ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 4 - 10 มีนาคม 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | ภาพยนตร์ |
ผู้เขียน | นพมาส แววหงส์ |
เผยแพร่ |
ภาพยนตร์
นพมาส แววหงส์
THE KING’S MAN
‘อัศวินโต๊ะกลม’
กำกับการแสดง
Matthew Vaughn
นำแสดง
Ralph Fiennes
Djimon Hounsou
Gemma Arterton
Rhys Ifans
Harris Dickinson
Charles Dance
Matthew Goode
Tom Hollander
องค์กรลับในหนังแฟรนไชส์เรื่องนี้มีหน้าฉากเป็นห้องเสื้อผู้ดีซึ่งอำพรางการบริหารและปฏิบัติงานขององค์กรที่มีบุคลากรที่เก่งกาจยอดเยี่ยมและมีเครือข่ายไปทั่วโลก โดยถือว่าเป็น “คนของพระราชา” รับใช้พระประมุขของอังกฤษมาตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งแรก
The Kingsman : The Secret Service (2014) และ The Kingsman : The Golden Circle (2017) นำหน้ามาก่อน แต่ก็ตามมาด้วยหนังปัจจุบันซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดก่อนหน้าหนังทั้งสองเรื่อง แบบที่เรียกว่า prequel
โฉมหน้าของตัวละครทั้งชุดจึงไม่ใช่คนชุดเดิม เพราะแม้แต่หัวหน้าองค์กรก็ล้มหายตายจากไปหมดแล้ว
The Secret Service เป็นหนังที่เท่สุดๆ เหมือนจะตั้งใจทำหนังแนวเจมส์ บอนด์ที่เก่งกาจเหนือชั้นขึ้นไปอีก
ฝ่ายพระเอกก็ว่าเก่งกาจสุดๆ แล้วเชียวนา แต่บางครั้งเหนือฟ้าก็ยังมีฟ้า มีบางเวลาที่ฝ่ายพระเอกเพลี่ยงพล้ำ…อย่างสมศักดิ์ศรี…และผู้ร้ายมาเหนือเมฆจริงๆ
ยังจำติดตาถึงตัวละครสาวสวยนามกร “ละมั่ง” (หรือกาแซลล์) ซึ่งเล่นเป็นสมุนอภิมหาวายร้ายอย่างปราดเปรียวว่องไวสมฉายาของสัตว์ที่อยู่ในบรรดาสัตว์โลกที่เคลื่อนไหวได้เร็วที่สุด
The Golden Circle ก็ยังสนุกและเท่อยู่เหมือนเดิม แต่อาจจะจืดลงนิดหน่อย เพราะขาดความแปลกใหม่ของหนังต้นเรื่องไปบ้าง แต่ก็ยังมีจูเลียน มัวร์ เป็นอภิมหานางร้ายที่ร้ายจนได้ใจ รวมทั้งการลักพาตัวคนดัง เซอร์เอลตัน จอห์น ตัวจริงเสียงจริงในคอสตูมสุดเว่อร์เหมือนตัวจริง
หนังภาคนี้ย้อนไปเล่าเรื่องราวต้นตอความเป็นมาขององค์กรลับนี้ โดยย้อนประวัติศาสตร์โลกกลับไปสู่จุดปะทุในสงครามโบเออร์ระหว่างอังกฤษกับแอฟริกาใต้ ลอร์ดคิชเชนเนอร์ (ชาลส์ ดานซ์) ซึ่งมีตัวตนอยู่ในประวัติศาสตร์จริงๆ ถูกลอบสังหาร แต่ไม่สำเร็จ ผู้เคราะห์ร้ายกลับกลายเป็นสตรีชั้นสูงที่เป็นตัวแทนของกาชาดสากล
เลดี้ออกซ์ฟอร์ด พระชายาของดยุคแห่งออกซ์ฟอร์ด (เรฟ ไฟน์ส) เชื้อพระวงศ์ผู้ใกล้ชิดพระเจ้าจอร์จ ต้องมารับเคราะห์แทน เหตุการณ์ร้ายแรงนี้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาลูกชายตัวน้อย ซึ่งมองเห็นแม่เป็นราชินีกวินีเวียร์และพ่อเป็นคิงอาร์เธอร์แห่งคาเมล็อต ผู้พยายามช่วยเหลือคนอ่อนแอและสร้างความเป็นธรรมให้เกิดในสังคม
ในแฟรนไชส์ภาคที่สาม แต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าภาคแรกและภาคที่สอง โทนของหนังดูจะเปลี่ยนไปสู่การเป็นเรื่องซีเรียสมากขึ้น มีความหนักอึ้งของประวัติศาสตร์มากขึ้น ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นขำๆ ด้วยสไตล์เท่ล้ำ แบบในสองภาคแรก โดยให้น้ำหนักแก่สงครามโลกที่กำลังก่อหวอดและปะทุขึ้นในรัสเซียและเยอรมนี
แม้แต่เหตุการณ์ที่เป็นชนวนของสงครามโลกครั้งที่หนึ่งตามที่เราเคยท่องจำกันมาในวิชาประวัติศาสตร์ ว่าเกิดจากการลอบปลงพระชนม์อาร์ชดยุค ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ แห่งจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ก็ถูกสอดใส่ไว้ในหนังโดยมีตัวละครสำคัญร่วมอยู่ในเหตุการณ์
และฉากที่เท่สุดๆ ในหนัง คือฉากการต่อสู้ระหว่างฝ่ายพระเอกกับรัสปูติน (รีส ไอฟานส์) นักบวชผู้ทรงอิทธิพลยิ่งต่อราชสำนักของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2
การออกแบบฉากการต่อสู้อันน่าจับตาและน่าสนเท่ห์นี้ให้คะแนนไปเลยเต็มสิบ ผนวกกับการออกแบบคอสตูมพื้นเมืองแบบกระโปรงอันพลิ้วไหวของชนชาติแถบยุโรปตะวันออก
ก่อนหน้านี้ รัสปูตินออกงานด้วยการเดินเนิบๆ อย่างสง่างามเคียงคู่มากับหญิงสาว และมีตัวละครอีกตัววิพากษ์วิจารณ์แบบหยิกแกมหยอกว่าลีลาท่าเดินเหมือนการเต้นบัลเล่ต์ที่ชนะขาดจริงๆ
นอกจากนั้น รัสปูตินยังเป็นตัวละครที่ชวนพิศวงด้วยอำนาจเหนือธรรมชาติแบบที่อธิบายได้ (เขากินยาพิษทีละน้อยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ตัวเองทุกวันจนใครก็วางยาพิษเขาไม่ได้) และอธิบายไม่ได้
(เขามีอำนาจในการรักษาคนให้หายจากโรคได้อย่างน่าอัศจรรย์ แม้แต่ลอร์ดออกซ์ฟอร์ดผู้เดินกะเผลกและต้องใช้ไม้เท้าพยุงตัว ก็ยังหายจากอาการขาเป๋ หลังจากรัสปูติน “ให้การรักษา”)
ทอม ฮอลแลนเดอร์ รับบทบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ถึงสามคน คือพระเจ้าจอร์จที่ห้าแห่งอังกฤษ ไกเซอร์วิลเลียมที่สองแห่งเยอรมนีและซาร์นิโคลัสที่สองแห่งรัสเซีย โดยแต่งหน้าในแบบต่างๆ ซึ่งกลายเป็นมุขที่น่าเอ็นดูดีเนื่องจากบุคคลทั้งสามมีหน้าตาคล้ายกันเพราะเป็นญาติร่วมสายเลือด
ผู้ร้ายคนสำคัญในหนังปรากฏตัวแบบที่กล้องหลบเลี่ยงไม่ยอมให้คนดูเห็นหน้ามาตลอด จวบจนในตอนท้าย จึงได้เผยตัวออกมา และในฉากที่มีเอกลักษณ์ที่น่าจดจำ คือ กระท่อมน้อยบนยอดเขาสูงชันลิบลิ่วที่มีทางขึ้นลงด้วยลิฟต์แบบพื้นเมือง แต่พระเอกหาทางไปถึงด้วยการร่อนเหินเวหาลงอย่างทุลักทุเลจากเฮลิคอปเตอร์
เรื่องราวชีวิตของคอนราด ออกซ์ฟอร์ด (แฮร์ริส ดิกกินสัน) ลูกชายคนเดียวของดยุคและเลดี้แห่งออกซ์ฟอร์ด ซึ่งเราติดตามมาตั้งแต่ตอนต้นของหนัง ออกจะมีน้ำหนักของดรามาที่ชวนสะเทือนใจและเปลี่ยนโทนของหนังเหมือนเป็นคนละขั้วกับเรื่องราวดั้งเดิมที่เป็นเรื่องหยิกแกมหยอก
ทั้งหลายทั้งปวงทำให้ความสำคัญและความน่าสนใจของ “อัศวินโต๊ะกลม” -ตามที่บุคลากรสำคัญในองค์กรลับแห่งนี้มีชื่อเรียกตามตัวละครในยุคคาเมล็อต ไม่ว่าจะเป็นอาร์เธอร์ ลานซล็อต เมอร์ลิน กาลาฮัด ฯลฯ-ลดลงไปมากทีเดียว
อ้อ ตอนจบมีบุคคลในประวัติศาสตร์โผล่ออกมาในฐานอภิมหาวายร้ายในประวัติศาสตร์โลกต่อไป…
…ในตัวของเลนินและ…แน่นอนค่ะ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์…