โวโลดิมีร์ เซเลนสกี จากนักแสดงตลก สู่ผู้นำยูเครนที่เป็นที่ยอมรับ/บทความต่างประเทศ

บทความต่างประเทศ

 

โวโลดิมีร์ เซเลนสกี

จากนักแสดงตลก

สู่ผู้นำยูเครนที่เป็นที่ยอมรับ

สําหรับชาวยูเครนส่วนใหญ่ไม่มีใครคาดคิดว่า นายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน อดีตนักแสดงตลกชื่อดังที่เคยแต่สร้างเสียงหัวเราะ เผชิญกับเสียงปรามาสว่าคงไม่สามารถบริหารประเทศได้เพราะขาดประสบการณ์นั้น เวลานี้จะได้รับยกย่องในฐานะ “ฮีโร่ของชาติ”

“เรากำลังสู้เพื่อแผ่นดินและเพื่อเสรีภาพของพวกเรา” นายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน วัย 44 ปี ระบุผ่านทางวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ที่ถ่ายทอดไปยังที่ประชุมสภายุโรป เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา

“เราอยากจะเห็นลูกๆ ของพวกเรามีชีวิตอยู่ ผมคิดว่ามันยุติธรรมนะ เรากำลังต่อสู้เพื่อชีวิตของพวกเรา เรากำลังต่อสู้เพื่อความอยู่รอด นี่คือแรงจูงใจสูงสุดของพวกเรา”

คำพูดอันเด็ดเดี่ยวของเซเลนสกี ทำเอาล่ามผู้แปลภาษาอังกฤษประจำสภายุโรป ถึงกับเสียงสั่นเครือ

ก่อนที่บรรดาสมาชิกสภายุโรปในที่ประชุมทั้งหมดจะ “สแตนดิงโอเวชั่น” ลุกขึ้นยืนปรบมือด้วยความชื่นชมสูงสุดหลังประธานาธิบดียูเครนแถลงเสร็จสิ้น

เหตุการณ์ดังกล่าวแสดงให้ว่าประธานาธิบดีเซเลนสกีได้รับการยอมรับจากประชาคมโลก โดยเฉพาะกับผู้แทนของชาติสมาชิกสหภาพยุโรปทั้ง 27 ชาติ

 

นั่นไม่ใช่การแสดงออกในฐานะผู้นำอันเด็ดเดี่ยวครั้งแรกของเซเลนสกี แต่คือการแสดงออกถึงความแน่วแน่ในการยืนเคียงข้างประชาชนในช่วงเวลายากลำบาก โดยเฉพาะการยืนหยัดต่อต้านกองทัพรัสเซียที่มีแสนยานุภาพมากกว่ายูเครนถึง 10 เท่า มีขึ้นตั้งแต่วันแรกที่ทหารรัสเซียก้าวเท้ารุกรานยูเครน เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

“พวกเราทุกคนอยู่ที่นี่ ปกป้องอิสรภาพของพวกเรา ประเทศของเรา และเราจะอยู่ที่นี่ต่อไป ขอสดุดีแด่ชายและหญิงผู้ที่สู้รบปกป้องพวกเรา ขอสดุดีแด่ยูเครน ขอสดุดีแด่ฮีโร่ทุกคน” ประธานาธิบดีเซเลนสกีประกาศผ่านคลิปวิดีโอ ในบรรยากาศไฟถนนยามค่ำ บนถนนแห่งหนึ่งในกรุงเคียฟ พร้อมกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลยูเครนจำนวนหนึ่งหลังยูเครนเปิดฉากบุกไม่กี่ชั่วโมง

ท่าทีของเซเลนสกีที่เป็นที่พูดถึงมากที่สุด คือการปฏิเสธสหรัฐอเมริกาที่ยื่นข้อเสนอพาเซเลนสกีหนีไปยังสถานที่ปลอดภัย

“การสู้รบเกิดขึ้นที่นี่ ผมต้องการอาวุธ ไม่ได้ต้องการรถไปส่ง” เซเลนสกีระบุ

 

อีกแถลงการณ์ที่กินใจคนทั้งโลกเกิดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เขาประกาศให้โลกได้เห็นว่ากำลังต่อสู้ในแนวหน้าเพื่อเป็นตัวแทนของโลกประชาธิปไตยและโลกเสรี

“ชาวยูเครนแสดงให้เห็นชัดเจนถึงความกล้าหาญที่จะปกป้องบ้านเกิดเมืองนอน ปกป้องยุโรปและคุณค่าของยุโรปจากการฆ่าล้างของรัสเซีย” เซเลนสกีระบุ

และว่า “นี่ไม่ใช่แค่รัสเซียรุกรานยูเครน แต่เป็นสงครามกับยุโรป กับโครงสร้างของยุโรป กับประชาธิปไตย กับสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน กับกฎระเบียบของโลก กับหลักการและความสงบสุขที่ดำรงอยู่คู่กัน”

วาทะของเซเลนสกีไม่เพียงแต่สร้างตำนานให้กับตัวเอง แต่การยืนหยัดอย่างเด็ดเดี่ยวทำให้เซเลนสกีถูกยกให้เป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยม เมื่อเปรียบเทียบกับอาชราฟ กานี อดีตประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน ที่หนีออกจากกรุงคาบูล ในทันทีที่กลุ่มทาลิบันบุกประชิดเมืองหลวงก่อนจะยึดอัฟกานิสถานได้อย่างง่ายดายเมื่อปีก่อน

 

ท่าทีของประธานาธิบดียูเครนยังถูกมองว่าสร้างความอับอายให้กับสหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป (อียู) ที่ไม่กล้าที่จะนำกำลังทหารเข้าสนับสนุนช่วยเหลือยูเครนได้โดยตรง

และส่วนหนึ่งถูกมองว่ากลายเป็นแรงกระตุ้นให้บรรดาชาติตะวันตกถูกกดดันคว่ำบาตรในฐานะรัฐที่ไม่เป็นที่ยอมรับในเวทีโลก มาตรการคว่ำบาตรถูกประกาศอย่างไม่ขาดสายจากหลายสิบประเทศทั่วโลก แม้แต่วิกเตอร์ ออร์บัน นายกรัฐมนตรีฮังการี ที่ถูกมองว่าเป็นคนในปกครองของปูติน ก็ออกมาแสดงจุดยืนเดียวกับอียู อีกหนึ่งผู้นำที่ได้ชื่อว่าใช้อำนาจเผด็จการอย่างนายเรเจพ เทยิพ แอร์โดอาน ประธานาธิบดีตุรกี ก็ออกมาแสดงท่าทีคัดค้านรัสเซียเช่นกัน

ไม่เว้นแม้แต่โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ที่เคยชื่นชมปูตินว่าเป็นอัจฉริยะ และเคยโทรศัพท์ขู่เซเลนสกี โดยใช้ความช่วยเหลือสหรัฐเป็นเครื่องต่อรองจนต้องถูกไต่สวนเพื่อถอดถอนออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งแรก ก็ยังจำต้องออกมาชื่นชมความกล้าหาญของเซเลนสกีเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเช่นกัน

ท่าทีของเซเลนสกียังส่งผลให้บรรดาชาติตะวันตกหันมาใช้วิธีส่งยุทโธปกรณ์ และเงินทุนหลั่งไหลไปยังประเทศยูเครนอย่างไม่ขาดสายเพื่อสู้กับกองทัพรัสเซียด้วยเช่นกัน

 

หากถามชาวยูเครน โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้ลงคะแนนเสียงเลือกเซเลนสกีเป็นประธานาธิบดีในการเลือกตั้งเมื่อ 3 ปีก่อน ไม่มีใครคาดคิดว่า อดีตนักแสดงตลก คนจากวงการบันเทิงที่ไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง จะก้าวมาถึงจุดที่เป็นที่ยอมรับ

หรือแม้กระทั่งย้อนไปปลายปี 2021 คะแนนนิยมของเซเลนสกีตกลงไปเหลือเพียง 30 เปอร์เซ็นต์เมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน ลดลงอย่างมากหากเทียบกับคะแนนเสียงที่ได้รับเลือกตั้งที่ 73 เปอร์เซ็นต์เมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา

คะแนนนิยมที่ตกลงมีหลายเหตุผลประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นการให้คำมั่นว่าจะต่อสู้กับการทุจริตคอร์รัปชั่น แต่ความพยายามนั้นก็เป็นไปอย่างเลือกปฏิบัติ การแต่งตั้งคนสนิทและพันธมิตรขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญ และมักรอดพ้นจากการถูกดำเนินคดีเมื่อเกิดเรื่องอื้อฉาว เซเลนสกีแสดงออกถึงแนวคิด “ประชานิยม” และมีความอ่อนไหวกับการถูกสื่อวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก

อย่างไรก็ตาม เซเลนสกีก็ส่งสัญญาณเชิงบวกเช่นกัน เช่น กรณีปฏิเสธการเจรจาสันติภาพกับผู้นำกบฏที่ตั้งขึ้นโดยรัสเซียในภูมิภาคดอนบาส และเสนอให้นำประชาชนชาวดอสบาสที่ต้องอพยพมาอยู่ในกรุงเคียฟ เข้าร่วมการเจรจาด้วย ซึ่งรัสเซียไม่ยินยอมตกลง

ล่าสุดเกิดความกังขาในตัวเซเลนสกี จากการเมินเฉยต่อคำเตือนถึงภัยคุกคามจากรัสเซียของสหรัฐที่มีขึ้นอย่างต่อเนื่องก่อนการรุกราน ประชาชนจำนวนหนึ่งหนีออกจากกรุงเคียฟ เพราะคิดว่าผู้นำจะประกาศยอมแพ้ต่อรัสเซียในทันที

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญการสงครามบางคนถึงกับคาดการณ์ว่ากรุงเคียฟจะล่มสลายลงภายในเวลา 24 ชั่วโมงเท่านั้น

 

แต่เซเลนสกีกลับพิสูจน์ ลบล้างข้อกังขาไปได้หมดสิ้น

ด้วยการแสดงให้เห็นแล้วถึงความกล้าหาญ และไม่ละทิ้งหน้าที่รับผิดชอบในฐานะผู้นำประเทศ

นั่นก็คือการปกป้องประชาชน

นั่นคือเหตุผลที่คะแนนนิยมของเซเลนสกีกลับพุ่งขึ้นมาสูงถึง 91 เปอร์เซ็นต์ในเวลานี้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน