2503 สงครามลับ สงครามลาว (73)/บทความพิเศษ พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

บทความพิเศษ

พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

 

2503 สงครามลับ

สงครามลาว (73)

บันทึกของ “ภูสิน”

ผมตื่นทำกิจวัตรส่วนตัวตั้งแต่เช้ามืดก่อน 05.00 น.เช่นปกติ เมื่อเดินกลับเข้ามาในศูนย์อำนวยการยิง ได้ยินเสียงกระสุนปืนใหญ่แหวกอากาศหวีดหวิวผ่านศีรษะไปตกเลยที่ตั้งใจยิงไป รู้สึกว่าตกใกล้กว่าทุกๆ ครั้ง เพราะได้ยินเสียงดังใกล้มาก

ผมนึกในใจว่า…เล่นกันแต่เช้ามืดเชียวนะวันนี้ แล้วก็มาสั่งยิงต่อต้านไปตามตำบลที่เคยยิงไปแล้ว แต่วันนี้แปลก เขาไม่หยุด ยังคงยิงเข้ามาเป็นระยะๆ เว้นช่วงสัก 5-10 นาทีก็ส่งมาให้เสียนัดสองนัด เราก็รายงานไปยัง บก.ฉก.วีพี ได้รับคำตอบอย่างกล้าหาญว่า “ฟ้าเปิดแล้วจะส่งเครื่องบินไปโจมตีทางอากาศให้”

นอกจากนี้ ข้าศึกยังคงใช้ปืนใหญ่โจมตี บีซี 609 และบีซี 605 และยิงข่มปืนใหญ่ฝ่ายเราที่ไลอ้อนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งไลอ้อนพยายามยิงตอบโต้เช่นกัน ข้าศึกยังส่งทหารราบเคลื่อนที่เข้าล้อมบีซี 603 ทางตะวันออกของมัสแตง และบีซี 609 บนยอดภูเทิงซึ่งเป็นภูมิประเทศสําคัญ ข้าศึกได้กำหนดให้เป็นที่หมายของการเข้าตีหลัก ไลอ้อนต้องยิงสนับสนุนอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องตลอดเวลา

จนรุ่งสว่างเหตุการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง ภูมิ่งสั่งการให้ทุกส่วนทราบสถานการณ์ว่าข้าศึกกำลังใช้กำลังเข้าตีฝ่ายเราในทุ่งไหหิน ให้ทุกส่วนเตรียมรับสถานการณ์ จนเกือบ 09.00 น. ฟ้าจึงเปิดและมีเครื่องที-28 บินมาโจมตีทางตะวันออกเฉียงเหนือของไลอ้อนอยู่พักหนึ่งแล้วก็บินกลับไป

ส่วนปืนใหญ่ของไลอ้อนมีภารกิจยิงตามคำขอของหน่วยบีซีที่อยู่ข้างหน้าเราไม่ได้หยุด ต้องยิงสนับสนุนหน่วยถึง 3 ภารกิจ หรือ 3 เป้าหมายในเวลาเดียวกัน โดยใช้ปืนใหญ่เป้าหมายละ 2 กระบอก ขณะนี้ไลอ้อนมีปืนใหญ่ขนาด 155 ม.ม. 4 กระบอก และขนาด 105 ม.ม. 2 กระบอก จึงยิงได้สูงสุดในเวลาเดียวกันได้เพียง 3 เป้าหมาย แต่ละที่หมายใช้ปืนใหญ่ 2 กระบอกเพื่อผลในการทำลาย

 

ตอนบ่าย ข้าศึกได้ทวีความรุนแรงในการปฏิบัติยิ่งขึ้น กระสุนปืนใหญ่ข้าศึกตกในที่ตั้งยิงมากขึ้นและเห็นข้าศึกเคลื่อนที่เป็นกลุ่มก้อนจนต้องใช้ปืนใหญ่ยิงกลุ่มกำลังข้าศึกเหล่านั้น ในทุ่งไหหิน หน่วยรับการสนับสนุนต่างรบติดพันกับข้าศึกจนไม่สามารถขอใช้ปืนใหญ่ยิงสนับสนุนได้ และไลอ้อนเองก็ต้องใช้ปืนใหญ่ยิงเล็งตรงต่อข้าศึก ด้านตะวันตกของไลอ้อน ฝ่ายเราได้ตรวจพบธงขาวและธงแดงปักสลับกันเป็นแถวเป็นแนวทางตะวันตกของไลอ้อน

บีซี 609 ที่ยอดภูเทิงรายงานข้าศึกเสียชีวิตนับร้อยทับถมกันที่แนวหน้า ฝ่ายเรา บีซี 609 – “บาดเจ็บถ้วนหน้า” บีซี 605 ทางตะวันออกและทางใต้ของไลอ้อนพยายามตีโต้ตอบ แต่เป็นเพียงการจัดหน่วยไม่เกินระดับหมวดประมาณ 40 นายออกไปกวาดล้างจึงไม่ประสบความสำเร็จ กลับเป็นฝ่ายสูญเสียหลายนาย

เฮลิคอปเตอร์ที่ฝ่ายเราขอมารับผู้บาดเจ็บส่งไปล่องแจ้งก็ถูกฝ่ายตรงข้ามยิงและก็ไม่มาสนับสนุนหน่วยในพื้นที่บ้านโตนและภูเทิงอีกต่อไป

ในตอนค่ำ บีซี 605 ต้องนำศพผู้เสียชีวิตจากการออกไปกวาดล้างเมื่อตอนบ่ายมารวมไว้ที่ไลอ้อนเพื่อรอเฮลิคอปเตอร์มารับในวันต่อไป

 

คืนนี้ บรรดาหัวหน้าต่างแยกย้ายกันเยี่ยมเยียนกำลังพลตามส่วนต่างๆ ทุกคนมีขวัญกำลังใจดี เชื่อมั่นในผู้บังคับบัญชา “หัวหน้าอยู่ผมก็อยู่ครับ”

และในคืนนี้ หัวหน้าต้องผลัดกันนอนเพื่อให้มีผู้สั่งการได้ตลอดเวลา นอกจากจะมีเหตุการณ์รุนแรง ต้องตื่นมาช่วยกันทุกคน

แต่จริงๆ แล้วไม่มีใครหลับลง ทุกคนมารวมกันในศูนย์อำนวยการยิง เพื่อแค่นั่งหลับตามโอกาสอำนวยเท่านั้นเอง

ส่วนผมนั้น เป็นหัวหน้าที่ผ่านและมีประสบการณ์จากสมรภูมิเวียดนามที่อาวุโสน้อยที่สุดในไลอ้อนจึงเป็นที่รักใคร่เอ็นดู ไว้เนื้อเชื่อใจของพี่ๆ ทุกท่าน มอบหมายงานให้เป็นพิเศษอยู่เสมอ

ความรู้สึกผมในคืนนี้…วันนี้อำนวยการยิงได้สนุกที่สุด พรุ่งนี้จะอำนวยการยิงได้สักแค่ไหน และในคืนนี้ ผมก็ได้รับภารกิจเศษจากพี่ภูมิ่ง ให้ศึกษาเส้นทางและเตรียมการรบหน่วงเวลาเข้าที่มั่นตามลำดับขั้นต่อไป “ตามแผน”…

คืน 18 ธันวาคม 2514 ในทุ่งไหหินช่างเป็นคืนที่เนิ่นนานและผ่านไปด้วยความหวังที่ว่า พรุ่งนี้สถานการณ์ฝ่ายเราคงจะดีขึ้น

 

บันทีกของซีไอเอ

เจมส์ อี ปาร์กเกอร์ จูเนียร์ บันทึกการเข้าตีทางภาคพื้นดินตามแผนขั้นที่ 1 ของฝ่ายเวียดนามเหนือว่าเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 05.30 น.ของเช้าวันที่ 18 ธันวาคม ซึ่งฝ่ายเวียดนามเหนือคาดหวังว่า หมอกบนพื้นดินและเพดานเมฆที่ต่ำจะบดบังทัศนวิสัยของฝ่ายตั้งรับ ตลอดทั่วพื้นที่ทุ่งไหหิน ปืนใหญ่ของเวียดนามเหนือระดมยิงเข้าสู่ทั้งที่ตั้งทหารไทยและม้ง

อย่างไรก็ตาม ทหารราบเวียดนามเหนือต้องเผชิญกับการตั้งรับอย่างเหนียวแน่นทั้งของทหารไทยและม้งทั้งในที่หมายแรกคือฐานยิงสนับสนุนไลอ้อนและมัสแตง และที่หมายที่สอง ฐานยิงสนับสนุนคิงคอง

ปรากฏว่าการระดมยิงฉากชุดแรกของเวียดนามเหนือสามารถทำลายคลังกระสุนของฐานยิงไลอ้อนได้อย่างแม่นยำ ก่อให้เกิดการระเบิดขนาดใหญ่ ส่งสะเก็ดระเบิดและชิ้นส่วนต่างๆ สาดไปไกลหลายร้อยเมตร ควันระเบิดรูปดอกเห็ดมหึมาปกคลุมไปทั่วพื้นที่ด้านตะวันออกของทุ่งไหหิน

เมื่อพระอาทิตย์สาดแสงแรก CASE OFFICER ที่ บก.ล่องแจ้ง ต่างพยายามหา ฮ.ของแอร์อเมริกาเพื่อบินเข้าพื้นที่การรบในไหทุ่งหิน

เอ็ด เรด ทำหน้าที่นักบิน ฮ.ให้ CASE OFFICER รหัส “ฮาร์ดโนส” ฮ.บินตรงไปยังฐานยิงสนับสนุนสติงเรย์ที่ซึ่งหัวหน้าแสน ผู้บัญชาการทหารไทยในพื้นที่ทุ่งไหหินประจำอยู่ที่นั่น

เมื่อไปถึงที่หมาย เรดยังต้องรอโอกาสเพื่อหาจังหวะช่องว่างจากกระสุน ค.ข้าศึกที่ระดมยิงเข้ามาตลอดเวลา เมื่อสบจังหวะก็ปล่อยฮาร์ดโนสลง แล้วบินออกมารอในพื้นที่ปลอดภัยเพื่อกลับมารับเมื่อถูกเรียก

ภายในบังเกอร์ เสียงโต้ตอบทางวิทยุจากทหารไทยทั่วทุ่งไหหินระงมไปทั่ว ขณะที่นอกบังเกอร์ก็เต็มไปด้วยเสียงปืนเล็กและระเบิดขว้าง การระเบิดของคลังกระสุนที่ฐานยิงไลอ้อนนับเป็นหายนะ ราวกับบางส่วนของโลกใบนี้ถล่มลง

เป็นเรื่องยากยิ่งสำหรับ CASE OFFICER คนใดที่จะแก้ไขปัญหาได้ ทั่วทุกฐานที่มั่นของทหารไทยในทุ่งไหหิน นอกจากฐานยิงสนับสนุนคอบร้าและสติงเรย์แล้ว ล้วนยากที่ CASE OFFICER คนอื่นๆ จะเข้าถึงได้

 

ฮาร์ดโนสนึกถึง บก.ของเขาที่ล่องแจ้งซึ่งผู้นำอากาศยานหน้าคนไทย นามรหัส “สมอลแมน” ยังคงติดต่อประสานงานกับผู้นำอากาศยานหน้าทั่วทั้งทุ่งไหหิน ดังนั้น เขาจึงเรียกเอ็ดให้นำ ฮ.บินกลับมารับเขา ขณะที่คิดอยู่ในใจว่า “กองทัพอากาศสหรัฐไปอยู่เสียที่ไหน ความสำเร็จในการป้องกันที่ตั้งของฝ่ายเราขึ้นอยู่กับกองทัพอากาศ …เครื่องบินไปอยู่เสียที่ไหน”

ขณะที่ข้าศึกกำลังรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนอยู่ในที่โล่งเช่นนี้ ย่อมเป็นที่หมายที่สมบูรณ์แบบสำหรับเครื่องบินทิ้งระเบิดของกองทัพอากาศ

เอ็ดบินกลับมาอย่างรวดเร็วแล้วรับ “ฮาร์ดโนส” ขึ้น ฮ. ขณะที่กำลังดึงเครื่องขึ้น ลูกระเบิดก็หล่นมาจากเบื้องบนรอบๆ ตัว ปรากฏว่าเป็นระเบิดที่ทิ้งลงมาจากเครื่องบิน T-28 เข้าใส่ทหารเวียดนามเหนือที่รายล้อมอยู่โดยรอบฐานยิงสนับสนุนสติงเรย์ ฮ.ของเขาอยู่ระหว่างแนวทิ้งระเบิดพอดี

เรดคำรามเสียงดังแล้วบังคับ ฮ.ร่อนไปซ้ายทีขวาที นับว่ามหัศจรรย์ไม่น้อยที่ไม่มีลูกระเบิดลูกใดหล่นมาโดน ฮ.เขาเลย

ในเวลาเดียวกันนั้น “ดิกเกอร์” CASE OFFICER อีกคนหนึ่ง พบว่ากรม GM 21 ของเขากำลังเคลื่อนที่มุ่งไปทางทิศใต้ของทุ่งไหหิน เหล่าทหารที่เดินตามผู้บังคับการกรมไม่ได้วิ่ง แต่เดินเรียงแถวอย่างเร่งรีบด้วยอาการตื่นกลัว ดิกเกอร์ลงพื้นใกล้ๆ หัวแถว จากการพูดคุยจึงทราบว่าทหารหน่วยนี้ถูกข้าศึกระดมยิงด้วยอาวุธหนักคือปืน ค.ตั้งแต่คืนที่แล้วจนถึงเมื่อเช้านี้ ไม่มีใครขุดหลุมบุคคลเพื่อป้องกันอันตราย เพราะภารกิจที่ได้รับมอบคือการรบแบบเคลื่อนที่ และตอนนี้พวกเขากำลัง “เคลื่อนที่” กลับเข้าสู่ทุ่งไหหิน ดิกเกอร์พยายามพูดให้ปักหลักสู้ แต่ไม่สำเร็จ

เมื่อกลับมาถึง บก.ที่ล่องแจ้ง ฮาร์ดโนสตรวจสอบสถานการณ์กับผู้นำอากาศยานหน้าทั้งหมด แล้วก็เป็นอย่างที่คิด บริเวณพื้นที่ทั้งรอบๆ และบนฐานยิงสนับสนุนไลอ้อน มัสแตง และคิงคอง ล้วนตกอยู่ภายใต้การระดมยิงอย่างหนัก

 

ที่ฐานยิงสนับสนุนไลอ้อน ผู้นำอากาศยานหน้าไทยนามรหัส “วิสกี้ ” หนึ่งในผู้นำอากาศยานหน้าอาวุโสและฝีมือดีคนหนึ่ง รายงานว่า ทหารเวียดนามเหนือได้บุกทะลุทะลวงผ่านแนวลวดหนามแนวแรกเข้ามาได้และกำลังพยายามบุกเข้ามาที่แนวคูป้องกัน รุกไล่ทหารไทยซึ่งต้องถอนตัวขึ้นไปบนเนินสูง วิสกี้ 02 ยังรายงานด้วยว่าขาดแคลนลูกระเบิดมือ “ฮาร์ดโนส” จึงวิ่งไปช่วยขนระเบิดมือหลายลังด้วยตัวเองขึ้นแรมพ์ท้ายเครื่องบินเพื่อนำไปทิ้งให้ที่มั่นของวิสกี้ 02 เอ็ด เดียร์บอร์น นักบินเครื่องบินปีกติดลำตัว คอนติเนนตัล ทวิน ออดเตอร์ ติดเครื่องรอ เมื่อพร้อมแล้วก็นำเครื่องบินขึ้น ตรงไปยังทุ่งไหหินสู่ที่ตั้งของ “วิสกี้ 02” โดยมีฮาร์ดโนสร่วมไปด้วย

เอ็ดบินเข้าสู่ฐานยิงสนับสนุนไลอ้อนในระดับเรี่ยยอดหญ้าเพื่อหลีกเลี่ยง ปตอ.ที่เขารู้ว่าตั้งอยู่บนภูเทิง

เมื่อใกล้เข้าไปจนถึงที่สุดแล้ว ก็ดึงคันบังคับจนมาติดหน้าท้อง ส่งผลให้เครื่องบินพุ่งสูงขึ้นเกือบตั้งฉากกับพื้นโลก เมื่อมาถึงยอดเขา ในช่วงเวลาทองสั้นๆ คิกเกอร์ท้ายเครื่องบินก็ผลักลังระเบิดมือลงสู่ที่หมาย จากนั้นเอ็ดก็ผลักเครื่องแฉลบเหนือยอดเขาไปทางซ้าย หลีกหนี ปตอ.ข้าศึก

ขณะที่กระสุน ปตอ.ที่ยิงออกมาก็พุ่งเฉียดลำตัวเครื่องบินเห็นเป็นแนวเส้นแดงจากกระสุนส่องวิถี เขาดึงเครื่องบินไต่ระดับขึ้นสูงเหนือพื้นที่ทุ่งไหหินสุดกำลังเครื่องยนต์ แล้วบ่ายหน้ากลับ บก.ล่องแจ้ง

ที่ บก.ล่องแจ้ง สมอลแมนผู้นำอากาศยานหน้าไทยได้ยินเสียงเรียกทางวิทยุจากวิสกี้ 02 ก่อนที่ฮาร์ดโนสจะกลับมาถึง บก.เพียงเล็กน้อย เขารายงานต่อฮาร์ดโนสว่า วิสกี้ 02 ร้องขอให้ปืนใหญ่ยิงลงบนที่มั่นของเขา เพราะข้าศึกบุกมาอยู่บนบังเกอร์ของเขาแล้ว ฮาร์ดโนสพยายามติดต่อวิสกี้ 02 ทางวิทยุครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่มีเสียงตอบรับ

ในหนังสือ “วีรกรรมนิรนาม เสือพราน” ของเฉลิมชัย ธรรมเวทิน ปรากฏรายชื่อผู้นำอากาศยานหน้าลำดับที่ 47 “Prinya Inthakuen – Whiskey : สาบสูญ” และลำดับ 68 – Somchai Tankulsawat – Small Man”