ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25 - 31 มีนาคม 2565 |
---|---|
เผยแพร่ |
บทความพิเศษ
ความผิด ครั้งสำคัญ
ความพลาด นอกกำแพงใหญ่
ของ เซี่ยวลี้ปวยตอ
หากมองจากด้านของ “ฤทธิ์มีดสั้น” ปฐมบทเริ่มจากบทที่ 1 รูปสลักจากมีดสั้น ขณะที่หากมองจากด้านของ “เซี่ยวลี้ปวยตอ มีดบินไม่พลาดเป้า” ปฐมบทเริ่มจากบทที่ 1 มีดบินกับกระบี่ไว
นั่นคือ เรื่องราวของ “ลี้คิมฮวง” นั่นคือ เรื่องราวของ “อาฮุย”
เป็นลี้คิมฮวงเดินทางมากับรถม้า โดยมีชายฉกรรจ์เคราครื้มเป็นสารถี แล่นมาจากทิศอุดร ล้อรถที่หมุนวนบดทำลายหิมะน้ำแข็งบนพื้นแตกกระจาย
ประสบกับรอยเท้าลึกยิ่งของอาฮุยที่ย่ำเป็นระยะทางอันยาวไกล
เมื่อถึงโรงแรมของเมืองน้อยระหว่างทางก็ประสบเข้ากับคนของสำนักคุ้มกันภัยราชสีห์ทอง “กิมไซเปียเก็ก” และการเกาะติดอย่างเงียบเชียบของอสรพิษหน้าดำ อสรพิษหน้าขาว
เป้าหมายเพื่อแย่งชิง “สิ่งของ” ใน “ห่อผ้า”
นั่นก็คือ เงื่อนงำอันนำไปสู่การค้นพบ “เสื้อเกราะใยทอง” (กิมซีกะ) อันเป็นที่หมายปองของคนในยุทธจักร และนำไปสู่เงื่อนงำอันเกี่ยวกับ “โจรดอกเหมย” ซึ่งกำลังอาละวาดอยู่
ถามว่านั่นคือจุดเริ่มแห่ง “กระบี่มากรัก กระบี่มากน้ำใจ” กระนั้นหรือ
หากเริ่มจากบทสรุปและความรับรู้ในทางส่วนตัวของลี้คิมฮวง ทั้งหมดนั้นเสมอเป็นเพียงบทย่อยภายในบทใหญ่
จุดเริ่มอันเป็น “สารตั้งต้น” อย่างแท้จริงมาจากสถานการณ์เมื่อ 10 ปีก่อน
10 ปีก่อน อันทำให้มัน “แจกจ่ายทรัพย์สินสมบัติเป็นหมื่นๆ จนหมดสิ้น อำพรางชื่อเสียงออกจากด่านไปอย่างเงียบเหงา”
วันนั้น เป็นวันขึ้น 7 ค่ำ
เพราะเรื่องสำคัญอย่างยิ่งรายหนึ่ง ดังนั้น มิได้ผ่านให้พ้นตรุษจีน ต้องรีบเร่งออกจากบ้าน เป้าหมายคือ นอกกำแพงใหญ่
ที่จดจำอย่างไม่เคยลืมเลือนเลยก่อนออกเดินทาง
ลิ่มซีอิมลงมือปรุงอาหารสุดโอชะให้กินกันโต๊ะใหญ่ ทั้งสองจิบสุรา ชมหิมะในลานตึกเล็กๆ อันเป็นที่พำนักของนาง
มาตรว่าผ่านมากว่า 1 ทศวรรษแล้วมันยังคงจดจำได้อย่างแม่นยำ
เป็นวันหิมะตกหนัก เทียบเปรียบกับรอยยิ้มอันแฝงเคล้าด้วยอาการเมาอยู่เล็กน้อย ลิ่มซีอิมยังสวยสคราญยิ่งกว่าดอกเหมยเสียอีก
วันนั้นนับว่าเปี่ยมสุขเปี่ยมหรรษาอย่างแท้จริง
ต้องยอมรับว่า ความสุขสันต์มักจะตามมาด้วยวิกฤตอันถือได้ว่าเป็นโศกนาฏกรรม เพราะเมื่อเสร็จกิจจากนอกกำแพงใหญ่
ศัตรูคู่แค้นถึงกับนัดหมายให้ “สามอำมหิตนอกกำแพง” (กวนฮั้วซาเอี้ย) มาดักซุ่ม
ก่อให้เกิดมรสุมโลหิตขึ้น มาตรว่าลี้คิมฮวงจะสังหารศัตรูไปถึง 19 คน แต่สุดท้ายยังคงบาดเจ็บสาหัสเพราะต้องดาบอาบพิษจากอำมหิตใหญ่นามต๊กป้าจวนเป็นจวนตาย
ยามหน้าสิ่วหน้าขวานนั้นเอง “เล้งโซ่วฮุ้น” ก็ปรากฏตัว
มันใช้ทวนเงินเล่มเดียวปลิดชีพอำมหิตใหญ่ต๊กป้า ช่วยชีวิต รักษาอาการและคุ้มกันส่งจนถึงคฤหาสน์ตระกูลลี้โดยเรียบร้อย
แจ่มชัดยิ่งใน “บุญคุณ” จากความช่วยเหลือของ “เล้งโซ่วฮุ้น”
มันไม่เพียงมีส่วนในการช่วยและชุบชีวิตใหม่ให้กับลี้คิมฮวง หากแต่ยังคบหาเป็น “สหาย” รักเยี่ยงคนรู้ใจ
น่าเสียดายที่มันกลับป่วยเจ็บขึ้นกะทันหัน
ความป่วยเจ็บของเล้งโซ่วฮุ้นนั้นเองที่ส่งผลสะเทือนต่อชีวิตของลี้คิมฮวง ก่อให้เกิดการแปรเปลี่ยน พลิกผันอย่างมิเคยคาดคิดมาก่อน
อาการป่วยของมันทั้ง “สาหัส” ทั้ง “แปลก” อย่างประหลาด
มันป่วยหนักอย่างยิ่ง จอมยุทธ์ทวนเงินที่เคยเข้มแข็งราวหลอมหล่อมาจากเหล็กไหล เพียงครึ่งเดือนผ่านไปกลับกลายเป็นผ่ายผอม
ซีดเหลือง อ่อนล้า ไร้เรี่ยว สิ้นพลัง
เมื่อลี้คิมฮวงเพียรประโลมปลอบถามเนิ่นนานจึงได้ทราบความนัย ว่ามันถึงกับล้มป่วยเพราะลิ่มซีอิม เนื่องจากพิษรักต่อลิ่มซีอิมคุกคาม
ถึงกับพลันกลับกลายเป็นโรคตรอมตรมในหัวใจ
“โกวเล้ง” ระบุอย่างหนักแน่น จริงจังว่า เล้งโซ่วฮุ้นย่อมมิทราบว่า ลี้คิมฮวงกับลิ่มซีอิมหมั้นหมายกันมาแต่เยาว์วัย
ลิ่มซีอิมเติบใหญ่ในคฤหาสน์ตระกูลลี้ เนื่องจากบิดานางคือกอกอมารดาลี้คิมฮวง
เนื่องจากไม่เคยล่วงรู้ “ความจริง” ทั้งหมด มันจึงถึงกับวิงวอนลี้คิมฮวงยกเปียม่วยให้เป็นของมัน พร้อมทั้งให้คำมั่นสัญญาว่าจะดูแลนางอย่างดีไปจนชั่วชีวิต
เมื่อได้ฟังครั้งแรก ลี้คิมฮวงไหนเลยจะรับปากมันได้
เค้าโครงเรื่องอย่างนี้ยอกย้อน แปลกประหลาด พิสดารพันลึกเป็นอย่างยิ่ง ขณะเดียวกัน ก็มีความเป็นไปได้น้อยอย่างยิ่ง
แต่ใน “ความเป็นไปไม่ได้” นั่นแหละที่ “เร้า” ใจ
ด้านหนึ่ง ลิ่มซีอิมไม่เพียงเป็น “คนรัก” หากแต่ยังเป็น “สหายรัก” ขณะที่ด้านหนึ่ง เล้งโซ่วฮุ้นไม่เพียงแต่เคยช่วยชีวิต หากแต่ยังเป็น “สหาย” อีกด้วย
ถึงมิใช่ลี้คิมฮวงก็รู้ว่าเป็นเรื่องยากลำบากอย่างยิ่งยวด
มองจากด้านของลี้คิมฮวงมันตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อาจไปวิงวอนให้ลิ่มซีอิมไปวิวาห์กับผู้อื่น ทั้งรู้อยู่เป็นอย่างดีว่า คำขอเช่นนี้ลิ่มซีอิมต้องไม่ยอมรับปากแน่นอน
กระนั้น ไหนเลยจะเบิ่งตาดูผู้มีพระคุณต้องตรอมใจตายทั้งเป็นได้
นี่ย่อมเป็นสถานการณ์อันคับแค้นยิ่งที่เผชิญประสบ การวางแผนอย่างเลือดเย็นจึงได้เริ่มและลงมือปฏิบัติอย่างเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอน
แม้ว่าจะเป็นการลงมือ “ปฏิบัติ” ด้วยความปวดร้าว ขมขื่น
ความคิดกลับกลอกสับสนยิ่ง มีแต่อาศัยสุรามาเป็นเครื่องดับทุกข์ เมามายต่อเนื่องเป็นเวลา 5 วัน 5 คืน ในที่สุดก็ตัดสินใจ
แม้ว่าจะเป็นการตัดสินใจที่สุดจะปวดแปลบ เจ็บช้ำ
ยุทธศาสตร์ก็คือ ปฏิบัติการที่กระตุ้นเร้าให้ลิ่มซีอิมถอนตัวออกต่างหาก ปฏิเสธสถานะและการดำรงอยู่ของมันในจุดอันเป็น “คนรัก”
ถือได้ว่าเป็นยุทธศาสตร์ที่มากด้วยจังหวะก้าวอันรัดกุม
ทางหนึ่ง สร้างภาพของตนให้กลายเป็นน่าชิงชังรังเกียจ เริ่มปล่อยตัวให้เข้าไปเกลือกลั้วในสุราและนารี กระทั่งนานเป็นเดือนที่ห่างเหินไปจากคฤหาสน์ตระกูลลี้ (ลี้ฮึง)
เมื่อลิ่มซีอิมห่วงหาอาทรถึงกับหลั่งน้ำตาตักเตือน
แทนที่จะรับฟังเยี่ยง “สหาย” และ “คนรัก” ที่มีต่อกันอย่างยาวนาน มันกลับหัวร่อ เย้ยหยันแล้วสะบัดแขนเสื้อจากไป
และยิ่งเพิ่มอัตราเร่งอันร้ายกาจมากยิ่งขึ้น
ถึงกับพาแม่นางเซี่ยวอั้งเซี่ยวฉุ่ย ซึ่งเป็นคณิกาเรืองนามในเมืองหลวงมานอนค้างอ้างแรมในคฤหาสน์ของตระกูลอันมากด้วยประวัติศาสตร์ความเป็นมา
2 ปีต่อมา แผนการก็ผลิดอกออกผล
หัวใจของลิ่มซีอิมย่อมแหลกแตกสลาย บังเกิดความสิ้นหวังหมดรัก จึงตัดสินใจเลือกเล้งโซ่วฮุ้นที่ลุ่มหลงต่อนางอย่างจริงใจเข้ามาทดแทน
เท่ากับแผนการของลี้คิมฮวงประสบความสำเร็จ บรรลุเป้าหมาย
ความสำเร็จนี้ปวดร้าวและขมขื่นยิ่ง ไม่ว่าจะมองจากด้านของลิ่มซีอิม ไม่ว่าจะมองจากด้านของลี้คิมฮวง
เป็นตราบาปอันติดตรึงและกลายเป็นแก่นแกนของ “กระบี่มากรัก กระบี่ไร้น้ำใจ”
เป็นเรื่องที่ลี้คิมฮวงสรุปอย่างรวบรัดต่อความผิดพลาดของซุนเซียงอั๊งอันส่งผลให้ต้องสูญเสียเอี้ยเอี๊ยของนางไปอย่างน่าเสียดาย
“ช่วงชีวิตหนึ่งของคนเราเพียงกระทำความผิดอุกฤษฏ์ที่ไม่มีปัญญาเสริมชดใช้ได้ตลอดกาลสักครั้ง มิว่าจิตเจตนาของมันจะเป็นเพราะกระไรมันจะต้องเจ็บปวดใจเพราะเรื่องนั้นไปตลอดกาล แม้นับว่าผู้อื่นอโหสิให้มัน แต่มันกลับไม่มีปัญญาอโหสิให้ตัวเอง ความรู้สึกเยี่ยงนั้นจึงน่ากลัวอย่างทัจริง”
ลี้คิมฮวงย่อมเข้าใจความรู้สึกนี้กระจ่าง เนื่องเพราะความผิดเพียงประการเดียวที่ลี้คิมฮวงกระทำมาในชั่วชีวิต ลี้คิมฮวงต้องชดใช้คุณค่าไปใหญ่หลวง
ใหญ่หลวงจนน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
เพราะความผิดอันมีต่อลิ่มซีอิม มิเพียงแต่ผู้อื่นไม่ยอมยกโทษให้แก่มัน มันก็ไม่สามารถให้อภัยกับตัวเอง
ความผิดพลาดนี้ถามว่า “เล้งโซ่วฮุ้น” รู้หรือไม่
ความผิดพลาดนี้ในเมื่อทั่วทั้งยุทธจักรต่างรับรู้และกล่าวขวัญกันอย่างไม่ขาดสาย ตั้งแต่เมื่อ 10 กว่าปีก่อน
มีหรือที่คนหูตาว่องไวระดับ “ลิ่มเซียนยี้” จะไม่รู้