วิน-วิน “260 เสียง”/ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

วิน-วิน “260 เสียง”

 

ถ้าอยากอยู่รอดในบนโลกใบนี้ ต้องกอดคอสามัคคี รักใคร่กันไว้ “โจโฉ” ว่าไว้ว่า “มิตรที่กลายเป็นศัตรู จะเป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุด เพราะมิตรที่เคยรักกัน ห่วงใยดั่งพี่น้องร่วมสายเลือด ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมายาวนาน ถ้ากลายเป็นศัตรู จะมีอันตรายและน่ากลัวเพราะรู้ไส้รู้พุง รู้ความลับ รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง จึงถือว่าน่ากลัวและอันตรายที่สุด”

แหละแล้ว “พี่น้อง 3 ป.” ที่กำลังจะเป็น “แก้วที่ร้าวแล้ว” คืนสู่ความสัมพันธ์ โดย “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี “น้องเล็ก” จูงมือ “พี่รอง-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าคารวะ” พี่ใหญ่-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หลังห่างหายกันเนิ่นนาน ทำให้บ้านป่ารอยต่อฯ แม้กำแพงนั่นต่ำเตี้ย แต่อานุภาพกลับมาทรงพลังยิ่งใหญ่อีกครั้ง

ตามข่าวระบุว่า “3 พี่น้อง” ปิดห้อง ถอดเสื้อคุยกันเพียงลำพัง รับประทานอาหาร เจ้าของบ้านสวมบทพ่อครัวหัวป่าก์ ทำกับข้าวเองกับมือ ส่วนประเด็นมีระแคะระคายว่า ถกกันหลายปมประเด็น ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ

พ.ศ.2565 ดังที่บอก “ปีเสือดุ” แยกย่อยซอยยิก อีรุงตุงนังเต็มประตูบ้าน วิกฤตเศรษฐกิจ-ปัญหาปากท้อง-การท่องเที่ยวทรุด ห้องเครื่องมาจากโรคระบาด “โควิด-19” รัฐบาล “บิ๊กตู่” ยังเกาไม่ถูกที่คันเลยสักเม็ด

ปัญหาการเมืองผุดขึ้นรอบเอว ทั้ง “ศึกใน-ศึกนอก” พรรคพลังประชารัฐ ต้นไม้ใหญ่ที่ทอดบังเงาให้ “3 ป.” ยืน แตกดังโพละ เมื่อมีมติขับกลุ่ม “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ออกไปจำนวน 21 คน มีมรรคผลให้ฐานเสียงสนับสนุนรัฐบาลลดน้อยถอยลง ระดับ “ปริ่มน้ำ” โดยเฉพาะ “พปชร.” สังกัดหดเหลือ 97 ที่นั่ง ถือว่าอันตรายมาก

ขณะเดียวกัน กลุ่ม “ผู้กองธรรมนัส” ที่ถูกขับไปตั้งพรรคเศรษฐกิจไทย ออกมาปรามาสเย้ยหยันถากถางว่า เสียงสนับสนุนรัฐบาลมี 260 “ฝันไปหรือเปล่า” และเมื่อไล่เช็กขุมกำลังทุกองคาพยพแล้ว ถือว่าเสียวเอาการเลยทีเดียว

ด้วยประการดังกล่าว พปชร.หัสเดิม จะจัดประชุมใหญ่เพื่อรับทราบรายงานผลการดำเนินการในรอบปีที่โรงแรมแคนทารี จ.นครราชสีมา จึงต้องเลื่อนโปรแกรมไปเป็นวันที่ 3 เมษายน

ว่ากันว่า เพื่อความไม่ประมาท ในการนี้จะมีการขยับขยายโครงสร้างพรรคใหม่ ทางกลุ่ม “บิ๊กตู่” จะขอมีเอี่ยวมากขึ้น ส่งบุคคลมาร่วมแจมบ้างในบางส่วน ซึ่งคาดกันว่า คนที่จะถูกชงเข้ามามีบทบาท คงหนีไม่พ้น “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ประสานกับแนวร่วมเดิมได้กลุ่ม “สามมิตร” ภายใต้การนำของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” กับ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ทำให้ “พล.อ.ประยุทธ์” เบาใจขึ้นมาได้บ้าง

 

ศึกใหญ่ที่ “พี่น้อง 3 ป.” จำต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ คือ ในวันที่ 22 พฤษภาคม สภาผู้แทนราษฎรจะได้ฤกษ์เบิกชัย “เปิดประชุมสมัยสามัญประจำปี” ฝ่ายค้านภายใต้การนำของ “เพื่อไทย” จะไม่รอช้าเปิดฉากตะลุมบอนแบบเฉียบพลัน ตามกลไกรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ที่กำหนดว่า

ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ในสภา มีสิทธิเข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล หรือคณะ

มีข่าวคลุกวงในระบุว่า “ฝ่ายค้าน” จะมามาดใหม่ กินรวบ-เหมารอบ เฉพาะ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ใส่เต็มข้อ ล่อเต็มแข้ง 3 วัน 3 วัน คนเดียวโดดๆ

และเมื่อมีการเสนอญัตติแล้ว เท่ากับหมูขึ้นหาบ ตามไฟต์บังคับ “นายกรัฐมนตรีจะยุบสภาผู้แทนราษฎรมิได้”

หากสภาลงมติไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายจะต้องพ้นจากตำแหน่งทันที ตามมาตรา 170 นี่คือจุดสลบ หากเสียงสนับสนุนรัฐบาลหายไปในช่วงลงมติเพียงเล็กน้อย

เท่ากับ “พล.อ.ประยุทธ์” จนกระดาน ถูกน็อกมืดกลางอากาศ เมื่อคูณคำนวณฐานเสียงในปัจจุบันมีอยู่แค่ 269 ที่นั่ง เกินครึ่งอยู่ “ปริ่มน้ำ” การส่งเสียงขู่ของ “ร.อ.ธรรมนัส” จึงประมาทกะพริบตาไม่ได้

ศึกซักฟอก คาดว่าจะระเบิดเถิดเทิงขึ้นในเดือนมิถุนายน ซึ่งเหลือเวลาอยู่ไม่มากแล้ว “บิ๊กตู่” ที่จะโดนฝ่ายค้านจับขึ้นเขียงเชือด ย่อมเสียวก้นกบ นั่งไม่ติดเป็นธรรมดา

การเมืองลูกกลมๆ ล้อเล่นไม่ได้เด็ดขาด มีหนังตัวอย่างให้ดูชมสดๆ ร้อนๆ จากประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และพรรคการเมือง

ที่ฝ่ายรัฐบาลแอบจับมือกับฝ่ายค้าน ดัน “สาธิต ปิตุเตชะ” จากพรรคประชาธิปัตย์ เฉือนจมูกชนะ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” แค่เส้นยาแดงผ่าแปดเพียงแต้มเดียว

คนไม่ประมาท ไม่มีวันตาย “บิ๊กตู่” เลยจูงมือ “บิ๊กป๊อก” บุกเยือนถ้ำป่ารอยต่อฯ โอบกอด “บิ๊กป้อม” …รักนะพี่เลิฟ จุ๊บ จุ๊บ ดังที่ปรากฏ

“ความอ่อนน้อมถ่อมตน คือเวทมนตร์สู่ความสำเร็จ” กล่าวสำหรับ “พล.อ.ประยุทธ์” ไม่ค่อยให้เครดิต “คนการเมือง” ลดเพดานบินลงมาคลุกคลีน้อยมาก

แต่ชั่วโมงนี้ เลือดกำลังเข้าตา ต้องอยู่ให้เป็น ปรับตัวให้ดี เปลี่ยนสีให้เยี่ยม ถึงอยู่รอดปลอดภัย ในวันที่ 8 มีนาคม เชื่อตามคำชี้แนะของ “พี่ใหญ่” ยอมปลีกวิเวกไปร่วมดินเนอร์ ร่วมรับประทานอาหารค่ำกับพี่น้องแกนนำพรรคร่วม ที่สโมสรราชพฤกษ์

เหนือสิ่งอื่นใด ลำดับถัดไป บางเงื่อนไขเมื่อใช้ไม้แข็งไม่ได้ผล ต้องใช้ไม้นวม นั่นก็คือ “การปรับคณะรัฐมนตรี”

คาดหมายกันว่า ในช่วงเดือนเมษายน ก่อนจะถึงวันทำศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จะปรับ ครม.อีกครั้ง โดยดึง 18 เสียงกลุ่ม “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ที่แม้จะถูกมติขับออกจาก พปชร.แล้ว แต่ยังอยู่ในอาณัติของ “พี่ป้อม”

กลับบ้านเก่า มาเป็นพรรคร่วม โดยคืน 2 ที่นั่ง ซึ่งยังว่างอยู่คืนเจ้าของเดิม

โดยสับไพ่ เปลี่ยนตัวเล่น ไม่ให้ดูน่าเกลียด คือ “ผู้กองธรรมนัส” จะไม่รับตำแหน่ง แต่จะส่งคนในคาถาจากพรรคเศรษฐกิจไทยมารับไม้แทน

ทุกอย่างจบลงแบบวิน-วิน ศึกซักฟอกที่ฝ่ายค้านจะเหมารอบเล่นงาน “บิ๊กตู่” คนเดียว ตอนลงมติไว้วางใจก็สอบผ่าน

“260 เสียง” ไม่ใช่ตัวเลขในฝัน