หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๑๘)/บทความพิเศษ ฟ้า พูลวรลักษณ์

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ

ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๑๘)

 

สมัยก่อนฉันสนใจเพนกวินไม่น้อย นับตั้งแต่วันที่เขาก้าวเท้าเข้ามาในห้องประชุมในชุดนักเรียน และก็ยังคงความสนใจมาจนถึงช่วงหลัง ยุคชูสามนิ้ว

แต่อยู่ๆ เมื่อวานนี้ฉันก็รู้สึกไม่สนใจ อาจเพราะรู้สึกมันเป็นข่าวเก่า หรือเพราะมีข่าวอื่นน่าสนใจกว่า เช่น ข่าวรัสเซียบุกยูเครน

ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ข่าวไหนเก่าหรือใหม่ แต่แสดงความไม่จีรังของสมองของฉัน มันกำลังเปลี่ยนรูปอยู่ตลอดเวลา

สรุปง่ายๆ คือ ฉันกำลังตายอย่างช้าๆ เซลล์ในร่างกายของฉันกำลังตาย ตรงนั้นนิดตรงนั้นหน่อย และสะท้อนออกในจิต

มนุษย์ทุกคน พออายุถึง ๗๐ ก็ติดคุก

พอมาถึง ๘๐ หรือ ๙๐ คุกนี้ก็ยิ่งล้ำลึก

มันไม่ใช่คุกที่ตำรวจมาจับ หากแต่เป็นคุกสังขาร

มีเชือกงอกเงยออกมาจากร่างกายของเราเอง มันพันธนาการตัวเอง เชือกเส้นเล็กๆ ดั่งใยแมงมุมเหล่านี้เอง ที่ทำให้เราติดคุก

แต่หากเทียบไป นี้เป็นคุกที่สุขสบายเป็นอย่างยิ่ง แม้จะเป็นการใช้ชีวิตแบบง่ายๆ ที่จริงแล้ว มันคือสวรรค์ หากคุณมักน้อย และไม่ป่วยไข้

สมัยเด็ก เราอาจทำอะไรที่ผิดธรรมชาติได้มากมายหลายเรื่อง และก็ยังไม่เป็นอะไรเลย ด้วยเพราะเรายังเด็ก แต่พออายุมากขึ้น มันกลับทำไม่ได้แล้ว หากทำ จะมีผลอย่างรุนแรงแบบคาดไม่ถึง นี้คือความแตกต่างของเด็กกับคนมีอายุ เส้นชีวิตที่สั้นลงมาก จนเกือบจะหมด

เช่น การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง สมัยเด็ก ฉันทำได้ มันไม่ใช่ปัญหาร้ายแรงอะไร บางครั้งทำให้ฉันนอนหลับดีด้วย

แต่วันนี้ การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง เหมือนไปกระทบอะไรบางอย่างในร่างกายของฉัน ทำให้ฉันเป็นอัลไซเมอร์ชั่วคราว เหมือนมันถูกเร่งอย่างไม่น่าเชื่อ

๑๐

จากสิ่งเล็กๆ ที่ไม่มีพิษสง กลับไปเร่งสิ่งที่ร้ายแรงเป็นอย่างยิ่ง ในวัย ๖๙ นี้

๑๑

วันก่อนนี้ ฉันนั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานีอุดมสุข เพื่อต่อรถเมล์ แปลกที่ว่า ฉันไม่รู้ตัวว่ามาถึงสถานีอะไร ทั้งที่ก็เคยมาหลายครั้งแล้ว อยู่ๆ เช้านั้น ชื่อของสถานีนี้ มันก็เบลอหายไป ฉันลงด้วยความเคยชินบางอย่าง เชื่อว่าคงต้องลงที่นี่ พอออกมาก็ไม่แน่ใจ เดินมองหาชื่อสถานี ซึ่งที่จริงก็หาได้ไม่ยาก แต่ฉันก็หาไม่เจอ ต่อให้มองเห็น มันก็เบลอหายไป

หากมันเกิดขึ้นบ่อย แสดงว่าฉันเป็นอัลไซเมอร์ แต่นี่นานๆ จะเกิดปรากฏการณ์อย่างนี้สักครั้ง มันทำให้ฉันตกตะลึง ใช้เวลาราวสองชั่วโมง กว่าสมองของฉันจะกลับเป็นปกติ

ในระหว่างสองชั่วโมงนั้น ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น สมองของฉันมีอาการทื่อเหลือเกิน ใช้งานใดไม่ได้เลย

๑๒

ฉันตรวจสอบตัวเอง อาจเพราะฉันนอนหลับไม่พอ สมองจึงอ่อนล้า แต่นั่นก็ยังไม่ใช่คำตอบทั้งหมด บ่อยครั้งที่ฉันนอนไม่หลับ แต่สมองก็ยังพอไหว มันคล้ายมีสาเหตุมากกว่านั้น อาจเพราะเช้านั้น ฉันสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง

๑๓

การตรวจสังขาร ฉันทำบ่อย และทำมากขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลา

 

๑๔

พอเราใช้ชีวิตตามธรรมชาติ แปลกมาก ประสาทสัมผัสของฉันคมกริบขึ้น และฉันได้ยินเสียงเซลล์ในร่างกายของฉันตาย

๑๕

คนเรากำลังตายอย่างช้าๆ ทุกคน แต่ทำไมฉันสัมผัสมันได้ละเอียดอ่อนถึงขนาดนี้

๑๖

ฉันจำได้ ในมหากาพย์ภารตะ ท้าวปาณฑุ พ่อของตระกูลปาณฑพ เขาโดนคำสาบของฤๅษีตนหนึ่ง ว่าวันใดที่เขาร่วมเพศกับเพศตรงข้าม เขาจะเสียชีวิต เขาเสียใจมาก จึงออกบวช แล้วเข้าป่า โดยมีชายาสององค์ตามเสด็จไปด้วย การใช้ชีวิตเรียบง่าย สมถะ ทำให้เขามีชีวิตอยู่ได้อีกหลายปี แต่วันหนึ่งเขาก็ทนไม่ได้ ไปร่วมเพศกับชายาองค์หนึ่ง และเสียชีวิต

๑๗

เวลาคิดปัญหานี้ ลึกซึ้งยิ่งนัก เขาทำทั้งที่รู้ว่า ทำแล้วต้องตาย แต่ก็ยังทำ เพราะถึงฆาต ความตายมันเรียกร้อง ในระดับเซลล์ ไม่อาจฝืนได้

๑๘

มันเหมือนการฆ่าตัวตาย แต่ลึกซึ้งกว่า เพราะนี้คือการถึงฆาตจริงๆ เป็นพรหมลิขิต เป็นการหมดอายุของชีวิต

 

๑๙

การร่วมเพศกับผู้หญิง ก็ต้องถือว่า เป็นพฤติกรรมตามธรรมชาติ แต่ในบางสภาวะ มันก็ฝืนธรรมชาติ เช่น คนมีอายุบางคนตายคาอกสาวเพราะหัวใจวาย แสดงว่าร่างกายของเขาไม่ไหวแล้ว แต่ความอยากในกามได้เร่งเร้า จนเขาต้องถึงฆาต

๒๐

คำว่าตามธรรมชาติ หรือฝืนธรรมชาติ จึงเป็นคำลึกซึ้ง แปรเปลี่ยนได้ ขึ้นกับวัย ขึ้นกับเหตุการณ์ ฉันอาจกลายเป็นอัลไซเมอร์เพราะสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง หรือตายคาอกสาวในวันหนึ่งที่ฝืนสังขาร หากฉันมักน้อย ฉันก็อาจจะอายุยืน แต่พอมักน้อย ฉันก็ได้ยินเสียงเซลล์ของฉันกำลังตาย รวมความคือฉันก็ต้องตายอยู่ดี แบบไหนเท่านั้นเอง ช้าเร็วต่างกัน

๒๑

ฉันสังเกตว่า กระเพาะของฉันหดเล็กลง นี้เป็นคำอุปมา ที่จริงฉันไม่สามารถวัดได้ เพราะฉันสังเกตว่า ทุกวันนี้ฉันท้องอืดบ่อยขึ้น คือราวเดือนละหนึ่งหรือสองครั้ง มันเป็นปัญหาเล็ก ฉันกินยาธาตุน้ำแดงก็หาย แต่ทว่า ฉันจำได้สมัยก่อน ฉันท้องอืดแค่ปีละหนึ่งหรือสองครั้ง เท่ากับว่ากระเพาะของฉันอ่อนแอลง หรือมีขนาดเล็กลง

๒๒

ผลของมันคือ ฉันต้องละเอียดอ่อนในการกินอาหารมากขึ้น ฉันต้องสร้างวินัยใหม่ขึ้น มันจำเป็น หากฉันไม่อยากถลำลึกลงเหว แต่การสร้างวินัยใหม่นั่นแหละ คือตัววัดชีวิต

 

๒๓

กรณีรัสเซียบุกยูเครน ฉันรู้น้อยมาก แต่ทว่า เวลาฟังผู้อ้างตัวเป็นผู้รู้ทั้งหลายวิเคราะห์ ฉันพบว่า พวกเขากำลังวิเคราะห์ความหลงของปูตินมากกว่า สิ่งนี้เกิดจากความหลง และนี้คือการวิเคราะห์ความหลงของเขา

ฉันเชื่อในประชาชนที่ล้มตาย คนหนีภัยสงคราม คนอพยพ ชาวบ้านที่เจ็บปวดและเจ็บแค้น มันเรียบง่ายตรงหน้า ไม่ต้องใช้ความรู้ใดเลย มองพริบตาเดียวก็แลเห็น

แต่แม้กระนั้น เขาก็ยังทำ มันต้องเกิดจากความหลงที่ลึกซึ้ง เราล้วนมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ท่ามกลางความหลงที่ลึกซึ้ง กระจายไปทั่ว

๒๔

การที่รัสเซียบุกยุเครน ไม่มีประโยชน์แต่อย่างไรเลย คนที่วิเคราะห์ว่ามันมีประโยชน์อย่างนั้นอย่างนี้ คือผู้วิเคราะห์ความหลง หรือการบุกยูเครนครั้งนี้ ไม่มีความจำเป็นแต่อย่างไรเลย การวิเคราะห์ว่ามันมีความจำเป็นอย่างงั้นอย่างนี้ ก็เป็นการวิเคราะห์ความหลง

๒๕

คนที่วิเคราะห์ความหลงเหล่านี้ คือคนที่ตกอยู่ในความหลง ที่น่าสะพรึงกลัวคือ ทำไมพวกมันมีจำนวนเยอะอย่างนี้ เหมือนนาซีฟื้นคืนชีพ มากมายเป็นกองทัพซอมบี้ ค่อยๆ ผุดขึ้นจากหลุมศพ

สมองของซอมบี้พวกนี้ ล้วนมีประสิทธิภาพ เฉลียวฉลาด ทำให้ไม่รู้จะถกเถียงกับพวกเขายังไง มีแต่ยิงปืนใส่กัน ทิ้งระเบิดใส่กัน จนกว่าจะตาย แล้วฝังเสีย ก็เท่านั้นเอง

มนุษย์พริบตาเดียวก็เข้าสู่สภาวะสงคราม เราไม่มีอะไรจะคุยกันเลย ทุกอย่างคือความเงียบ มีแต่เสียงระเบิดปรมาณู