ทำไมญี่ปุ่นถึงมีท่าทีประณาม รัสเซีย ชัดเจน ? แถมดองกี้/ค่ายมือถือ/อสังหา ออกหน้าช่วยยูเครนเต็มกำลัง

สุภา ปัทมานันท์ | ญี่ปุ่นกับสงครามยูเครน

เมื่อกองทัพรัสเซียบุกเข้ารุกรานยูเครน รัฐบาลญี่ปุ่นได้แสดงจุดยืนชัดเจนไม่เห็นด้วยและแถลงการณ์ประณามการกระทำของรัสเซีย

นาย โนบุโอะ คิชิ(岸信夫)รัฐมนตรีกลาโหม กล่าวใน ที่ประชุมเร่งด่วนเพื่อเสริมกำลังการป้องกันว่า “เรากำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ขัดต่อระเบียบสากลขั้นพื้นฐานตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2เป็นต้นมา”

วันที่ 4 มีนาคม เมื่อรัสเซียเข้าโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในยูเครน นาย ฮิโรคาซึ มัตสึโน (松野博一)เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “รัสเซียขยายการรุกรานเข้าไปในพื้นที่ของยูเครนมากขึ้น และได้โจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เราไม่ยอมรับการกระทำอันป่าเถื่อน และขอประณามอย่างรุนแรง” และยังชี้ให้เห็นความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นหากเกิดอุบัติเหตุกับโรงไฟฟ้า จะเกิดหายนะอย่างใหญ่หลวงแก่พื้นที่ใกล้เคียงในวงกว้างและเรียกร้องให้ยุติการสู้รบโดยทันที

อุตสาหกรรมในประเทศญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากสงครามครั้งนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องการบิน เส้นทางการบินสู่ยุโรปจำเป็นต้องเลี่ยงการบินผ่านน่านฟ้ารัสเซีย เช่น เส้นทางฮาเนดะ – ลอนดอน ไม่บินผ่านน่านฟ้ารัสเซีย แต่อ้อมไปทางทิศเหนือผ่านทางอลาสก้า เส้นทาง ฮาเนดะ – ลอนดอนและปารีส ถูกระงับจนถึงวันที่ 10 มีนาคม ส่วนฮาเนดะ – แฟรงค์เฟิร์ต เป็นต้น จะบินอ้อมทางตะวันออกกลาง ซึ่งต้องใช้เวลาบินเพิ่มขึ้น 2 – 4 ชั่วโมง บางเที่ยวบินต้องบินผ่านไซบีเรียซึ่งหากเกิดการขัดข้องต้องลงจอดฉุกเฉิน อาจมีปัญหาเรื่องหาอุปกรณ์ซ่อม ที่ขาดแคลนจากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย

อุตสาหกรรมรถยนต์ บริษัทรถยนต์นิสสัน ระงับการส่งออกรถยนต์ไปยังรัสเซีย นิสสันเคยส่งออกรถยนต์ไปยังรัสเซียจากโรงงานในญี่ปุ่นและโรงงานที่สหรัฐอเมริกา ขณะที่มาตรการคว่ำบาตรจากนานาประเทศเริ่มมีผลทำให้ขาดแคลนชิ้นส่วนอย่างหนัก นอกจากนี้ โรงงานประกอบรถยนต์ของนิสสันในรัสเซีย ก็ได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตร และอาจต้องหยุดสายการผลิตในไม่ช้า

บริษัทซูซูกิหยุดการส่งออกรถยนต์และจักรยานยนต์ไปยังรัสเซีย มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียที่เข้มข้นขึ้น ทำให้การส่งออก การขนส่งยากขึ้น และตลาดการเงินทั่วโลกปั่นป่วน การชำระค่าสินค้าติดขัด จึงตัดสินใจหยุดการส่งออกไปยังรัสเซียระยะหนึ่งก่อน

นอกจากนี้ บริษัทโตโยต้า ก็ต้องหยุดการประกอบรถยนต์ในรัสเซีย ส่วนบริษัทฮอนด้า มาสด้า ซูบารุ ต้องหยุดการส่งออกรถยนต์ไปยังรัสเซียจากปัญหาชิ้นส่วนอุปกรณ์ขาดแคลนเช่นกัน

ค่ำวันที่ 4 มีนาคม นาย ฟุมิโอะ คิชิดะ(岸田文雄)นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับ นายเซเลนสกี้ ประธานาธิบดียูเครน รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประณามการบุกโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทางตอนใต้ของยูเครน รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศพร้อมรับผู้ลี้ภัยจากยูเครนสู่ประเทศที่สาม

รัฐบาลญี่ปุ่นให้เงินช่วยเหลือ 100 ล้านดอลล่าร์แก่ยูเครน มีทั้งเวชภัณฑ์ ยารักษาโรค อาหาร ผ้าห่ม เพื่อชาวยูเครนในประเทศและผู้ลี้ภัยในประเทศใกล้เคียง ผ่านทาง UNHCR เนื่องจากมีพื้นที่เข้าถึงไม่ได้จากการสู้รบ ขณะนี้มีผู้อพยพภัยสงครามไปยังประเทศใกล้เคียงเกิน 1ล้านคนแล้ว หากสงครามยังยืดเยื้อ ญี่ปุ่นและกลุ่มประเทศ G7 จะกำหนดจำนวนผู้อพยพแบ่งไปตามประเทศต่างๆ

เมื่อรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศรับผู้อพยพภัยสงครามจากยูเครน ทางภาคเอกชนก็ขานรับ พร้อมร่วมสนับสนุน เช่นกัน

“ดองกี้” (ดองกี โฮเต)(ドン・キホーテ)ประกาศให้ความช่วยเหลือผู้อพยพภัยสงครามที่มาญี่ปุ่น 100 ครอบครัว พร้อมสนับสนุนที่พัก อาหาร เครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น และกำลังพิจารณาช่วยให้เขาเหล่านั้นมีงานทำอีกด้วย

3 เครือข่ายโทรศัพท์มือถือยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น คือ NTT, Soft Bank, KDDI ประกาศไม่คิดค่าบริการโทรศัพท์จากญี่ปุ่นไปยังยูเครน เพื่อให้โทรศัพท์ติดต่อกับญาติ คนรู้จัก สอบถามความปลอดภัยได้ตลอดทั้งเดือน มีนาคม

นอกจากนี้ บริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ “อาปามังกรุ๊ป”(アパマングループ)ประกาศจะให้การสนับสนุนด้านที่พักแก่ผู้อพยพสงคราม ชาวยูเครน โดยจะนำห้องเช่าในอพาร์ตเมนต์ที่ยังว่างอยู่ ให้เข้าพักในระยะสั้น โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

ผู้จำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่นออนไลน์ “ZOZO” ได้ผลิตเสื้อยืด ราคา 2,020 เยน สกรีนลายธงชาติยูเครน ลายดอกทานตะวัน(ひまわり)ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติยูเครน ลายดอกเยอบีราที่มีภาษาดอกไม้ความหมายว่า “ความหวัง” วันแรกที่วางจำหน่าย มียอดขาย 62,000 ตัว ยอดเงิน 126 ล้านเยน บริจาครายได้จากการจำหน่ายทั้งหมดช่วยเหลือผู้ที่ได้รับภัยจากสงคราม

บริษัทยูนิโคล่(ユニクロ)บริจาคเงิน 10 ล้านดอลลาร์ และมอบเสื้อกันหนาวฮีตเทค ผ้าห่ม เป็นต้น ผ่านทาง UNHCR

นาย ฮิโรชิ มิกิทานิ(三木谷浩史)ประธานกลุ่มราคุเต็นกรุ๊ป(楽天グループ) ได้เขียนในทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า ขอบริจาคเงินส่วนตัว 1,000 ล้านเยน (290 ล้านบาท) ผ่านสถานทูตยูเครน และมีจดหมายเปิดผนึกถึงประธานาธิบดี เซเลนสกี้ ใจความว่า ปี 2019 เคยเข้าพบท่านประธานาธิบดี ที่เมืองเคียฟ ขอบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือชาวยูเครนเพื่อเห็นแก่มนุษยธรรม อีกทั้งในบริษัทก็มีพนักงานชาวยูเครน และขอให้กลับสู่ความสงบโดยเร็ว

ที่หน้าสถานทูตยูเครนประจำประเทศญี่ปุ่น มีดอกไม้วางอยู่จำนวนมาก มีชาวญี่ปุ่นกว่า 1แสนคนมาร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือกันไม่ขาดสาย มียอดเงินกว่า 2,000 ล้านเยน เด็กชายวัย10 ขวบ บอกว่านำเงินในกระปุกมาบริจาค ถึงแม้เป็นจำนวนเล็กน้อย แต่ก็อยากช่วยเหลือผู้ได้รับภัยจากสงคราม

หลายๆคนบอกว่าอยากมีส่วนช่วยเหลือชาวยูเครน แต่เงินบริจาคนี้ไม่ใช่เพื่อซื้ออาวุธมาสู้กับรัสเซีย แต่ขอให้ใช้เพื่อฟื้นฟูสาธารณูปโภค ซ่อมแซมที่อยู่อาศัย และให้การช่วยเหลือแก่ผู้อพยพจากภัยสงคราม

เห็นได้ว่าทั้งรัฐบาล บริษัทเอกชน และประชาชนชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมอย่างมาก ประธานสมาคมระดมเงินทุนแห่งญี่ปุ่น ให้ความเห็นว่า การช่วยเหลือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ โดยระดมเงินทุนได้มากมายในระยะเวลาอันสั้นนี้เช่นนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักในญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นเองก็เคยเป็นทั้งผู้รุกราน… และผู้ได้รับความลำบากแสนสาหัสจากจุดจบของสงครามโลกครั้งที่ 2… ย่อมเข้าใจความทุกข์ของชาวยูเครนดี