ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 - 7 กันยายน 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | โลกทรรศน์ |
ผู้เขียน | อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์ |
เผยแพร่ |
บทความนี้เขียนขึ้นหลังจากคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทยถูกศาลออกหมายจับเนื่องจากไม่เดินทางมารับฟังคำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีที่ตกเป็นจำเลยคดีจำนำข้าว ซึ่งถูกกล่าวหาว่าสร้างความเสียหายให้แก่รัฐเป็นจำนวนมาก เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2560
มีทั้งคนไทยและฝรั่งกล่าวถึงเธอมากในหลายแง่มุม
ส่วนใหญ่กระแหนะกระแหนเสียดสีที่ตัดสินใจไม่มาฟังคำตัดสินของศาล และข่าวว่าเธอหนีออกนอกประเทศไปก่อนหน้าวันตัดสินแล้ว
ผมเขียนบทความนี้ไม่ได้ตั้งใจเพิ่มดราม่า ด่าคนหลับหลัง ซ้ำเติมคนที่ล้มแล้ว
ที่แน่ๆ ผมจะไม่เขียนเยินยออดีตนายกรัฐมนตรีเหมือนที่หลายคนทำ โดยเฉพาะการพูดและเขียนเอาอกเอาใจ สอพลอเพื่อให้ได้รับลาภ ยศและผลประโยชน์จากเธอตอนที่มีอำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรี เพราะตอนนี้เธอไม่มีทางให้ลาภ ยศกับใครได้อีกแล้ว
แต่ผมอยากเขียนบทความนี้ เพื่อเป็นบททบทวนแก่สาธารณะถึงพัฒนาการทางเศรษฐกิจ การเมืองที่ได้ประกอบสร้าง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้เป็นนายกรัฐมนตรีที่สร้างวิกฤตการณ์ทางการเมืองสืบเนื่องนายกรัฐมนตรีไทยอีก 3 คนก่อนหน้านั้น วิกฤตทางการเมืองจากพี่ชายของเธอคือ คุณทักษิณ ชินวัตร นอมินีของคุณทักษิณคือ คุณสมัคร สุนทรเวช และพี่เขยของเธอ คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ สร้างเอาไว้ก่อน
ข้อเขียนนี้ไม่ได้เขียนว่าเธอไม่ได้ทำผิดกฎหมาย
ไม่ต้องการจะบอกว่าเธอบริสุทธิ์ทางการเมือง
จริงๆ เธอเป็นจำเลยทางการเมืองของการเมืองไทยตั้งแต่วันที่เธอตัดสินใจรับตำแหน่งลงสมัครรับเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย
และเธอก็จะเป็นจำเลยทางการเมืองตลอดไป
จำเลยทางการเมือง
คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นน้องสาวคนเล็กของ คุณทักษิณ ชินวัตร ซึ่งไม่มีพื้นเพและความสนใจทางการเมืองมาก่อนเลย
มีสื่อมวลชนหลายฉบับรายงานก่อนหน้านั้นว่า คุณยิ่งลักษณ์เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยก็จริง แต่เธอได้เข้าประชุมพรรคน้อยมาก
เธอเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แต่ใครๆ ก็รู้ว่า เธอประสบความสำเร็จด้วยบารมีของคุณทักษิณพี่ชายของเธอเอง
ประสบการณ์ด้านการศึกษาแม้จะจบจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา แต่สาขาที่เรียนก็ไม่ได้บ่งบอกอะไรว่าจะนำเธอมาสู่สนามการเมืองสนามใหญ่คือการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งหมายความว่า เธอจะเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกคนไทย
คุณยิ่งลักษณ์ใช้เวลาเพียง 49 วันก็ชนะเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลในเวลาต่อมา ใครๆ ก็รู้ว่า นี่ไม่ใช่ปาฏิหาริย์อะไรทั้งสิ้น
แต่เป็นเพราะนักการตลาดการเมือง (political marketing) ทีมใหญ่ที่วางแผนการตลาด การหาเสียง ร่างคำปราศรัย วางตำแหน่ง (positioning) ให้กับเธออย่างถูกจังหวะและเวลา
หลังจากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผมค่อยๆ อ่านข่าวต่างๆ ในสื่อมวลชน ผมพบข้อความในระหว่างบรรทัดที่รายงานถึงพัฒนาการของนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย
เช่น พี่ชายของเธอเองขอร้องให้เธอสมัครรับเลือกตั้ง และคอยเป็นทั้งกำลังใจและชี้นำเรื่องแนวทางการเมือง จริงๆ แล้วเธอไม่อยากลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะรู้ดีว่า เขียงประหารทางการเมืองวางรอเธออยู่แล้ว
แต่จะทำอย่างไรได้ พี่คนโตซึ่งมีพระคุณต่อเธอขอร้อง เพื่อให้เธอเป็น nominee รักษาและปกป้องผลประโยชน์ของคุณทักษิณ ซึ่งก็พิสูจน์ได้ว่าจริง คือ การผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยเข้ารัฐสภาให้ได้ อันเป็นที่มาของการต่อต้านอย่างหนักจากฝ่ายตรงข้ามของเธอ
เช่น จริงๆ แล้วคุณยิ่งลักษณ์ต้องการตัดสินใจทางการเมืองและนโยบายบางประการที่เธอเห็นว่าดีและเป็นประโยชน์
เธอไม่ได้เชื่อทีมที่ปรึกษาที่ชอบสอพลอ
เธอไม่ได้เชื่อญาติพี่น้องที่ต้องการตักตวงผลประโยชน์ต่างๆ นานาจากเธอ
แต่ด้วยข้อจำกัดของตัวเอง เธอก็ต้องอ่านสคริปต์ที่เขียนโดยทีมงาน ซึ่งผิดบ้างถูกบ้าง อ่านและพูดภาษาไทยผิดบ้างถูกบ้าง
ที่กล่าวมาข้างต้นต้องการจะบอกว่า ไม่ง่ายนักที่ผู้หญิงคนเดียวจะอยู่ในห้อมล้อมนักการเมืองเขี้ยวลากดินทั้งในคราบนักเลือกตั้ง ในคราบข้าราชการและกลุ่มผลประโยชน์กลุ่มต่างๆ ที่รุมทึ้งเอาแต่ผลประโยชน์จากเธอ
ยิ่งท่ามกลางแรงกดดันทางการเมืองทั้งในพรรคเพื่อไทย ในรัฐสภาและบนท้องถนน คนนอกพรรคหลายคนก็รู้แล้วว่า นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทยจะมีจุดจบเป็นอย่างไร หากไม่ถูกทำรัฐประหาร ก็ตายในสภาหรือไม่ก็ที่ใดที่หนึ่ง
จุดเริ่มต้นของจุดจบ
จริงๆ แล้วตั้งแต่คุณทักษิณ ชินวัตร ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เศรษฐกิจการเมืองไทยเปลี่ยนแปลงไปมาก
ผมไม่ได้บอกว่าดีหรือไม่ดีนะ แต่สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เช่น การแข่งขันเชิงนโยบายสาธารณะและการเข้าถึงประชาชนในระดับรากหญ้า ซึ่งผู้นำและนักการเมืองทุกคนต้องทำทั้งก่อนเลือกตั้งและหลังเลือกตั้ง
การผลิตนโยบายใหม่ๆ เพื่อตอบสนองต่อคะแนนเสียงและฐานเสียงของนักการเมือง
การขับเคลื่อนระบบราชการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
แน่นอนครับ การสร้างเครือข่ายผลประโยชน์ของคุณทักษิณเองซึ่งไม่ใช่เครือข่ายผลประโยชน์เดิม แถมยังไปท้าทายกับเครือข่ายอำนาจเดิมก็ชัดเจนถึงขั้นแตกหัก
คุณสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคตัวแทนคุณทักษิณที่ผิดเวลา เพราะคุณทักษิณก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น แต่ขณะนั้นยังหาบุคคลที่เหมาะสมไม่ได้ คุณสมัครมีนโยบายของตัวเองคือ เป็นคนแข็งกร้าวและไม่ประนีประนอมกับใครโดยเฉพาะผู้นำเครือข่ายอำนาจเก่า
และคุณสมัครยังมีเวลาบริหารประเทศน้อยเกินไปที่จะดำเนินนโยบายเลียนแบบคุณทักษิณ ซึ่งคุณทักษิณก็รู้แล้วว่า เขาและพรรคพวกจะลำบากหากคุณสมัครยังเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป
คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ คือตัวแทนคุณทักษิณที่ไม่สมบูรณ์ แต่เป็นความต้องการของครอบครัวคุณสมชายที่ต้องการผลักดันให้ครอบครัวฝ่ายเขาเป็นนายกรัฐมนตรีบ้าง คุณสมชายไม่ได้บริหารประเทศเลย เดินทางทั้งในและต่างประเทศตลอดเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุมของกองกำลังฝ่ายตรงกันข้าม นั่นหมายความว่า คุณสมชายเป็นนายกรัฐมนตรีที่ซื้อเวลาไปวันๆ หนึ่งเท่านั้น
ดูเหมือนว่า ชัยชนะของคุณยิ่งลักษณ์ต่อการเลือกตั้งจะกลับมาเป็นความหวังของคุณทักษิณอีกครั้งหนึ่ง เขาเคยให้ความเห็นว่า ด้วยความอ่อนโยน ด้วยความเป็นผู้หญิง ด้วยความเคารพในผู้ใหญ่หลายๆ ท่าน คุณยิ่งลักษณ์อาจช่วยผ่อนคลายและสร้างบรรยากาศทางการเมืองที่ขัดแย้งกันอย่างหนักได้
บรรยากาศคลี่คลายทางการเมืองเกิดขึ้นสั้นมาก ความตึงเครียดทางการเมืองกลับมาอีกและร้อนแรงมากเมื่อกลุ่มในพรรคเพื่อไทยเดินหน้าผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย การถอนกฎหมายนิรโทษกรรมออกช้าเกินไป แต่การเชื่อฝ่ายความมั่นคงบางคน จนทำให้คุณยิ่งลักษณ์เข้าไปแทรกแซงการโยกย้ายกองทัพ คือจุดจบทางการเมืองอย่างที่คุณทักษิณทำ
ฝ่ายการเมืองต่างได้ประโยชน์จากคุณยิ่งลักษณ์ ฝ่ายความมั่นคงต่างได้ประโยชน์จากคุณยิ่งลักษณ์
ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ พี่ชายที่แสนดีของเธอ คุณทักษิณก็ใจร้ายที่ใช้น้องสาวเพื่อผลประโยชน์ของเขาเอง
อย่าไปเสียเวลากับการแสดงความฉลาดหลังเหตุการณ์เลยว่า เราจะต้องมองเศรษฐกิจ การเมืองไทยยุคหลังทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ (post-Thaksin-Yingluck era) อย่างไรดี
นี่คือความโหดร้ายทางการเมือง ความโหดร้ายของพี่ชายต่อน้องสาวแท้ๆ
จบแล้วครับท่าน