ปุ่นและมีโฮมเธียเตอร์นอกบ้าน ซึ่งทั้งสามเปิดดูหนังฆ่าเวลาในค่ำคืนนั้น

น่าสังเกตว่าหนังที่พวกเขาดูเป็นหนังตลกเรื่อง The Three Amigos และฉากที่เห็นบนจอคือสามเกลออยู่กลางทะเลทราย มาร์ติน ชอร์ต กับสตีฟ มาร์ติน กำลังกระหายน้ำเหลือเกิน ส่วนเชฟวี เชสมีน้ำเต็มกระติก กำลังเทน้ำล้างหน้า กลั้วคอ บ้วนปากโดยไม่สนใจเพื่อนอีกสองคนเลย เป็นฉากที่เสียดสีคนมั่งมีที่มองไม่เห็นหัวคนอดอยากเลย

ฉากสั้นๆ ที่ทั้งสามดูอยู่นี้ทำให้เจสันกับลิลีหัวเราะออกมา แต่เจสซีกลับนึกขุ่นเคืองที่สองคนหัวเราะ

 

จากจุดตรงนี้โทนของหนังเริ่มเปลี่ยนไปสู่ความเคร่งเครียดมากขึ้น จนถึงขั้นที่เจสซีแอบบอกภรรยาให้ตีสนิทกับโจร ซึ่งลิลีก็ดูงงๆ อยู่ว่าจะตีสนิทแบบไหน และเจสซีบอกอย่างเลือดเย็นเยี่ยงมหาเศรษฐีที่ประสบความสำเร็จว่า “ทำทุกอย่างที่ต้องทำ” (Do whatever it takes)

จุดหักเหอีกจุดในเรื่อง คือการดึงคนสวนที่เผอิญแวะมาที่บ้าน ให้เข้ามาอยู่ในสถานการณ์ด้วย ทำให้เกิดเรื่องเลยเถิดจนกู่ไม่กลับ แก้ไขคลี่คลายให้คืนสภาพเดิมไม่ได้

หนังยังมีตอนจบที่คาดไม่ถึงอีกครั้ง ด้วยการกระทำที่เหนือคาดของตัวละคร แต่ถ้ามองย้อนหลังก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

มีการใช้สัญลักษณ์ที่ชวนคิดในตัวรูปปั้นสีขาวโพลนของผู้หญิงที่มีริบบิ้นหลายสายปลิวลมพัดมาปิดใบหน้าไว้

ตอนจบก็ทิ้งไว้ให้เราแต่ละคนตีความเองเองละค่ะ •