หักดัง ‘เป๊าะ’ ‘บ้านใหญ่-บ้านใหม่’ สะบั้นสัมพันธ์ แยกทางเดิน สะเทือน ‘พปชร.’/บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

หักดัง ‘เป๊าะ’

‘บ้านใหญ่-บ้านใหม่’ สะบั้นสัมพันธ์

แยกทางเดิน

สะเทือน ‘พปชร.’

 

บ้านใหญ่ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี กลายเป็นวิวาทะดังระดับชาติรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะจู่ๆ นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองพัทยา พี่ใหญ่ของตระกูลคุณปลื้ม ก็ใช้ เฟซบุ๊กซึ่งปกติจะไม่ค่อยโพสต์เรื่องการเมือง โพสต์ข้อความซัดพวกทรยศในพรรคพลังประชารัฐ ทำเอาคอการเมืองตกอกตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะไม่ค่อยเคยเห็นตระกูลคุณปลื้มออกมาเปิดหน้าชน ลั่นวิวาทะกับใครตรงไปตรงมาขนาดนี้มาก่อน

ที่จริงก่อนหน้านี้ไม่นาน มีข่าวว่าตระกูลคุณปลื้ม บ้านใหญ่จังหวัดชลบุรี จะย้ายออกจากพรรคพลังประชารัฐ ไปอยู่กับพรรคสร้างอนาคตไทย ที่มีนายอุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นหัวหน้า ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปนั้น

ต่อมาวันที่ 16 กุมภาพันธ์ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมออกมาดับข่าวลือการย้ายไปอยู่พรรคสร้างอนาคตไทย โดยระบุว่าการเลือกตั้งครั้งหน้ายังอีกนาน ตอนนี้ขอโฟกัสเรื่องงาน โดยก็ไม่ได้ส่งเสียงปฏิเสธชัดเจน ยิ่งทำให้เกิดความสงสัย

หนึ่งวันต่อมา สนธยา คุณปลื้ม ในฐานะพี่ใหญ่ ออกมาโพสต์ข้อความ ระบุว่ามีคนของพรรคพลังประชารัฐประกาศจะหาคนมาลง ส.ส.ชลบุรีครบทุกเขต ตนเองจึงไปถามผู้ใหญ่ของพรรค ได้รับคำตอบว่า “มันก็อยากจะสร้างอาณาจักรของมัน อย่าไปสนใจ”

“คนชลบุรีรักใครรักจริง คบใครคบจริง เราเป็นแบบนี้กันมาตลอด นับญาติกันมาตั้งแต่เกิด แต่กับการทรยศ หักหลัง เราก็จะไม่นิ่งเฉย” นายสนธยากล่าว ทิ้งข้อความที่ค่อนข้างแรงไว้

เกิดคำถามจากสังคมว่า ที่คำว่า “มัน” คนนั้นคือใคร

 

วันเดียวกันนั้นมีรายงานข่าวจากจังหวัดชลบุรีว่า จากกรณีการคำนวณเขตพื้นที่กับจำนวนประชากรใหม่ ชลบุรีจะมี ส.ส.เพิ่มเป็น 10 คน นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เตรียมวางตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง 10 เขต นั่นคือเหตุผลที่สร้างความไม่พอใจแก่ฐานการเมืองบ้านใหญ่ จ.ชลบุรี

มีรายงานข่าวจากคนใกล้ชิดนายสุชาติเปิดเผยว่า นายสุชาติส่งตัวแทนไปเจรจาต่อรองกับฝ่ายการเมืองบ้านใหญ่ จ.ชลบุรี ขอส่งผู้สมัคร 5 เขต และให้ฝั่งการเมืองบ้านใหญ่ลงแข่งขัน 5 เขต โดยไม่สนใจโควต้ารัฐมนตรี ฝ่ายบ้านใหญ่พิจารณาแต่ถูกปฏิเสธ เนื่องจากฝั่งบ้านใหญ่ต้องการส่งทีมผู้สมัครทั้ง 10 เขต

18 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังนายสุชาติถึงต้นตอวิวาทะที่เกิดขึ้น นายสุชาติไม่ตอบตรงๆ แต่ยกพงศาวดารจีน ทำนองว่า เป็นขุนศึกที่จงรักภักดีตั้งใจรบให้แม่ทัพ แต่วันหนึ่งแม่ทัพเป็นอัลไซเมอร์ สัญญาอะไรไว้ลืมทุกอย่าง บังเอิญเจ้าเมืองมาเห็นขุนศึกเป็นคนเก่งเลยปูนบําเหน็จให้ จึงจำเป็นต้องทำงานให้กับเจ้าเมืองที่เห็นคุณค่า ดีกว่าทำงานให้แม่ทัพที่เป็นอัลไซเมอร์

“ผมไม่ได้เป็นหมา แต่ผมเลี้ยงหมา หมามันรักเจ้านาย และรักลูกเจ้านายด้วย แต่เจ้านายได้จากไปแล้วก็ยังรัก แต่อยู่ด้วยกันแล้ว หมามันโดนทำร้าย ปล่อยทิ้งปล่อยขว้างบ้าง หมาไม่มีทิ้งเจ้าของ มีแต่เจ้าของเอาไปทิ้งปล่อยวัด” นายสุชาติกล่าว

นั่นคือถ้อยคำของนายสุชาติที่สะท้อนความไม่ยอม และยืนยันว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นถูกต้อง

นายสุชาติทิ้งข้อความว่า “ถ้ามันถึงขนาดนี้ ก็ต่างคนต่างเดินก็แค่นั้นเอง” พร้อมระบุว่าหัวหน้าดำริให้จัดให้ครบ แต่ตนเองจะเว้นเขตให้ ยืนยันจะไม่แข่งกับลูกเจ้านาย แต่ถ้าเขาแข่งตนก็พร้อมแข่ง

 

นายสุชาติให้สัมภาษณ์ในวันเดียวกันที่รัฐสภา ยืนยันชัดเจนว่าไม่ขอเคลียร์ วางผู้สมัครไว้หมดแล้ว ให้ประชาชนเป็นคนตัดสินเอง พร้อมทิ้งข้อความขู่ว่า ถ้าอีกฝั่งยังไม่จบก็จะมีนิทานภาค 2 ต่อไปเรื่อยๆ

ผู้สื่อข่าวจึงจ่อไมค์ไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ครั้งแรกที่ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์มองว่าเป็นเรื่องผู้ชายคุยกันขอให้แก้ไขปัญหากันเอง

ท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์มองว่าปัญหาคงจะคลี่คลายโดยเร็ว แต่เรื่องก็ไม่จบง่ายๆ เรื่องนี้ใหญ่ในระดับที่ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐจังหวัดชลบุรีหลายคนเองก็ยังไม่กล้าออกตัวมาก ขออยู่ตรงกลาง เคารพทั้งสองฝ่าย

19 กุมภาพันธ์ มีท่าทีจากพรรคพลังชล คือนายสุระ เตชะทัต เลขาธิการของพรรคยืนยันว่าพรรคพลังชลจะส่งครบทั้ง 10 เขต พร้อมส่งเสียงเตือนไปยังนายสุชาติว่าขอให้พูดความจริงอย่าบิดเบือน อย่าลืมว่าช่วงที่เคยเจอมรสุม ใครช่วยไว้ ก่อนทิ้งข้อความว่า คนชลบุรีเลือกคนที่กตัญญู ไม่เลือกคนที่รู้ที่ไป แต่ลืมที่มา

อีกวันถัดมา มีความเคลื่อนไหวจากฝั่งนายสุชาติ ประชาชนนับพันคนเข้าไปแล้วให้กำลังใจนายสุชาติที่บ้านพัก เป็นการแสดงพลังของฝั่งนายสุชาติ เปิดหน้าแกนนำชุมชนท้องถิ่นที่สนับสนุนในชาติว่ามีจำนวนไม่น้อย เพิ่มขึ้นมากเรื่อยๆ

ทั้งยังทิ้งคำถามไปยังชาวชลบุรีว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเลือกการเปลี่ยนแปลงหรือจะเลือกแบบเดิมที่ไม่มีการพัฒนา

 

สถานการณ์ดูจะจบยาก ร้อนถึงทำเนียบรัฐบาลต้องออกมาเบรกเรื่องนี้เป็นครั้งที่ 2

มีรายงานข่าวจากรัฐสภา แจ้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้พูดคุยกับนายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพื่อสอบถามถึงสาเหตุความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างนายสนธยา กับนายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี และ ผอ.พรรค พปชร.อย่างละเอียด ว่าต้นสายปลายเหตุเป็นมาอย่างไร

นายสรวุฒิได้เล่ารายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้นให้นายกฯ รับทราบ นายกรัฐมนตรีรับฟัง แต่ไม่ได้มีความกังวลใดๆ พร้อมกล่าวว่า “เดี๋ยวพี่จัดการเอง”

ซึ่งต่อมานายกฯ ให้สัมภาษณ์ปฏิเสธ ยืนยันว่าไม่ได้สั่งใคร แต่มันเป็นเรื่องความรักสามัคคี อยู่พรรคเดียวกันก็ต้องคุยกัน “ตอนนี้เขาคุยกันเองอยู่มั้ง” นายกฯ กล่าวทิ้งท้าย

ถัดจากนั้นหนึ่งวันจึงมีสัญญาณจากฝั่งนายสนธยา ออกมาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ที่เป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้น แม้ท่าทีจะเบาลง แต่ก็ยังส่งสัญญาณเตือนไปยังนายสุชาติขอให้พูดความจริง อย่ามาเล่านิทาน ทุกคำถามที่ตอบกับผู้สื่อข่าวนายสนธยาจะย้ำเรื่องขอให้นายสุชาติพูดเรื่องจริงอย่าบิดเบือน ก่อนโยนไปที่คนชลบุรีรู้ว่าใครทำงานในพื้นที่จริง ทุกอย่างเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ประชาชนจะตัดสิน

นี่คือสัญญาณล่าสุดจากฝั่งบ้านใหญ่ที่ดูเหมือนจะจบแต่ก็ทิ้งกลิ่นของการไม่ยอมไว้เล็กน้อย

ขณะที่สัญญาณจากฝั่งนายสุชาติ หลังจากนั้นก็คือการยืนยันว่าไม่มีปัญหากับนายสนธยา โดยเปรียบเสมือนว่าเป็นพี่น้องทางการเมืองที่คลานตามกันมา พร้อมชี้ไปที่ปัญหาเกิดขึ้นทั้งหมดว่าอาจจะมีคนข้างๆ คอยพูดให้เกิดความขัดแย้งจนบานปลายถึงวันนี้

ท่าทีนายสุชาติเหมือนกับเบาลง

แต่ก็ทิ้งคำประกาศไว้เหมือนกันว่าแต่ “ถ้าอยู่คนละพรรคก็จะแข่ง สู้กันอย่างเต็มที่”

 

นี่คือปมความขัดแย้งล่าสุด ที่พึ่งจะคลี่คลายลงไป ที่จริงแล้วพื้นที่รู้กันดีว่า ความขัดแย้งมันสะสมมานานมากกว่า 2 ปีแล้ว

ชนวนเหตุเริ่มแรกของความเปลี่ยนแปลง-การขัดแย้งของบ้านใหญ่ชลบุรี กับกลุ่มของนายสุชาติ ซึ่งถือเป็นกลุ่มก้อนทางอำนาจใหม่ เริ่มจากการเลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2562 ในครั้งนั้น พื้นที่จังหวัดชลบุรี พรรคพลังประชารัฐได้ ส.ส. 5 คน โดยผู้สมัครที่สังกัดบ้านใหญ่คุณปลื้มสอบตกทั้งหมด กลุ่มของนายสุชาติเข้ามาได้หลายคน แต่ตำแหน่งรัฐมนตรีกลับตกเป็นของบ้านใหญ่

นายสุชาติจึงสร้างเส้นทางทางการเมืองของตัวเองในพรรคพลังประชารัฐ และด้วยความสัมพันธ์อันดีกลับบ้านป่ารอยต่อฯ ตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานจึงเป็นของนายสุชาติในเวลาต่อมา

ถัดจากนั้น ในการเลือกตั้งท้องถิ่น นายสุชาติก็เริ่มประลองกำลังกลับบ้านใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการส่งผู้สมัครสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ในหลายอำเภอ โดยเฉพาะการเลือกตั้งเทศบาลเมื่อต้นปี 2564 ในเขตเมืองชลบุรีมี 6 เทศบาลสำคัญ กลุ่มของนายสุชาติสามารถกวาดที่นั่งนายกเทศมนตรีได้ถึง 4 เทศบาล ขณะที่ฝั่งบ้านใหญ่คุณปลื้มได้เพียง 2 เทศบาล โดยหนึ่งในสองก็คือเทศบาลแสนสุข ซึ่งกลุ่มนายสุชาติไม่ส่งผู้สมัครแข่ง

นั่นคือที่มาที่พอจะบอกได้ว่า ศึกบ้านใหญ่-บ้านใหม่ ในชลบุรี ไม่จบง่ายๆ แน่ จับตาเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้า ได้เห็นการประลองกำลังอย่างหนักแน่นอน