ใครคือ ตัวละครหลัก ในฤทธิ์มีดสั้น เซี่ยวลี้ปวยตอ หากมิใช่ ‘ลี้คิมฮวง’/บทความพิเศษ

บทความพิเศษ

 

ใครคือ ตัวละครหลัก

ในฤทธิ์มีดสั้น เซี่ยวลี้ปวยตอ

หากมิใช่ ‘ลี้คิมฮวง’

 

ไม่ว่าจะมองจากรากฐานเดิมของ “ตอเช้งเกี่ยม บ้อเช้งเกี่ยม” (กระบี่มากรัก กระบี่ไร้น้ำใจ) ไม่ว่าจะมองจากรากฐานของ “ทิต้า ไต้เฮียบฮุ้น” (ธาตุแท้วีรบุรุษหาญกล้า)

อันถอดออกมาเป็น “ฤทธิ์มีดสั้น” สำนวน ว. ณ เมืองลุง

หรือที่ถอดออกมาเป็น “เซี่ยวลี้ปวยตอ มีดบินไม่พลาดเป้า” สำนวน น.นพรัตน์

คล้ายกับจะเป็นวีรกรรมหาญกล้าของ “ลี้คิมฮวง” คล้ายกับจะเป็นวีรกรรมหาญกล้าของ “อาฮุย” คล้ายกับจะเป็นวีรกรรมหาญกล้าของกระบี่เหล็ก ก๊วยชงเอี้ยง

หรือห่วงหงส์มังกร เซี่ยงกัวกิมฮ้ง ตลอดจนมือกระบี่อย่างจิ้นบ้อเมี่ย

อย่าได้แปลกใจหากโกวเล้งจะเปิดบทที่ 1 ด้วยลีลาแปลของ ว. ณ เมืองลุง ออกมาด้วย ลมหนาวราวมีดคมกริบ ถือพสุธากว้างใหญ่ต่างเขียง เห็นชีวิตทั้งหลายเป็นปลาเป็นเนื้อ

หิมะโปรยปราย ลมยังไม่ซา

ลี้คิมฮวงอ้าปากหาวยาวๆ เหยียบเท้าทั้งสองไปบนพรมขนสัตว์หนานุ่มจนเต็มที่ ในตัวรถแม้อบอุ่นอย่างยิ่ง สุขสบายอย่างยิ่ง แต่ระยะทางนี้นับว่ายาวเกินไป เงียบเหงาเกินไป

จนมิเพียงรู้สึกอ่อนล้าระโหย หากแต่ยังรู้สึกเบื่อหน่าย รำคาญ

ขณะเดียวกัน เมื่ออ่านสำนวนแปล น.นพรัตน์ ก็สัมผัสได้ว่า ในสายลมบังเกิดเสียงฝีเท้าผู้คนดังมากระทบโสต สุ้มเสียงนี้แม้เบากว่าเสียงฝีเท้าม้ามากนัก

แต่เป็นสุ้มเสียงที่ลี้ชิ้มฮัวมุ่งหวังรอคอย

ดังนั้น ไม่ว่าสุ้มเสียงนี้แผ่วเบาปานใด ลี้ชิ้มฮัวก็ไม่ปล่อยให้ผ่านเลยไป ดังนั้น ลี้ชิ้มฮัวเลิกม่านรถที่จัดทำจากหนังเตียว ผลักเปิดหน้าต่างรถออกไป

ลี้ชิ้มฮัวพบเห็นเงาร่างอันเดียวดายที่เดินอยู่เบื้องหน้าในบัดดล

คนผู้นี้เดินช้ายิ่ง แต่ไม่หยุดยั้งชะงักลง มาตรแม้นได้ยินเสียงล้อรถ เสียงม้าร้อง แต่ยังคงไม่เหลียวหน้ากลับมา

คนทั้งไม่พกร่ม และไม่ได้สวมหมวก

หิมะที่ละลายไหลผ่านใบหน้าลงสู่ลำคอของมัน บนร่างมันเพียงสวมผ้าเบาบางชุดหนึ่ง แต่แผ่นหลังของมันยังเหยียดตรง ตัวมันคล้ายหล่อหลอมจากเหล็ก

หิมะ น้ำแข็ง ความหนาวเย็น ความเหน็ดเหนื่อย ความอ่อนเพลีย ความหิวกระหาย

ล้วนไม่อาจสะกดให้มันย่อท้อยอมจำนน ไม่มีเรื่องราวใดสะกดให้มันย่อท้อ ยอมจำนนได้

นั่นย่อมเป็นการปรากฏตัวของลี้คิมฮวง หรือจะเรียกขานว่าลี้ชิ้มฮัว นั่นย่อมเป็นการปรากฏตัวของอาฮุยอย่างเดียวดาย

สอดรับกับคำว่า ทิต้า ไต้เฮียบฮุ้น

จากนั้นวีรกรรมหาญกล้าของเซี่ยวลี้ปวยตอ มีดบินไม่พลาดเป้า ก็ค่อยสำแดงตัวออกมา จากนั้นลีลากระบี่รวดเร็วฉับไวก็ค่อยเผยแต่ละกระบวนท่าออกมา

ไม่ว่าจะเป็นการแย่งชิง “สิ่งของ” ลึกลับหนึ่งในโรงเตี๋ยมเล็กๆ

ไม่ว่าจะเป็นการปล่อย “มีดสั้น” เข้าสู่คอหอยของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว เหนือความคาดหมาย ไม่ว่าจะเป็นการติดตาม “ห่อผ้า” ที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย

การปรากฏตัวของ “เทพเดินหนไร้เงา” (ซิ่งเกี๊ยบ้อเอี้ย)

รวมถึงอีก 4 คนที่เดินออกจากป่าแต่งกายดุจทารก เสื้อผ้าสีสันลายพร้อย ดอกดวงเต็มทั้งตัว รองเท้าปักรูปเสือ ที่เอวยังสวมกระโปรงสูงอยู่อีกตัว

นั่นย่อมเป็นศิษย์แห่ง “ทารกเบญจพิษ” (โง้วตั๊กท้งจื้อ) ถ้ำสุดสำราญ ดินแดนม้ง

 

ไม่ว่าการค่อยๆ เผยแสดงออกมาของ “เกราะใยทอง” (กิมซีกะ) ไม่ว่าการค่อยๆ เผยแสดงออกมาของ “มืออสูรเขียว” (แชม้อชิ้ว) ไม่ว่าการค่อยๆ เผยแสดงของ “กระบี่ไส้ปลา” (ฮื้อตึ่งเกี่ยม)

ล้วนเป็นเรื่องของ “บุรุษ” อันเป็น “จอมยุทธ์”

ยิ่งเมื่อกระบี่เหล็ก ก๊วยซงเอี้ยง ปรากฏตัว ยิ่งเมื่อเซี่ยงกัวกิมฮ้ง ปรากฏตัว ตามมาด้วยดวงตาสีเทาไร้ความรู้สึกของจิ้นบ้อเมีย

กลิ่นอายของ”บุรุษ” พลานุภาพแห่ง “จอมยุทธ์” ยิ่งแผ่ซ่าน

ต่อเมื่อ “คนชุดเขียว” ปรากฏพร้อมกับเงาร่างไม่เตี้ย และไม่สูงนัก ท่าทางกลับปลอดโปร่งสง่างามนั้นหรอกรายละเอียดของเรื่องราวจึงค่อยแปรเปลี่ยน

แปรเปลี่ยนว่าใครคือ “ตัวจริง” ใครคือ “ตัวการ” ทำให้เรื่องดำเนินไป

 

เป็นความจริงที่ว่า ตั้งแต่บทที่ 1 รูปสลักจากมีดสั้นใน “กระบี่มากรัก กระบี่มากน้ำใจ” เป็นวีรกรรมหาญกล้าของลี้คิมฮวง กับอาฮุย

แม้กระทั่งมาถึงบทสุดท้าย วาดงูเพิ่มขา ก็ยังเป็นเช่นนั้น

แต่ถามว่าใครคือผู้มีบทบาทในการเสกปั้นและฟื้นคืนการอาละวาดของ “โจรดอกเหมย” (บ้วยฮวยเต๋า)

คำตอบแน่ชัดยิ่งว่าเป็น “โฉมสะคราญอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน” ลิ่มเซียนยี้

ถามต่อไปว่าใครเป็นคนเขียนข้อความ “ค่ำคืนวันเพ็ญเดือนเก้า ในเฮ้งฮุ้นจึงจะมีของวิเศษคุณค่ามหาศาลปรากฏ หวังให้ท่านทั้งหลายอย่าได้พลาดโอกาสไป”

อันทำให้ “เอ็งฮุ้นจึง” กลายเป็นจุดรวมแห่ง “ยุทธภพ”

คำตอบแน่ชัดยิ่งว่าเป็น “ลิ่มเซียนยี้” โฉมสะคราญอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน

ถามต่อไปว่าใครอาศัยสถานะแห่ง “โฉมสะคราญ” อันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน เชื่อมประสานไม่เพียงแต่กับจิ้นบ้อเมี่ย หากต่อสายไปถึงเซี่ยงกัวกิมฮ้ง

ขณะเดียวกัน ก็ยึดกุม “อาฮุย” เอาไว้ในการกำกับอย่างเต็มเปี่ยม

ไม่ว่าลี้คิมฮวง ไม่ว่าเล้งโซ่วฮุ้น ไม่ว่าเซี่ยงกัวกิมฮ้ง ไม่ว่าจิ้นบ้อเมี่ย ต่างรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นฝีมือและความสามารถของคนคนเดียว

นั่นก็คือ ลิ่มเซียนยี้ โฉมสะคราญอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน

 

บทบาทของลิ่มเซียนยี้ในสถานะโฉมสะคราญอันดับหนึ่งของแผ่นดินต่างหากที่ทั้งเป็นตัวจุดชนวน เป็นตัวปล่อยข่าว สร้างเรื่องขึ้นมา

เรื่องราวของ “ลี้คิมฮวง” ผู้ชมชอบการแกะสลักด้วยมีดสั้น คมกริบ บางเบา

เรื่องราวของ “อาฮุย” ผู้เติบใหญ่ในป่าเขาพนมพฤกษ์อันเปลี่ยวร้าง เข้าสู่ยุทธจักรพร้อมกับกระบี่ซึ่งสร้างเสียงหัวร่อมากกว่าจะน่ากลัว

แต่กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อปลายกระบี่เสียบเข้าที่คอหอย

เมื่อประสานเข้ากับชีวิตอันพลิกผันที่ลี้คิมฮวงรอดตายมาด้วยความช่วยเหลือของเล้งโซ่วฮุ้น เมื่อประสานเข้ากับภาวะจมดิ่งในความรักความหลงของอาฮุย

เป็นปมอันสำคัญ ร้อยเชื่อม สร้างเรื่องราวที่บรรเจิด เพริศแพร้วขึ้น

กระนั้น ก็ยอมรับเถิดว่า ไม่ว่าจังหวะก้าวของลี้คิมฮวง ไม่ว่าจังหวะก้าวของอาฮุย ไม่ว่าจังหวะก้าวของเล้งโซ่วฮุ้น ไม่ว่าจังหวะก้าวของเซี่ยงกัวกิมฮ้ง

ล้วนอยู่ภายใต้การจัดวางอย่างเป็นระบบของ “ลิ่มเซียนยี้”

ลิ่มเซียนยี้ ในสถานะแห่งโฉมสะคราญอันดับหนึ่งของแผ่นดิน ต่างหากคือผู้มีบทบาทอย่างแท้จริงผ่านกระบวนการ “กระบี่มากรัก มากน้ำใจ”