เสียงคำราม “พรรคเล็ก”/ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

เสียงคำราม “พรรคเล็ก”

 

ต้องยอมรับว่า รัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ในปี 2565 มีความต่างกับ “บิ๊กตู่” ปี 2557 หนังคนละม้วน มีประเด็นร้อนมาป๊ะกัน ต้องนั่งเคลียร์กันมือระวิง คิวยาวเป็นห่างว่าว แทบไม่มีเวลาพักเบรกเลย

ปัญหาที่เห็นตรงกัน ลำบากเหมือนกัน คือลูกติดพัน “โควิด-19” ที่ยังแก้ไขไม่ได้ สถานการณ์เลวร้าย และส่งผลกระทบต่อยอดไปยังด้านอื่นๆ เป็นวงกว้าง หนักสุดคือ “ปัญหาปากท้อง” คนไทยจุกอกกับสินค้าอุปโภค-บริโภคแพงหูฉี่ ราคาหมูพุ่งกระฉูดสูงสุดในรอบ 20 ปี ไข่ไก่ฟองละ 3 บาท ก๊าซหุงต้มตรึงราคาไว้ไม่อยู่ น้ำมันทั้งเบนซิน-ดีเซล รับมือไม่ได้ “การท่องเที่ยว” หัวใจสำคัญของรายได้ สลบเหมือด

และดูเหมือนว่า ชั่วโมงนี้ เงื่อนไขที่ทำให้รัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” เผชิญกับความยากลำบากมากที่สุด นับจากช่วงเดือนเมษายนเป็นต้นไป ประมาทไม่ได้เลย คงเป็น “ปัญหาการเมือง” จับสัญญาณได้จาก หากเลือดไม่เข้าตา หมากไม่ขยับเข้าใกล้ตาจน “ลุงตู่” ที่มีมิติทางความคิด ว่าตัวเองหัวสูง ฉลาดปราดเปรื่อง ไม่ค่อยสนใจไยดี “คนการเมือง” ตลอดมา ทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง

แต่เมื่อ “อยากจะอยู่ยาว” แม้เท้าไม่อยากแตะ ก็จำใจต้องลงมาคลุกฝุ่นกับบรรดากเฬวราก ช่วงนี้จึงปรับจูนโมเมนตัม ทำตัวให้กลมกลืน ไหลตามน้ำถี่มาก ปลายสัปดาห์ก่อน นัดพี่น้อง 3 ป.ไปกินเที่ยงบ้านป่ารอยต่อฯ ฟื้นมิตรไมตรีกันลับเฉพาะ 3 พี่น้อง

อาทิตย์ต่อมา มีคิว “ดินเนอร์” กับแกนนำพรรคร่วม ปิดสโมสรราชพฤกษ์ วิภาวดี ยกเครื่องความสัมพันธ์กันใหม่ นอกจากมีพี่น้อง 3 ป. “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นตัวยืนแล้ว

ยังมีแกนนำคนสำคัญประกอบด้วยตัวแทนจากพรรคต่างๆ ทั้ง “นายอนุทิน ชาญวีรกูล-ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” จากภูมิใจไทย “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์-นิพนธ์ บุญญามณี” จากประชาธิปัตย์ “วราวุธ ศิลปอาชา-ประภัตร โพธสุธน” จากชาติไทยพัฒนา และ “สันติ พร้อมพัฒน์” ในฐานะเลขาฯ พปชร.เข้าร่วม บรรยากาศสุดจะชื่นมืน ชนิดไม่เคยเห็นมาก่อน

หลังดินเนอร์การเมืองสิ้นสุด ส่งแขกเสร็จ เชื่อมั่นกันว่า ความรัก ความสามัคคีพรรคร่วมรัฐบาลจะกลับคืนสู่สภาพดีเช่นเดิมอีกครั้ง สร้างความมั่นอกมั่นใจให้ “พล.อ.ประยุทธ์” ว่าจะสอบผ่านแบบสบายหายห่วงกับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีขึ้นหลังสภาผู้แทนราษฎรเปิดประชุมในเดือนพฤษภาคมนี้

ขณะที่ “ลุงตู่” ใจกลับมาฮึกเหิมอีกครั้ง พระเอกคนเดิมของเขานามว่า “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” แม้ชั้นยศไม่ได้ใหญ่โตโอฬาร ระดับ “ผู้กอง” ที่เคยโชว์พลังหอบหิ้ว ส.ส.ออกจาก พปชร.ไปได้ 18 เสียง ไปก่อตั้งพรรคเศรษฐกิจไทย ออกมาเขย่าขวด ริเล่นเกม “หนูขู่แมว” อีกคำรบ

ด้วยการนัดหมาย ส.ส.พรรคเล็กที่อยู่ใต้ร่มเงาพรรคร่วม ตัวเลขตามข่าวระบุว่า 12 คน ไปร่วมรับประทานอาหารกันที่โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป

ว่ากันไปแล้ว บรรดาพรรคเล็กเหล่านี้ เมื่อครั้ง “ผู้กองธรรมนัส” ยังอยู่ พปชร.มีความผูกพันกันแบบแน่น มาตั้งแต่ตอนฟอร์มรัฐบาล “บิ๊กตู่” ใหม่ เป็นคนดึงพรรคเล็ก มาร่วมวงไพบูลย์สนับสนุนรัฐบาลเอง จากนั้นก็ “ดูแล-ผูกพัน” กันด้วยดีเสมอมา

 

การที่ “ร.อ.ธรรมนัส” โชว์พาว ว่าขุนพรรคเล็กไว้จำนวน 10 กว่าเสียง เมื่อนำไปบวกกับเศรษฐกิจไทย 18 เสียงที่มีอยู่ เท่ากับว่า มีฐานกำลังในมือมากถึง 30 ที่นั่ง

เมื่อหันไปดูตัวเลขกลมๆ ของพรรคร่วมรัฐบาล 8 พรรค กับพรรคเล็กจำนวนหนึ่ง มี 269 เสียง หาก “ผู้กองมนัส” ดูดไปอีก 10 ที่นั่ง ก็เท่ากับว่า ตกที่นั่งอันตราย

กรณีที่สภาผู้แทนฯ จะเปิดสมัยประชุมสามัญประจำปีในเดือนพฤษภาคม หากฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล

โอกาส “รัฐนาวาตู่” วิ่งชนหินโสโครก จอดป้ายสูงยิ่ง ด้วยประการดังกล่าว “พล.อ.ประยุทธ์” ต้องเร่งแก้เกม ล่อซื้อใจพรรคเล็ก ให้ “เสี่ยเฮ้ง-สุชาติ ชมกลิ่น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นกาวใจ ส่งเทียบเชิญพรรคเล็กไปดินเนอร์ที่สนามกอล์ฟราชพฤกษ์ “ตามรอยโปร” ที่เคยพบปะสังสรรค์กับพรรคร่วมขนาดใหญ่-ขนาดกลางก่อนหน้านี้ทุกประการ

รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ออร์แกไนซ์ออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก สามารถทำ “แกงส้ม” ให้แปรสภาพเป็น “ต้มเปรต” ได้อย่างมหัศจรรย์ ตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความลักลั่น ทำให้การเมืองกลับหัวกลับหาง

นิยามของ “พรรคใหญ่” ไม่มีความหมาย ขณะที่ “พรรคเล็ก” กลับมีมนต์ขลังขมังเวทย์ ส.ส.พรรค 1 เสียง ซึ่งไม่มีอุดมการณ์อะไร แค่จับมือ กอดคอกันไว้ให้เหนียวแน่น 10-13 เสียง มีความหมาย อิทธิฤทธิ์ทางการเมืองสูงส่ง

บุคคลระดับ “ลุงตู่” กลิ่นการดูถูกดูแคลน กำจัดอารมณ์ด้านลบ ต่อ “คนการเมือง” ทิ้ง ปรับเปลี่ยนบุคลิกลงมาคลุกคลี เพราะสถานการณ์มันจำเป็น เพื่อสร้างโอกาสให้กับตัวเอง ตามเงื่อนไข กลไกรัฐธรรมนูญ ศักดิ์ศรีไม่กลัว กลัวอยู่ไม่ครบเทอม

แค่นั้นยังไม่พอ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ-หัวหน้า พปชร. ยังอุตส่าห์เปิดถ้ำ บ้านป่ารอยต่อฯ นัดหมายพรรคเล็กไปกินข้าวแบบปัจจุบันทันด่วน ไม่มีโปรแกรมกำหนดการล่วงหน้า

อ้างว่าเพื่อปรึกษาหารือ ทำความเข้าใจกันก่อนนอกรอบ ก่อนที่ “พรรคเล็ก” จะพบปะกับ “บิ๊กตู่” ที่ราชพฤกษ์ในวันที่ 17 มีนาคม

เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวว่า “พรรคเล็ก” ส่งเสียงคำรามลั่น ไม่สบายอกสบายใจ ที่ผู้หลักผู้ใหญ่มองข้ามหัวไม่ให้ความสำคัญ ชอบเอาใจแต่พรรคใหญ่-ขนาดกลาง เกิดม้าผยศขึ้นมาย่อมควบคุมได้ยาก

ชั่วโมงนี้ ตุ๊กแกตัวน้อยๆ ชูหาง ชูคอ เป็นแมงป่อง ตะขาบกันเป็นแถว

โลกเราหนอ ไม่มีอะไรเที่ยง “พล.อ.” แพ้ทาง “ร.อ.” …ขนาด 100 เสียงอยู่ใต้อาณัติพรรค 1เสียง

เอวัง รัฐธรรมนูญไทย