ส.ว.วันชัย ฉายฉากทัศน์การเมือง ชี้ดวงเมือง 7 ก.ค. คือ จุดเปลี่ยนประเทศไทยครั้งใหญ่! ฟันธง พล.อ.ประยุทธ์กลับมาได้คือ ‘ปาฏิหาริย์’/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

ส.ว.วันชัย ฉายฉากทัศน์การเมือง

ชี้ดวงเมือง 7 ก.ค.

คือ จุดเปลี่ยนประเทศไทยครั้งใหญ่!

ฟันธง พล.อ.ประยุทธ์กลับมาได้คือ ‘ปาฏิหาริย์’

 

“ตามดวงเมืองนั้น 7 กรกฎาคม 2565 จะถึงจุดเปลี่ยนประเทศไทยครั้งใหญ่” วันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา มองปฏิทินการเมืองเทียบดวงเมือง พร้อมฟันธงว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน!

ส.ว.วันชัยระบุว่า ผมมักจะเอาปฏิทินการเมือง กับปฏิทินดวงเมืองมาเปรียบเทียบกัน ตัวผมเองศึกษาโหราศาสตร์มาตั้งแต่อายุ 11-13 สมัยบวชเณรอยู่วัดไตรมิตรวิทยาราม ก็ศึกษาอยู่เงียบๆ ไม่ได้เอามาทำมาหากิน พร้อมกับสังเกตการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองควบคู่กันไป ก็จะเห็นความมหัศจรรย์โดยเฉพาะในระยะนี้ที่มันเกิดขึ้นในปฏิทินของการเมืองกับดวงเมืองมันช่างสอดรับกันแบบเป๊ะๆๆ ชนิดที่คาดไม่ถึง

ตอนที่มฤตยูทับดวงเมืองเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2557 ก่อนจะเข้าในช่วงนั้นก็มีแรงกระเพื่อมอย่างรุนแรงทั้งการชุมนุม กปปส. จนกระทั่งนำมาสู่การรัฐประหาร แล้วตามหลักโหราศาสตร์เขาบอกเวลาเข้าและหลังเข้า มันจะเกิดแรงกระเพื่อมในทำนองเดียวกัน

เพราะฉะนั้นเมื่อดูปฏิทินการเมืองตั้งแต่พฤษภาคม-มิถุนายน-กรกฎาคม พอถึง 7 กรกฎาคมปัง! มฤตยูจะเคลื่อนย้ายออก ไปอยู่ในราศีพฤษภ แปลว่ามฤตยูออกจากการทับดวงเมือง เขาบอกว่ามันก็จะเกิดแรงกระเพื่อมแรงสั่นสะเทือน

ผมก็มาดูเทียบว่าเดือนพฤษภาคมเอาแค่ช่วงมิถุนายน จะมีกฎหมายงบประมาณ จะเข้าสภานี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่แล้วนะ ถ้ากฎหมายฉบับนี้ไม่ผ่านรัฐบาลก็อยู่ไม่ได้

แต่ผมก็ฟังดูว่าทุกคนก็อยากให้กฎหมายงบประมาณผ่านแน่ ไม่ว่าจะฝ่ายค้าน-ฝ่ายรัฐบาล แต่ถ้ามีการเล่นเกมทางการเมืองหักกันขึ้นมารัฐบาลก็จะไปทันที

ลำดับต่อไปคือสนามการอภิปรายไม่ไว้วางใจในยุคสมัยที่เป็นพรรคหนึ่งเดียวกันอยู่ ก็ยังจะไปไม่รอด แต่ครั้งนี้มีฝั่งตรงข้ามกันชัดเจน และสามารถจะผสมผสาน พรรคร่วมรัฐบาลจะแตกขึ้นมาด้วย

ผมมองว่าตรงนี้ก็อาจจะทำให้เกิดเหตุการณ์พลิกผันทางการเมืองได้อย่างรุนแรง

ประการต่อมาคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ปิดสวิตช์ ส.ว. ผมมองว่านี่เป็นเรื่องระหว่างผู้มีอำนาจที่ต้องการกับพรรคการเมือง-นักการเมืองที่ไม่ต้องการ เพราะฉะนั้นมันจะต้องมีการบีบกระแทกแรงกันอีกเหมือนกัน

ผมอยากให้มองว่าสึนามิทางการเมืองทั้ง 3 ลูกนี้ จะก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมและการสั่นสะเทือนเพราะอิทธิพลของดาวมฤตยูทั้งสิ้น

ผมจึงพิจารณาแล้วว่าตามดวงเมืองนั้น 7 กรกฎาคมเป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย ประกอบกับเดือนสิงหาคมจะมีเรื่องของการพิจารณาวาระครบ 8 ปี ของตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีก ก็จะเป็นเรื่องที่ต้องไปศาลรัฐธรรมนูญ เราจะเห็นได้ว่า ก่อนเข้าและหลังเข้าพร้อมที่จะเกิดแรงกระเพื่อมและแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองเหมือนสึนามิลูกต่อๆ ที่ถาโถมเข้ามา 3-4 ลูกในประเทศ

ถ้าพูดถึงดาวมฤตยูและดวงเมืองในขณะนั้นเขาถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญของประเทศ ผมจึงใช้คำว่า 7 กรกฎาคมจุดเปลี่ยนประเทศไทย โดยที่เผอิญว่ามันมีปฏิทินทางการเมือง มันมาเป็นลูกๆ และแต่ละลูกไม่ใช่ลูกเล็กเลยทั้งสิ้น เป็นลูกของการที่จะเกิดแรงปะทะและก่อให้เกิดการกระเพื่อมอย่างรุนแรง

ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีบางพรรคปูดเรื่องการรัฐประหารนั้น หากพิจารณาตามหลักโหราศาสตร์เวลาเขาใช้คำว่า “เกิดการเปลี่ยนแปลง” เขาไม่ได้บอกว่าการเปลี่ยนแปลงนี้มันจะเกิดการรัฐประหารหรือลาออกหรือยุบสภา

แต่ถามว่าการรัฐประหารควรจะเกิดขึ้นในประเทศได้อีกหรือไม่ ให้ผมฟันธงไปเลยในฐานะที่อยู่ในเวทีทางการเมืองภายในนี้ด้วย ผมเชื่อว่าเกิดยากแล้ว แล้วถึงจะเกิดก็อยู่ยากด้วยซ้ำ เพราะเราได้บทเรียนจากเผด็จการโดยการรัฐประหารมาแล้ว ประชาชนเห็นแล้ว 5 ปีเป็นอย่างไร และเราเห็นบทเรียนจากประชาธิปไตยครึ่งใบอีกเกือบ 4 ปี

ขณะเดียวกันคนก็เคยเห็นแล้วว่า ประชาธิปไตยจอมปลอมหรือที่เราเรียกว่าเผด็จการรัฐสภา เลือกตั้งจริงแต่เป็นเผด็จการรัฐสภาคนก็เห็นมาแล้วทั้งสิ้น

ดังนั้น ผมจึงฟันธงตรงไปตรงมาตรงนี้ว่ารูปแบบทางการเมืองโดยเผด็จการเต็มใบโดยการรัฐประหารนั้นควรจบสิ้นไปตั้งแต่ยุคนี้ได้เลย ไม่น่าจะเกิดขึ้นอีก

และแบบครึ่งใบอย่างที่เป็นอยู่ก็ควรจะจบได้แล้ว เพราะฉะนั้นผมจึงฟันธงได้เลยว่าการแก้รัฐธรรมนูญปิดสวิตช์ ส.ว.ที่เขามองเป็นเรื่องยาก (84 เสียง) แต่ดูจากดวงเมืองดูจากดวงดาวประกอบด้วยเลข 8 บวกเลข 4 ตอนนี้ต้องถือว่า อ่อนกำลังลง

เพราะฉะนั้นผมเชื่อเหลือเกินว่าถึงสถานการณ์ตอนนั้นการแก้รัฐธรรมนูญเรื่องปิดสวิตช์ ส.ว. 272 มีแนวโน้มสูงว่าอาจจะต้องแก้ไขให้เกิดความสำเร็จได้ ดูจากดวงเมืองดูจากสถานการณ์ทางการเมือง เพราะตั้งแต่ 31 มีนาคมราหูมาทับดวงเมืองมันเกิดการปั่นป่วนในหลายเรื่อง

ผมจึงบอกได้เลยว่าเลข 8 ที่เป็นดาวราหู เลข 4 เป็นดาวพุธ ดูแล้วสถานการณ์ตอนนั้นมันจะเกิดการสั่นคลอนหวั่นไหวอย่างเต็มที ผมจึงฟันธงได้ว่า 84 เสียงก็จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้เหมือนกัน

ฉะนั้นการรัฐประหารในทางการเมืองและดวงดาวอังคารที่จะปรากฏ ตอนนี้ดาวอังคารไม่แข็งแรง ที่แข็งแรงคือการปะทะกันระหว่างดาวเสาร์กับดาวพฤหัสบดีที่ไม่ได้เกี่ยวกับดาวอังคาร เมื่อดูจากดวงดาวดูจากสถานการณ์การเมืองการรัฐประหารไม่น่าจะเกิดขึ้น

ถ้าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจะเป็นไปในเรื่องของนายกฯ ลาออกยุบสภา เสียมากกว่า

ส.ว.คนดังมองเกมการเมืองในปัจจุบันนี้ด้วยว่าทุกพรรคการเมืองมีธงพร้อมร่วมกันที่จะเร่งรีบอยากทำกฎหมายลูกให้เสร็จ เพราะหากมีเหตุการณ์ทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น รัฐบาลก็จะนำไปใช้ได้ พรรคการเมืองต่างๆ ก็ลงสู่สนามได้

ส่วนการยุบสภาต้องดูสถานการณ์ทางการเมือง ในช่วงเปิดสมัยประชุม จะมีเรื่องสำคัญ 3 เรื่องเกิดขึ้นพร้อมกัน

เรื่องที่ถึงขั้นแตกหักคือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเกิดขึ้นได้ตั้งแต่พฤษภาคมถึงกรกฎาคม ฝ่ายค้านก็ตั้งใจจะยื่นอยู่แล้ว ก็ทราบกันดีว่าพอยื่นญัตติแล้ว เขาห้ามยุบสภา แปลว่าถ้านายกฯ เดินเข้าไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องมีความมั่นใจ 100% ว่าการเดินเข้าสู่ตะแลงแกงนี้ จะต้องชนะ ถ้าไม่มั่นใจก็ไม่ควรจะเดิน

ทางเลือกจะมีอยู่แค่ 2 ทาง 1 ก่อนจะยื่นยุบ สภาเสียก่อน และ 2 เมื่อยื่นแล้ว อาจจะลาออก ก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น

แต่ถ้าประเมินสถานการณ์ใน 2 ทางเลือกนี้ ผมว่าการยุบสภาน่าจะเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นมากที่สุดมากกว่าเหตุการณ์อย่างอื่น

แม้ว่าที่ผ่านมาโฆษก-คนในรัฐบาลมักออกมาพูดว่าจะอยู่ให้ครบเทอมนั้น ผมมองว่า โดยพื้นฐานพรรคการเมืองนักการเมืองและคนที่เป็นนายกรัฐมนตรี ทุกคนอยากอยู่ครบเทอมทั้งสิ้น แต่อดีตที่ผ่านมาเราจะเห็นว่ามันมีอุบัติเหตุทางการเมืองซึ่งคาดไม่ถึง แม้ว่าเขาเคยแสดงเจตนารมณ์ว่าจะอยู่ถึงการประชุมเอเปค และยาวถึงช่วงเลือกตั้ง

แต่ดูจากสถานการณ์ทางการเมืองแล้วในความเห็นของผม การจะไปถึงตรงนั้นค่อนข้างจะยาก ในขณะที่สถานการณ์รอบตัว จากพรรคการเมืองในซีกรัฐบาล กับศรัทธาของประชาชนที่มองรัฐบาลนี้อยู่ คิดว่าพรรคร่วมรัฐบาลพร้อมจะร่วมตายต่อด้วยกันไปหรือเปล่า?

ดังนั้น อาจจะเกิดอุบัติเหตุทำให้พรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง พูดง่ายๆ คือแยกกันเดิน เพราะแค่พรรคเดียวกันอย่างพลังประชารัฐ ยังแยกกันเดินเลย

 

สําหรับนักวิเคราะห์ทางการเมืองที่มองว่าการกลับมาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในสมัยหน้าอีกหนยากมากนั้น ส.ว.วันชัยดูจะเห็นด้วยโดยบอกว่า ผมก็มองว่าต้องเป็นปาฏิหาริย์จริงๆ โดยใช้หลักรัฐศาสตร์-นิติศาสตร์วิเคราะห์ร่วมกับสถานการณ์ต่างๆ แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังมีโอกาสอยู่ แต่ก็น้อยเต็มที การจะกลับมาได้ต้องเป็นเรื่องปาฏิหาริย์อย่างมหัศจรรย์พันลึก

แน่นอนก็เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันไว้ ประกอบกับทุกพรรคการเมืองเขาต้องการคนของเขาเป็นนายกรัฐมนตรีมากกว่า

เขามีบทเรียนแล้วไม่ต้องการให้เป็นภาพของคนอื่นที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง มาเป็นนายกฯ อีก

โอกาสของท่านจะน้อย รวมทั้งเสียงต่างๆ ที่เขาได้เห็นบทเรียนจากระบอบเผด็จการทหารสู่ประชาธิปไตยครึ่งใบ เขามีบทเรียนหมดแล้ว

ผมว่าแบบนี้พวกเขาไม่น่าจะใช้บทเรียนเดิม

ชมคลิป