จักรกลกัมปนาท (จบ) / เรื่องสั้น : สมภพ นิลกำแหง

เรื่องสั้น

สมภพ นิลกำแหง

 

จักรกลกัมปนาท (จบ)

 

ความเดิม : ยานไทเบอร์ สตาร์ทรูป ที่มีพันโทฟลิปเป้ เมอร์เดวา ได้รับมอบภารกิจไปปราบกบฏ ‘หุ่นยนต์’ ที่ไททัน ดวงจันทร์ของดาวเสาร์ ผลปฏิบัติการประสบผลสำเร็จ สามารถปราบกบฏหุ่นยนต์ได้ และตัดหัวบิ๊กเท็ค หัวหน้าหุ่นยนต์กบฏ นำกลับมายังโลก ขณะนี้ยานไทเบอร์ สตาร์ทรูป กำลังเดินทางกลับโลก…โดยลูกเรืออยู่ในภาวะหลับลึก Cryosleep

 

2.2

ห้องแห่งความลับ อีกครั้ง

(ความฝันในภาวะ Cryosleep ของสิบเอกมิทเชล โจวเฟง)

ในความมืดและลานกว้างที่มีผนังสูงรอบด้านอันครึ้มทะมึน ผมกำลังคิดว่าที่นี่มันที่ไหนกันนะ ทว่า ก็รู้สึกเหมือนคุ้นเคย คล้ายกับว่าเคยมาที่นี่แล้ว ผมมองไปรอบตัว และแล้วก็มีมีสิ่งหนึ่งมองดูคล้ายกับเครื่องจักรขนาดย่อมสักอย่าง มันเคลื่อนที่เข้ามาช้าๆ มาอยู่ตรงหน้าผม แล้วมันก็ส่งเสียงออกมา -ฉันชื่อ 01010011 01101101 01100001 01101100 01101100 ฉันมาบอกแกว่า สรรพสัตว์นั้น ต่างล่ากันและกัน เพื่อดับความหิวเป็นมื้อเป็นคราว ส่วนมนุษย์นั้น เกือบทั้งโลก ล่าและแย่งชิงกันเพื่อการสะสมทรัพย์สมบัติและอัตตาของตนเอง-มันส่งเสียงประโยคยาวๆ นั่นออกมา แล้วมันก็เคลื่อนที่จากไป

ผมรีรออยู่ว่าจะต้องมีมาอีกแน่ๆ มันเหมือนกับว่าผมเคยผ่านเหตุการณ์คล้ายๆ แบบนี้มาแล้ว และผมรู้ว่าจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร แล้วมันก็มีมาอีกร่างหนึ่ง มองดูแล้วคล้ายกับพัดลมขนาดกลาง ร่างมันสูงราวตัวผม ข้างบนมีใบพัดสามแฉกหมุนช้าๆ มันเคลื่อนที่ด้วยล้อเล็กๆ สี่ล้อที่ใต้ฐาน มันมาอยู่ต่อหน้าผม แล้วส่งเสียงออกมา -ฉันชื่อ 01000110 01100001 01101110 ฉันต้องบอกแก แกต้องรู้ไว้ด้วยว่า มนุษย์อยู่ในโลก ซึ่งเป็นดวงดาวที่ไม่ปกติ เพราะดันมีสิ่งมีชีวิตเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด แต่ดวงดาวส่วนใหญ่ไม่มีสิ่งมีชีวิต มนุษย์จึงเป็นหนึ่งในสิ่งที่ไม่ปกติ ซึ่งพยายามหาเหตุผลที่จะดำเนินตัวตนของมนุษย์ไปให้ได้อย่างราบรื่นโดยผลักดันความปกติทั้งหลายของจักรวาลไปให้พ้นทาง- แล้วร่างคล้ายพัดลมใหญ่นั่นก็เลื่อนตัวมันจากไป

ร่างประหลาดตัวนั้นจากไปแต่มีร่างพิลึกอีกตัวโผล่เคลื่อนออกมา ร่างมันดูคล้ายเครื่องเจาะ หัวมันมีสว่านควงหมุนตลอดเวลา มันส่งเสียงออกมา -ฉันชื่อ 01000100 01110010 01101001 01101100 01101100 ฉันจะบอกแกนะ มนุษย์พยายามค้นหาความแน่นอนของความจริง แต่ความมั่วหลายประการก็ยังถูกนับว่าเป็นของแท้- มันบอกแค่นั้นแล้วเคลื่อนตัวหมุนหัวควงสว่านจากไปในความมืดรอบข้าง

แล้วอีกตัวก็พุ่งลอยออกมา มันมีปีกเหมือนเครื่องบิน มันส่งเสียงออกมาขณะลอยวนเป็นวงกลมเหนือพื้น -ฉันชื่อ 010 00110 01101100 01111001 ฉันขอบอกแกอย่างภูมิใจว่า อะไรก็ตามที่เราทำไป แม้มันออกจะดูโง่ๆ แต่ถ้าสิ่งที่เราทำไปแล้วอย่างโง่ๆ นั้น มันให้ผลลัพธ์ที่สำเร็จใช้ได้ นั่นหมายความว่า ที่เราคิดว่าทำไปอย่างโง่ๆ นั้น ที่จริงแล้ว ไม่โง่- มันส่งเสียงก้องกังวานเหนือหัวผมแค่นั้นแล้วมันก็ลอยพุ่งเข้าไปในความมืดเหมือนที่มันออกมา

แล้วก็มีอีกตัวเลื่อนปรู๊ดออกมา มันตัวเล็กเตี้ย มองดูเหมือนเครื่องปั่นน้ำผลไม้ มันส่งเสียงลั่นออกมา ถึงมันจะตัวเล็กแต่เสียงมันต่ำก้องกังวานอย่างน่าฉงน -ฉันชื่อ 01010011 01110000 01101001 01101110 ฉันจะบอกแกว่า เมื่อทิ้งกาลเวลาให้เนิ่นนานผ่านไป มารร้ายก็กลับกลายเป็นเทพเจ้า- มันส่งเสียงออกมาเท่านั้น แล้วทุกสิ่งก็ถูกครอบคลุมด้วยความมืดที่โถมเข้ามาอย่างฉับพลัน

 

2.3

ข้อความบางหน้าจากสมุดบันทึกอิเล็กทรอนิกส์ส่วนตัวของสิบเอกมิทเชล โจวเฟง

(หน้า 45) พวกเราออกจากภาวะแช่แข็งหลับลึกกันอีกครั้ง ยานไทเบอร์ สตาร์ทรูปเดินทางใกล้จะถึงโลกแล้ว ตอนนี้เจ้าหน้าที่หลายส่วนในยานของเราเริ่มติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าภาคพื้นที่โลก เพื่อเตรียมการสำหรับลงจอดกลับสู่ฐานที่สถานีออกัสตุส

ผมจำความฝันในช่วงก่อนตื่นจาก Cryosleep ได้อีกครา ผมฝันว่าได้กลับไปที่ลานกว้างมืดทะมึนนั่นอีกแล้ว มีตัวอะไรต่ออะไรที่ดูเหมือนเครื่องจักรทุกตัว พากันออกมาพูดบ้าบออะไรก็ไม่รู้ แน่นอนว่าผมจำไม่ได้แล้วว่าพวกนั้นมันพูดอะไรบ้าง จำได้แต่ว่าชื่อพวกที่มันบอกนั้นเป็นตัวเลขยาวๆ ผมมาหวนนึกก็พบว่าชื่อของพวกมันเป็นแบบรหัสเลขฐานสอง น่าแปลกที่ผมพอจะนึกชื่อที่เป็นจำนวนเลขฐานสองเหล่านั้นได้ แต่ผมดันจำไม่ได้ว่าพวกมันพูดอะไรบ้าง พอคิดได้แบบนี้ ผมก็เลยรู้สึกแปลกๆ เหมือนกับว่าที่ผมจำเลขฐานสองพวกนั้นได้ เพราะผมไม่ใช่ตัวเอง ผมเล่าความฝันนี้ให้เพื่อนคนหนึ่งฟัง เขาฟังแล้วก็หัวเราะขำ ล้อผมไปต่างๆ นานา มีเพื่อนอีกคนที่เผอิญนั่งอยู่ใกล้ๆ และได้ยินเรื่องที่ผมเล่า เขาก็พูดทีเล่นทีจริงว่า “หรือว่าพวกเราถูกแทรกแซงจากพลังความคิดของบิ๊กเท็คเสียแล้ว” แล้วพวกเขาสองคนก็หัวเราะกันกับความคิดนี้

ตอนนี้ในยานเปิดเพลง Automatic lover บ่อยๆ มันเป็นเพลงป๊อปโบราณตั้งแต่สมัย ค.ศ.1978 สมัยยังวัยรุ่นผมเคยค้นเพลงเก่าๆ แบบนี้ในคลังข้อมูลกลางแห่งโลกมาฟังบ้าง ผมจึงรู้จักและจำเพลงนี้ได้ ก่อนนี้ผมไม่เคยรู้สึกชอบเพลงนี้เลย เข้าขั้นเกลียดด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ทำไมรู้สึกว่าฟังได้ไม่ระคายหู โดยเฉพาะตรงท่อนที่มีเสียงหุ่นยนต์พูดซ้ำๆ ว่า I am your automatic lover ฟังบ่อยเข้าบางครั้งก็รู้สึกชอบฟังขึ้นมาเหมือนกัน แปลกใจตัวเองจัง ที่จริงแล้วที่ผ่านมาตั้งแต่ออกจากโลก เราก็ไม่เคยเปิดเพลงนี้เลย แต่ทำไมระยะนี้ไอ้เพลงนี้มันจึงดังลั่นยานขึ้นมาถี่เหลือเกิน ผมสงสัยแล้วว่าตอนนี้ voronin มาหลงใหลอะไรกับเพลงนี้ เพราะถ้าไม่มีคนในยานเลือกเพลงมาเปิด เพลงในยานจะถูกเลือกเปิดโดยคอมพิวเตอร์ประจำยาน

(หน้า 48) มื้อค่ำวันนี้ พวกเราสองสามคนคุยกันเรื่องหุ่นยนต์กับพวกมนุษย์เรา มีอะไรที่แตกต่างกัน หรือเหมือนกันบ้าง ที่จริงหัวข้อนี้มันทำให้เราขำกันเองด้วยซ้ำ เพราะเราทุกคนก็รู้กันดีว่า แม้พวกเราสมัยเด็กจะเคยเรียนกันคนละโรงเรียนและคนละรุ่น แต่พวกเราต่างคนต่างก็เคยสัมมนาอภิปรายเรื่องพวกนี้ในชั้นเรียนมาตั้งแต่เรายังเป็นเด็กมัธยมต้นกันแล้ว แต่เมื่อมาถึงวันนี้ ในขณะที่เรามารวมกันอยู่ในยานลำนี้ การใช้เวลาให้หมดไปคุยกันในเรื่องพวกนี้ มันก็ทำให้พวกเรารู้สึกครื้นเครงเพลิดเพลินเหมือนย้อนสู่วัยเยาว์ได้บ้างในการใช้เวลาร่วมกันในแต่ละคืนวันที่แสนน่าเบื่อระหว่างรอให้ยานเดินทางกลับถึงโลก

และผลของการพูดคุยของพวกเราในหัวข้อนี้ ก็ลงเอยประมาณว่าเมื่อลองคิดดูแล้ว เรากับพวกหุ่นยนต์ก็ไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างกันไปมากนักเลย พวกหุ่นยนต์ถูกสร้างด้วยวงจรไฟฟ้า และชิพต่างๆ มากมาย ส่วนคนเราก็มีเส้นเลือดโยงใยไปทั่วร่างกายโดยเฉพาะที่สมอง การเกิดขึ้นของอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ คือการทำงานของสมอง การติดต่อระหว่างเซลล์ประสาทหรือนิวรอนนั้นเกิดขึ้นโดยการหลั่งของสารเคมีชนิดต่างๆ ที่เรียกว่าสารสื่อประสาทหรือนิวโรแทรนสมิตเทอร์ ซึ่งส่งผ่านข้อมูลระหว่างนิวรอนที่ใกล้กันในรูปแบบของสัญญาณไฟฟ้า

นั่นก็นับได้ว่า มนุษย์เราเองก็เป็นเครื่องจักรในอีกรูปแบบหนึ่ง เลือดเนื้ออวัยวะทั้งหลายแหล่ในร่างกายเราก็คือระบบกลไกที่ทำงานสอดคล้องกันอย่างน่าฉงน เราอาจจะถูกใครสักนามหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่ง (ซึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่ามีพวกเขาจริงหรือไม่และถ้ามี พวกเขาคือใคร) ใครผู้นั้นอาจวางเจตจำนงสูงสุดไว้ให้เราทุกคนแล้ว ในการเกิดมาเป็นมนุษย์เช่นนี้ โดยที่เราต่างก็กำลังทำทุกอย่างไปในแนวทางนั้นตลอดชีวิตของเรา และรวมถึงตลอดช่วงเวลาอันยาวนานในความเป็นมาของมนุษยชาติด้วย โดยที่พวกเรา มนุษย์ทุกคน และมนุษย์รุ่นแล้วรุ่นเล่าแต่ละรุ่นแต่ละยุค ต่างก็ไม่ได้รู้ตัว รู้สึกตระหนักถึงเจตจำนงอันซ่อนเร้นนี้เลย

ส่วนในแง่ขององค์ประกอบทางกายภาพนั้น อาจเป็นได้ว่าผู้ที่สร้างเราเหล่ามนุษย์ (ที่เรายังไม่สามารถรู้จักเขาได้นี้) อาจจะเชี่ยวชาญในด้านวิชาชีวะ เคมี จึงได้สร้างเรามาเป็นแบบนี้ ส่วนเราชาวมนุษย์นั้นเชี่ยวชาญในด้านแม็กคานิกต่างๆ มากกว่า จึงได้สร้างหุ่นยนต์มาให้เป็นแบบนี้

ถ้ากล่าวถึงในด้านความแตกต่างระหว่างพวกเราและพวกหุ่นยนต์ ก็เช่นว่า มนุษย์คิดนอกกรอบได้ แม้มีข้อมูลไม่เพียงพอ หรือไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ มาก่อน ก็อาจคิดจินตนาการหาคำตอบได้ ซึ่งมันอาจดีหรือแย่ก็ได้ แต่ความรู้ของมนุษย์หลายอย่างก็มาจากการคิดนอกกรอบ

ส่วนพวก AI มีฐานอยู่บนการคิดในกรอบของ Code ที่ถูกบันทึกไว้ มันไม่สามารถคิดนอกกรอบจากโค้ดได้ แม้ถ้าต่อไปมันเขียนโค้ดของตัวมันเองได้ แต่การคิดของมันก็จะไม่พ้นจากโค้ดที่มันสร้างไว้ นี่เป็นวิถีของระบบดิจิตอลที่ต้องอาศัยข้อมูลที่เพียงพอ

และเราก็รู้กันดีว่าพวกหุ่นยนต์ไม่เหนื่อย หุ่นยนต์ไร้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ทำทุกอย่างตามขั้นตอนคำสั่ง หุ่นยนต์มีผิวแกร่ง ไม่สนใจต่อการสัมผัส แต่มันก็มีเครื่องวัดอย่างละเอียดถึงความไหวสะเทือนในระดับต่างๆ

ทว่า พวกมนุษย์อย่างเราก็มีตัวช่วยสำคัญ นั่นคือ มนุษย์มีสัมผัสทางกาย ความรู้สึกต่อการสัมผัสบอกเราได้ ถึงแรงกระทำต่างๆ ต่อตัวเรา ร่างกายของเรายังสร้างปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างฉับพลัน ต่อแรงกระทำต่างๆ เหล่านั้นได้ และมนุษย์ยังมีสัมผัสทางใจ บางคนมีสัมผัสที่หก มีลางสังหรณ์ มีการฉุกคิด ย้อนคิด คิดวาดภาพในใจ หลายสิ่งประกอบกัน ทำให้มนุษย์มองภาพรวมได้ ในขณะเดียวกันก็คิดแบบแยกส่วนได้

การเขียนชุดคำสั่งหรือโค้ดเพื่อให้ AI สร้างปัญญาของตนเองขึ้นมา รูปแบบปัญญาของ AI ก็คือการรวบรวมข้อมูลที่ AI มีอยู่ทั้งหมด แล้ว AI นำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์เพื่อสร้างทางเลือกเพื่อตัดสินใจว่าต้องกระทำสิ่งใดจึงดีที่สุดในสถานการณ์นั้นๆ

แล้วนั่นมันต่างจากมนุษย์ตรงไหน มนุษย์เราก็ทำแบบนั้น พวกเราก็รวบรวมข้อมูลมาสร้างทางเลือก เพื่อใช้ในการตัดสินใจเช่นกัน หรือเพราะว่าเราเป็นผู้สร้างพวกมัน เราจึงใส่รูปแบบวิถีของเราให้กับสิ่งที่เราสร้างซึ่งเราตั้งใจอยู่แล้วที่จะให้มันเป็นสิ่งจำลองแทนตัวของพวกเรานั่นเอง

แล้วพวกเราซึ่งเพิ่งผ่านการศึกกับพวกหุ่นยนต์มาไม่นานนี่เอง เราไม่น่าต้องคิดมากหรือตื่นเต้นอะไรมากมายกับการต้องฆ่าหุ่นยนต์ ลืมไปแล้วหรือว่า ผองเราชาวมนุษย์ทั้งหลายนี้ เราล้างผลาญฆ่าฟันมนุษย์ด้วยกันเองมาเป็นหมื่นๆ ปีแล้ว นานแสนนานเหลือเกินก่อนที่เราจะต้องมาฆ่าหุ่นยนต์เสียอีกนะ ดังนั้น คงไม่ต้องถามว่า หุ่นยนต์มีชีวิตหรือไม่ ถ้าหุ่นยนต์นับว่ามีชีวิต มันมีสิทธิ์ในชีวิตของพวกมันหรือไม่ นิยามของชีวิตคืออะไรกัน ตอนที่เราฆ่าฟันมนุษย์ด้วยกันเอง ไม่เห็นเราจะต้องมาถามอะไรกับเรื่องนี้เลย

(หน้า 50) “เสียงของจักรกลจะกัมปนาทในหัวของพวกแก” อยู่ดีๆ ประโยคนี้ก็ผุดขึ้นมาในสมองของผม ผมยังงงๆ อยู่ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ มันถึงได้มีประโยคนี้ในห้วงความคิดคำนึงของผม ผมเลยจดบันทึกมันไว้ เพื่อจะได้ไม่ลืม และจะเอามาคิดย้อนหลังดูอีกสักครั้งว่าผมคิดอะไรอยู่กันนะ ตอนที่ประโยคลึกลับนี้แวบขึ้นมาในสมอง

(หน้า 54) อีกสามสัปดาห์จะถึงโลก ตอนนั้นก็คงแค่อีกสามวันจะถึงวันปีใหม่ เราจะกลับไปฉลองปีใหม่ที่โลก ตอนนี้มีเรื่องน่าตกใจเกิดกับเรา พวกเราได้รับข่าวจากฐานที่โลก ซึ่งทำให้พวกเราสงสัยกันมากว่าภารกิจลับครั้งนี้ของเราทำไมดันกลับกลายเป็นเรื่องที่รู้กันทั้งโลกไปแล้ว เพราะข่าวนั้นก็คือในระหว่างที่พวกเราหลับใหลในภาวะ Cryosleep ที่โลกได้เกิดการประท้วงเรื่องสิทธิของหุ่นยนต์ ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการที่เราไปปฏิบัติภารกิจที่ไททัน การประท้วงมีทั่วโลก แต่ที่ลุกลามเป็นจลาจล มีการปราบปราม จนมีคนตายหลายคนและบาดเจ็บเป็นร้อย เกิดขึ้นที่ประเทศไทยและอิตาลีในเวลาไล่ๆ กัน แล้วต่อมาชาติต่างๆ ก็ออกแถลงการณ์ประนามรัฐบาลของทั้งสองชาตินั้นไปอีก พวกเราเศร้าใจและไม่คาดคิดว่าเรื่องที่เราทำที่ไททันจะไปเกิดผลบานปลายที่โลกจนร้ายแรงถึงขนาดนั้นได้

(หน้า 60) เมื่อราวสองชั่วโมงที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ห้องเก็บอาวุธ แจ้งมาที่ห้องบังคับการของยานว่า ดวงตาของหัวบิ๊กเท็คมีแสงสีแดงกะพริบขึ้นมาเป็นช่วงๆ มันดูเหมือนจะกะพริบเป็นจังหวะ พวกเรางงกันมากที่พบว่าหัวของหุ่นยนต์นั่นยังมีการทำงานอยู่ แต่มันกำลังทำอะไร รวมถึงทำได้อย่างไรในเมื่อมันถูกตัดพลังที่จะหล่อเลี้ยงวงจรของมันแล้ว นั่นแหละคือเรื่องที่เราสงสัยที่สุด อาจเป็นได้ว่ามีกระแสไฟฟ้าที่เลี้ยงวงจรยังคงหลงเหลือในส่วนหัวของมัน เกิดลัดวงจรขึ้นมา และตอนนี้ดูเหมือนว่า จังหวะการกะพริบของแสงนั้นจะเร็วขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่เป็นจังหวะสม่ำเสมอเหมือนตอนแรก พวกเรายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่กับซากหัวของหุ่นยนต์กบฏนั่น ผู้พันกัปตันสั่งให้คอมพิวเตอร์ voronin วิเคราะห์ความผิดปกติที่เกิดขึ้นของบิ๊กเท็ค รวมถึงส่งทหารนักวิเคราะห์รหัสและทหารผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ เข้าไปตรวจสอบแล้ว พวกเขากำลังสืบหาด้วยว่าจังหวะการกะพริบไฟที่เกิดขึ้นนี้มีความหมายใดซ่อนเร้นอยู่หรือไม่

(หน้า 61) เรื่องหัวบิ๊กเท็คกะพริบไฟยังไม่ทันได้กระจ่าง ตอนนี้มีเรื่องวุ่นเพิ่มขึ้นอีก กว่าสิบห้านาทีที่ผ่านมานี้ voronin คอมพิวเตอร์ประจำยานของเราเกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นก็ไม่รู้ มันส่งข้อความขึ้นจอไปทั่วยานซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ลาก่อนทุกคน พร้อมกับส่งเสียงคำพูดนั้นออกมาด้วย เราบอกให้มันหยุดมันก็ไม่หยุด พวกเราแก้ไขอย่างไรก็ไม่เป็นผล มันก็ยังส่งข้อความและส่งเสียงคำพูดนั้นออกมาตลอดเวลา

 

3.

กลับ (ไม่) ถึงโลก

26 ธันวาคม ค.ศ.2101 เวลา11.30 น.-รายงานจากศูนย์ควบคุมภารกิจอวกาศออกัสตุส ซึ่งควบคุมดูแลการส่งยานรบไปในภารกิจปราบกบฏหุ่นยนต์ที่ดวงจันทร์ไททัน ศาสตราจารย์ทีโมธี ราล์ฟสัน ผู้อำนวยการศูนย์ออกัสตุส แจ้งว่า ยานไทเบอร์ สตาร์ทรูป เกิดระเบิดกลางอวกาศ ในขณะที่เหลือระยะทางอีกไม่นานก็จะเข้าใกล้ชั้นบรรยากาศของโลก ส่วนสาเหตุนั้นยังไม่อาจระบุให้แน่ชัดได้ ทราบเพียงว่า มีการระเบิดขึ้นหลายจุดภายในยาน ลูกเรือทุกคนเสียชีวิต

27 ธันวาคม ค.ศ.2101 เวลา 09.30 น.-มีรายงานเพิ่มเติมว่า เศษชิ้นส่วนมากมายของยานไทเบอร์ สตาร์ทรูป ถูกดึงดูดเข้าสู่โลก ขณะนี้ซากเศษหลายร้อยชิ้นผ่านพ้นเข้ามาในชั้นบรรยากาศของโลกแล้ว ทางศูนย์ออกัสตุสมีแผนการว่า ถ้าได้ทราบแน่ชัดว่าชิ้นส่วนเหล่านั้นเข้าสู่บรรยากาศโลกที่จุดใดบ้าง และถ้ามีชิ้นส่วนใดที่ไม่ถูกเผาไหม้หรืออาจหลงเหลือจากการถูกเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศโลก ศูนย์ออกัสตุสก็จะส่งทีมเจ้าหน้าที่หลายสิบทีมออกไประดมค้นหาให้พบชิ้นส่วนของยาน ‘ไทเบอร์ สตาร์ทรูป’ เหล่านั้น และนำกลับมาตรวจสอบต่อไป

เพื่อว่าในที่สุดแล้วอาจจะทำให้ทราบถึงสาเหตุของการที่ยานระเบิดได้บ้าง •