25 น. (2) : อนุสรณ์ ติปยานนท์

ย้อนอ่าน 25 น. (1)

ห่างจากการติดกับดักแห่งห้วงเวลาในการเดินทางครั้งนั้นนับสิบๆ ปี ผมพลัดหลงสู่เวลา 25 น. อีกครั้ง

หลายอาทิตย์ก่อน ผมออกเดินทางไปหามิตรสหายที่พัทลุง การไม่ได้พบปะกันเป็นเวลานานหมายถึงการอ้อยอิ่ง จากชาสู่กาแฟ จากกาแฟสู่เครื่องดื่มชนิดอื่น จากร้านหนึ่งสู่ร้านหนึ่ง จากตัวเมืองสู่ระโนด จากระโนดสู่ทะเลน้อย แดดเปลี่ยนสีจากเข้มสู่จางและไร้แสงในที่สุด

ผมมีกำหนดต้องออกจากพัทลุงในยามค่ำ ส่วนจะขึ้นเหนือหรือใต้นั้นยังไม่แน่ใจ

หากลงใต้ ผมมีทางเลือกไปหาดใหญ่ แล้วต่อไปยังปีนัง หรือมะละกาได้หากมีเวลา

หากขึ้นเหนือ ผมมีทางเลือกไปสุราษฎร์ธานี ชุมพร แล้วเดินทางต่อไปยังระนองหรือประจวบคีรีขันธ์ได้

ทุกอย่างดูเปิดกว้างสำหรับการเดินทาง

เวลาสามทุ่มถือว่ายังเยาว์มากสำหรับการห่วงกังวลถึงการเดินทางโดยเฉพาะคนที่คุ้นชินกับการเดินทางทางภาคเหนือหรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

สถานีขนส่งของจังหวัดนั้นไม่เคยหลับใหล อย่างที่กล่าวทุกอย่างดูเปิดกว้างสำหรับการเดินทางเกินกว่าจะมานั่งอนาทรร้อนใจ

นั่นคือสิ่งที่ผมคิดก่อนที่จะรู้ว่านั่นคือความคิดที่ผิด

ไม่ใช่ความคิดที่ถูกต้องเลย

เมื่อรถของมิตรสหายจอดเทียบที่สถานีขนส่งจังหวัดพัทลุง เคาน์เตอร์รถทัวร์ทุกสายปิดสนิท มีแสงไฟตรงหน้าห้องน้ำที่สว่างอยู่ แต่ห้องน้ำก็ปิดสนิทอีกเช่นกัน

โสภณ อักษรเนียม มิตรสหายของผมเดินไปหาเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนเก้าอี้ยาวก่อนจะกลับมาบอกผมว่ารถเที่ยวสุดท้ายทั้งขึ้นเหนือและลงใต้ออกจากสถานีแห่งนี้ไปหมดแล้ว

และหากผมต้องการจะเดินทางต่อคงต้องรอวันรุ่งขึ้นเท่านั้นเอง

ในขณะที่เราทั้งคู่กำลังยืนสับสนว่าจะจัดการตนเองอย่างไรต่อดี รถทัวร์ปรับอากาศคันหนึ่งก็แล่นเข้ามาจอดที่ชานชาลาสถานี ผู้โดยสารทุกคนลงจากรถอันเป็นการบ่งบอกถึงการสิ้นสุดการเดินทางของพวกเขา ในขณะที่การเดินทางของผมดูเหมือนจะเพิ่งเริ่มต้น

ข้อมูลใหม่จากพนักงานขับรถที่มีให้กับเราก็คือ ยังมีรถประจำทางที่ขึ้นกรุงเทพฯ แต่รถเหล่านั้นจะไม่วิ่งเข้าสถานีขนส่งอีกต่อไป ทางออกที่มีสำหรับการต้องการการเดินทางคือเราต้องไปดักรอรถที่ถนนเลี่ยงเมือง โบกมือหรือส่งสัญญาณให้รถเหล่านั้นเห็น

และสิ่งที่เหลือคือการภาวนาให้ที่ว่างบนรถนั้นยังคงเหลืออยู่

โสภณออกรถแล้วขับตรงไปยังจุดที่ได้รับการบอกเล่าว่าเราจะได้เจอกับรถโดยสารที่เราต้องการ ร่างกายของผมตอนนี้ตื่นตัวขึ้นตามลำดับ จากอาการพักผ่อนของมันมาตลอดบ่ายมาสู่การเตรียมพร้อมสำหรับการผจญภัย

สมองของผมเริ่มต้นการสั่งการ หากไม่มีรถ หากไม่มีที่ว่างบนรถ ผมจะทำอะไรดี โบกรถ หรือติดรถบรรทุกจำนวนมากที่วิ่งขึ้นล่อง ทุกสิ่งดูเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้แทบทั้งสิ้น

การนอนค้างในตัวเมืองก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แต่นั่นหมายความว่าเมื่อไม่มีหนทางอื่นให้เลือกแล้วเท่านั้น

ร้านขายตั๋วโดยสารที่รถของเราจอดเทียบนั้นเป็นร้านขายของชำหนึ่งคูหา หน้าร้านมีแกงและอาหารแบบตักราดใส่จานเตรียมพร้อมอยู่

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในยามกลางวันที่นี่คงเป็นจุดพักรถที่ครึกครื้นไม่น้อย

แต่ในยามค่ำเช่นนี้ แกงทั้งหลาย อาทิ แกงเหลืองพุงปลา คั่วกลิ้ง แกงไตปลา พะโล้ หรือแม้แต่ปลาทอด ดูพร่องไปมากจนเชื่อได้ว่าเวลาบริโภคน่าจะใกล้สิ้นสุดลงแล้ว

ผมสอบถามเจ้าของร้านถึงรถโดยสารที่จะผ่านมาทางนี้ มีหวัง รถเที่ยวสุดท้ายกำลังจะเข้ามาเทียบอีกในเวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง สิ้นหวัง นี่เป็นช่วงเทศกาลฮารีรายอ ที่นั่งบนรถเต็มหมดเพราะผู้คนกำลังเดินทางกลับกรุงเทพฯ หลังจากมาร่วมงานรื่นเริงที่บ้าน

ทางออกคือยืนไปบนรถ แต่นั่นหมายความว่าต้องได้รับการอนุญาตจากพนักงานขับรถแล้วเท่านั้น

ความหวังเก่าถูกดับด้วยความจริง ความหวังใหม่เกิดขึ้นด้วยการคาดเดา นั่นคือสภาพของผมในยามนั้น

ผมซื้อเครื่องดื่มให้ตนเองและมิตรสหายและชวนเขานั่งลงที่เก้าอี้หน้าร้าน เวลาเดินทางไปที่ 22.00 น.หรือสี่ทุ่ม รถโดยสารหลายคันวิ่งตะบึงผ่านหน้าเราไป ส่วนใหญ่เป็นรถเช่าเหมามาเที่ยวงานเทศกาล

รถคันที่เราเฝ้ารอปรากฏตัวในที่สุด คลาดเคลื่อนจากเวลาไปราวห้านาที

แต่สิ่งที่ไม่คลาดเคลื่อนคือไม่มีที่ว่างบนรถอีกต่อไปแล้ว

ตกเป็นหน้าที่ของมิตรสหายอีกครั้ง เขาเจรจากับคนขับรถว่าขอให้ผมติดรถไปลงที่สถานีขนส่งตรงใดก็ได้ที่อาจมีรถให้โดยสารต่อ

คนขับรถยืนคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนบอกว่า “คุณนั่งหน้าแล้วไปลงที่สถานีทุ่งสงก็แล้วกัน อาจมีรถจากกระบี่ผ่านมาก็ได้ แต่ผมไม่รับประกันอะไรทั้งสิ้นยามนี้”

ผมบอกลา โสภณ อักษรเนียม มิตรสหายที่มาติดหล่มการเดินทางกับผมโดยไม่ได้ตั้งใจ ก่อนจะเหวี่ยงสัมภาระที่นำติดตัวมาขึ้นไปบนบันไดข้างคนขับแล้วเอนกายพิงตัวรถ

การเดินทางเริ่มต้นแล้วในเวลาสี่ทุ่มกว่า ไกลแค่ไหนก็แค่นั้น ผมคิด ถ้าเพลียก็นอนที่สถานี ไม่มีอะไรมากมายให้ต้องกังวล

ไม่นานก็เช้า ผมนึกถึงคำร้องในเพลงใดสักเพลง

รถเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ผ่านควนขุน หัวไทร ถนนระหว่างเมืองทางภาคใต้อยู่ในสภาพดีจนดีเลิศ

อย่างไรก็ตาม ต้นไม้ใหญ่ริมทางที่ได้ฝนจนเดินพอทำให้ระหว่างทางมืดครึ้ม นอกจากแสงไฟจากรถที่สวนมาแล้ว ระหว่างทางเราไม่ได้เห็นอะไรอีกเลยนอกจากป้ายบอกที่พักค้างคืนแบบชั่วคราวปรากฏเป็นระยะเท่านั้น

“บ้านทางภาคใต้ส่วนใหญ่ปลูกตามทางรถไฟนะคุณ ถนนมันมาทีหลัง รถเสียตามถนนนี่อย่าหวังจะหาบ้านคนเลย เอาแค่คนเดินผ่านมายามดึกยังยาก ไม่นับเมื่อหลายสิบปีก่อนที่ผมยังเป็นเด็กติดรถตอนหลายสิบปีก่อน” ชายคนขับเล่าเรื่องราวของเขาเมื่อเห็นผมนั่งจ้องถนนแบบไม่มีสิ่งใดทำ

“ทางพวกนี้ยาวไปจนถึงเวียงสระ บ้านส้อง ช่วงที่รบกับทหารป่า ตกเย็นแทบไม่มีใครผ่านเลย ผมวิ่งรถ โตมากับรถ ก่อนจะได้เห็นโรงงานน้ำมันปาล์ม หรือโรงงานแช่เย็นอาหารทะเล แต่มีโรงงานแล้วก็จริง ถนนก็ยังมืดอยู่ดี ไม่รู้จะประหยัดไฟอะไรนักหนา งีบเสียก่อนก็ได้คุณ เดี๋ยวถึงทุ่งสงผมจะปลุกเอง ไม่นานหรอก แต่ต้องเดินเอาหน่อยนะ รถคงวนเข้าไปส่งที่นั่นไม่ได้”

ผมรับคำเขา แต่จะให้หลับคงยาก ไม่บ่อยที่ได้เดินทางแบบนี้ นั่งสนทนากับเขาน่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า

เรื่องราวจำนวนมากในชีวิตของคนรถพร่าเวลาไปอย่างรวดเร็ว รถไปถึงทุ่งสงในอีกชั่วโมงกว่าๆ พร้อมกับการจบเรื่องของเกจิอาจารย์ท่านหนึ่งแถบนี้

“เดินเข้าไปในนั้นนะคุณ ขอให้โชคดี”

ผมเอากระเป๋าสะพายขึ้นหลัง สถานีขนส่งทุ่งสงเงียบแทบไม่ต่างจากสถานีพัทลุงที่ผมจากมา

เวลาใกล้เที่ยงคืนแล้ว โชคเป็นของผม เคาน์เตอร์ขายตั๋วแห่งหนึ่งยังเปิดทำการอยู่ หญิงวัยกลางคนด้านหลังเคาน์เตอร์เงยหน้าขึ้นมองผมเมื่อผมแจ้งความจำนงขอซื้อตั๋วโดยสาร “ไปไหนก็ได้ ขอให้ขึ้นเหนือไปกรุงเทพฯ ก็พอ”

“มีรถจากนครศรีธรรมราชจะไประนอง ไปลงสถานีชุมพรไหม รถน่าจะเข้าสถานีเวลาตีหนึ่งครึ่ง”

ใจผมชื้น อย่างน้อยขยับไปถึงชุมพร เอาไงเอากัน “ถ้าไป ก็นั่งๆ นอนๆ แถวที่นั่งตามนั้นแหละ รถเข้าจะไปปลุกเอง”

ผมมองไปที่ม้านั่งในสถานี มีชายคนหนึ่งกำลังนอนหนุนกระเป๋าเดินทางหลับอย่างเป็นสุข ผมแบกกระเป๋าอีกครั้งเลือกม้านั่งตัวถัดมาจากเขา ร้านค้าปิดหมดแล้ว หาน้ำกินสักขวดยังยาก นอนน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

เวลาเลยผ่านเที่ยงคืนแล้ว 25 น. อีกครั้ง แต่ผมนอนไม่หลับ

จะว่าเป็นเพราะม้านั่งยาวไม่สะดวกสำหรับการนอนคงไม่ใช่ เหยียดตัวเต็ม นอนตะแคง สายลมพัดเป็นระยะ มีไอชื้นจากป่ารอบๆ ได้ผ้าห่มสักผืนนี่น่าจะเป็นการนอนที่สุขสมได้ไม่น้อยเลย

แต่ที่นอนไม่หลับเพราะรู้สึกว่าคืนนี้มีอะไรพิเศษที่น่าสนใจเกินกว่าจะหลับตาทิ้งไป

ผมมวนยาเส้น จุดมันขึ้นสูบแล้วออกเดินสำรวจไปรอบๆ สถานี นอกจากชายคนนั้นแล้ว มีแมวอีกสองสามตัวที่ดูเหมือนจะอยู่เป็นเพื่อนของผมที่นี่

ผมบิขนมปังที่ได้จากร้านกาแฟเมื่อตอนเย็นออกแบ่งให้มัน แต่ดูท่ามันน่าจะชอบของคาวมากกว่าของหวาน

หลังดมขนมปังนั้นสองสามครั้งมันก็เดินหนี