‘โฮจิมินห์เทร็ล’ บันทึกลับนักรบไทย (2)/อัญเจียแขฺมร์ อภิญญา ตะวันออก

อภิญญา ตะวันออก

อัญเจียแขฺมร์

อภิญญา ตะวันออก

 

‘โฮจิมินห์เทร็ล’

บันทึกลับนักรบไทย (2)

จากภารกิจตามหาโฮจิมินห์เทร็ลกับหน่วยงานลับซีไอเอ (1) ตอนที่ผ่านมา ฉันขอเปลี่ยนหัวข้อเป็น ‘โฮจิมินห์เทร็ล’ – บันทึกลับนักรบไทย (2) เพื่อให้เข้ากับเนื้อหาในตอนนี้ ซึ่งเป็นที่ทราบดีว่า นี่คือปฏิบัติการระหว่าง “ไทย-อเมริกัน” ซึ่งเป็นภารกิจอันประหลาด กล่าวคือ ร่วมกันรบกับ “ศัตรู” ที่อยู่นอก “มาตุภูมิ” ประเทศตน

และเป็นหลักฐานต้นๆ ที่บ่งชัดว่า ไทยหวาดกลัวลัทธิคอมมิวนิสต์ที่ “เวียดนามเหนือ” มากเพียงใด

แต่เชื่อไหม ในขั้นตอนของมิชชั่นนั้น กลับอยู่ภายใต้ของซีไอเอซึ่งมีหน่วยบัญชาการที่เมืองปากเซ/ลาวใต้

ส่วนทีมที่ถูกส่งไปลงทางหลวงสีหนุ/พนมเปญ-สีหนุวิลล์ หรือเมืองกำปงโสมเวลานั้น ทำให้ทราบว่า เวียดกงได้แฝงตัวอยู่ในกัมพูชานานแล้ว แต่เสียดายที่ข้อมูลของหน่วยลับไทยไม่ปรากฏหรือกล่าวถึง

นอกจากสมรภูมิที่ชื่อว่า “โฮจิมินห์เทร็ล”

แต่แล้วเหตุการณ์ของความระทึกก็มาถึง หลังเดินป่าราว 5 วัน ทีมแบมบูก็พบหลักฐานที่ข้าศึกทำตกไว้ไม่ไกลจากจุดลาดตระเวน

แต่แล้ววันที่ 21 พฤษภาคม 2510 หน่วยแบมบูก็พบหน่วยทหารเวียดมินห์เป็นครั้งแรก แลที่จดจำคือ “พวกเขาแต่งเครื่องแบบ สวมหมวกโล่มีดาวแดง มีอาวุธเดินตามกันมาประมาณ 1 หมู่”

ก่อนจะพบว่าพวกเขา “ประจันหน้า” กับข้าศึกแปลกหน้าคือ “แบมบู-1” ที่ยืนห่างออกไปราวเพียง 1 เมตรเศษ!

“หยุด!” ทันใดนั้น แบมบูก็แหกปากลั่น เพื่อบอกพรรคพวกที่เดินแบกปืนตามมาข้างหลัง พวกเขาต่างก้มหน้า พอได้ยินเสียงเท่านั้น ต่างหยุดเดินเรียงกันเป็นตับ!

ให้ตายเถอะ! พลัน วินาทีอันฉุกละหุกก็บังเกิด เมื่อ 1 และ 2 แบมบูทีมพากันเหนี่ยวไกปืนอัตโนมัติไปยังพิกัดข้าศึก จากนั้น การช่วยกันระดมยิงกันอย่างหูดับตับไหม้ของพรรคพวกที่เหลืออีก 5 นาย ก็ดังตามมาภายในไม่เกิน 5 นาที ก็ใช้กระสุนไปทั้งสิ้น 60 นัด!

ส่วนคนที่เหลือไปเช็กแผนที่นั้น เมื่อได้ยินเสียงปืนก็วิ่งกลับมา แบมบู-2 บอกหัวหน้าแบมบูให้ถ่ายรูป ส่วนแบมบู-1 ก็ไปตัดหูฝ่ายข้าศึก แบมบู-2 ไปช่วยเก็บสรรพอาวุธ ก่อนจะรีบถอนตัวด้วยการวิ่งขึ้นเขา ราว 10 นาทีต่อมา เสียงปืนของฝ่ายข้าศึกก็ดังตามมา คาดการณ์ว่าพวกเขามีกำลังพลไม่ต่ำกว่า 1 หมวด

พอเป็นฝ่ายถูกไลล่า แบมบู-1 ก็ตกใจถึงกับเป็นลมสลบไป เมื่อปฐมพยาบาลฟื้นขึ้นมา ก็สิ้นเรี่ยวแรงไม่อาจเคลื่อนตัวต่อไปได้ แบมบู-1 ขอร้องทีมทั้งหมดให้ทิ้งตนไว้ และให้ทุกคนหนีไป ก่อนที่ข้าศึกจะตีวงพื้นที่โอบล้อมเข้ามา

ทั้งหมดจึงตัดสินใจสละสัมภาระในเป้ใหญ่เพื่อความคล่องตัวหลบหนี มีแต่เป้เล็กซึ่งเป็นเครื่องมือสื่อสารและอาวุธเท่านั้นที่ติดหลัง

แบมบู-1 ที่ถึงกับช็อก แต่เพื่อนๆ ไม่ได้ทิ้ง ช่วยกันสะพายปีกอย่างทุลักทุเลขณะหลบหนี

แต่ที่ลืมไม่ได้ คือสิ่งที่แบมบู-1 ได้ซุกมาในกระเป๋า “มันคือใบหูทั้ง 3 ของทหารเวียดกง!”

ทีมกองบัญชาการ/บก.ปากเซรับแจ้งข่างร้าย และรับปากว่าจะไปรับพวกเขาในรุ่งขึ้นวันพรุ่งนี้ และบอกทีมว่าให้พยายามหลบเลี่ยงข้าศึก และ… “ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป!”

พลัน คำกล่าวที่ว่า นักรบไทยมีจิตใจแน่วแน่ก็ดังก้องเข้ามา หรือว่าพวกเขาจะถูกลอยแพ?

เมื่อหนีขึ้นเนินเขา การติดต่อกับแทงโก้-กองบัญชาการ ที่วิทยุแจ้งว่า จะหา ฮ.มารับทีมวันพรุ่งนี้ แต่ดีใจไม่นานก็พบว่า ฐานปฏิบัติชั่วคราวที่พวกเขาทิ้งไป 2-3 วันก่อนหน้าได้ตรวจพบสิ่งบอกเหตุที่ไม่น่าไว้วางใจ พวกเขาจึงเดินทางต่อไปยังเนินเขาป่าหญ้าคา เพื่อหลบตัวพักและเป็นที่กลบฝังเสบียงอาหาร แต่พอตกกลางคืนกลับต้องผจญกับฝนห่าใหญ่และทากจำนวนมาก

ทุกคนต่างนอนไม่หลับ

22 พฤษภาคม 2510 ทีมแบมบู 2 นายออกไปเพื่อหาที่ลง ฮ. ซึ่งห่างชายป่าไปราว 200 เมตร แต่เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงปืนตามมาทำให้ทั้งสองนายพลัดหลงจากทีม ซึ่ง 1 ในนั้นคือผู้เขียนบันทึก

แต่ในที่สุดทั้งหมดก็หากันเจอและเล่าถึงเหตุการณ์ที่ทหารเวียดมินห์พบร่องรอยฝ่ายตน เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นปืนที่เล็งมา ด้วยความตกใจข้าศึกก็พากันวิ่งหนีลงเขาคนละทิศละทาง คาดว่าข้าศึกห้าถึงหกนายน่าจะบาดเจ็บล้มตาย จากที่พบรอยเลือดและเครื่องสนาม

เมื่อรายงานไปปากเซ บก.ทิมรับปากว่าจะส่ง ฮ.มารับกลับกองบัญชาการ

แบมบูทุกนายรู้สึกอุ่นใจและตัดสินใจไม่ลงเขาแม้จะอันตราย แต่อากาศโฮจิมินห์เทร็ลจะสลับไปมา กลางวันร้อนสุดและกลางคืนหนาวจัด และบางครั้งก็มีฝน จนเวลา 15:40 ก็ได้รับข่าวร้ายทำลายขวัญ

“วันนี้ ฮ.ไม่สามารถมารับทีมได้”

ทุกคนเหมือนถูกหักหลัง โกรธแค้น บางคนถึงกับลั่นว่าจะกลับไปสังหารและเปลี่ยนเป้าหมายจากเวียดมินห์เป็น “TIM” หรือซีไอเอที่พวกเขารู้สึกหนแล้วหนเล่า เหมือนถูก “หลอกใช้” ด้วยถ้อยคำรุนแรง หัวหน้าทีมแบมบูตัดสินใจ “ว.” ไปหา “บก.ปากเซ” ระบายด่าทอสบถความรู้สึกที่พวกตนถูกทอดทิ้ง!

อย่างไม่นำพา ทีม บก. วิทยุแจ้งให้พวกเขาหาพิกัดฐานใหม่ ที่ต้องใช้เวลา 3-4 วัน และอาจไม่รอดหากยังอยู่ในดงข้าศึก “กำลังพลทุกคนเสียขวัญ ไม่มีกำลังใจ ยอมตายทุกคน โดยไม่เคลื่อนที่ไปตามพิกัดที่กำหนดให้”

นั่นคือคำตอบของทหารป่าไทย ภายใต้บัญชาการของซีไอเอและเราคงจินตนาการได้ว่า ทำไมรัฐบาลไซ่ง่อน/ทหารเวียดนามใต้จึงต่อต้านกอง บก.กลางที่คุมโดยจีไอ/อเมริกัน และพ่ายแพ้สงครามในที่สุด

ศุกร์ที่ 26 พฤษภาคม ทีมทั้งหมดขึ้นไปบนป่าหญ้าคาตามที่ ฮ.แจ้งว่าจะมารับ เมื่อเจอรี่กรีน 2 ลำปรากฏตัว พวกเขาจึงโยนระเบิดควัน บน ฮ.มีทหารอเมริกัน 2 นาย แบมบูทั้ง 9 นายได้ขึ้น ฮ.สำเร็จ เมื่อมองลงไปด้านล่าง เห็นเวียดกง-ทหารเวียดนามเหนือกระจายตัวอยู่ทั่วไปเป็นหย่อมๆ

ทำให้นึกสยองว่า ถ้าไม่อพยพด้วยวิธีนี้ ไม่ช้าพวกทีมแบมบูคงถูกล้อมปราบ

เฮลิคอปเตอร์ยังคงบินวนอยู่เหนือช่องเขาโฮจิมินห์เทร็ล ราว 1 ชั่วโมง จึงลงจอดที่สนาม PS-165 ทีมแบมบูทั้งหมดเมื่อก้าวลงจาก ฮ. พวกเขากลับเซอร์ไพรส์เมื่อพบว่า

บก.ทิมและหัวหน้าทหารไทยนายหนึ่ง ยืนรอต้อนรับพวกเขาที่นั่น!

จากโกรธแค้นแน่นใจไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ กลับกลายเป็นน้ำตาไหลพรากด้วยความซาบซึ้ง นั่นคือหน่วยแบมบู พร้อมกับความลับที่ตามมาจากค่ายลับบนภูเขาแห่งนั้นซึ่งมีชื่อว่า “PS-165” ซึ่งเคยเป็นหน่วยฝึกทหารเวียดนามใต้ในการทำภารกิจ “โฮจิมินห์เทร็ล” เยี่ยงเดียวกับหน่วยทหารไทย

น่าเสียดายที่ไม่มีพิกัดระบุภูเขาลับลูกนั้น-PS-165

กระนั้น ก็ทำให้เห็นภาพว่า แนวทางที่กองทัพอเมริกันพยายามต่อสู้กับศัตรูเวียดกง/คอมมิวนิสต์ ซึ่งเมื่อเห็นถึงพื้นที่และสมรภูมิขอการต่อสู้แล้ว แม้จีไอจะได้เปรียบจากยุทธวิธีลำเลียงทางอากาศ โดยมีไทย/เวียดนามใต้ ทำหน้าที่เป็นทหารรับจ้างในภารกิจพิเศษนั้น

พลัน ค่ำคืนแห่งการพบปะเลี้ยงต้อนรับเป็นขวัญกำลังใจ ด้วยสุราอาหารสุดพร้อมเสบียงพิเศษที่เป็นภารกิจต่อไป อย่างยากจะลืมเลือน แบมบูทั้ง 9 นายรู้สึกซาบซึ้งใจในโอกาสอันยากที่จะพบปะนั้น พวกเขาฮึกเหิมที่จะกลับไปทำภารกิจลับอีกครั้งให้สำเร็จด้วยความรู้สึกที่มุ่งมั่น

 

แม้จะรับรู้แล้วว่า ในบรรดาหน่วยลับที่ฝึกจาก PS-165 จำนวน 40 ทีมที่ส่งไปเฝ้าตรวจเส้นทางโฮจิมินห์เทร็ลแห่งนี้ พวกเขาต่างประสบหายนะ ถูกกวาดล้าง บาดเจ็บ ล้มตายและถูกจับเป็นเชลย บางทีมนั้นถึงกับถูกข้าศึกที่ใช้วิธีเผาป่าไล่ล่าจนกระโจนจากหน้าผาลงไปตาย

ความล้มเหลวของทหารรับจ้างเวียดนามใต้จากภารกิจนี้ ในที่สุดซีไอเอก็หันไปฝึกการรบแบบกองโจรของทหารไทยทั้ง 5 ทีมรวมทั้งหน่วย “แบมบู”

ก่อนที่พวกเขาจะถูกส่งขึ้นเครื่องบิน “พอร์ตเตอร์” จากฐาน PS-165 เพื่อบินไปสู่ฐาน “ลาดเสือ” ที่ห่างไปราว 1 ชั่วโมงโดยที่พวกเขาไม่ลืมจะมอบของที่ระลึกให้หัวหน้าทิม

ซึ่งมันคือใบหูทั้งสามของทหารเวียดกง