โผทหารขยับ! ‘บิ๊กแก้ว’ จัดทัพเสือป่า รับภารกิจ ว.5 จับตา ‘บิ๊กบี้’ ทัพกรุง-ทัพใต้ ทัพเรือมีคลื่น / รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

โผทหารขยับ!

‘บิ๊กแก้ว’ จัดทัพเสือป่า

รับภารกิจ ว.5

จับตา ‘บิ๊กบี้’ ทัพกรุง-ทัพใต้

ทัพเรือมีคลื่น

บิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้รับบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลกลางปีนี้ มาไว้ในมือแล้ว ตั้งแต่ 14 กุมภาพันธ์ 2565

แต่ในส่วน ทบ. บิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธุ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. มีการแก้ไขบัญชีรายชื่อเจ้ากรมกำลังพล ทบ.ใหม่ หลังเจ้ากรมหมึก พล.ท.มานัสชัย ศรีประจันทร์ เพิ่ง เสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

มีกำหนดจะส่งให้ บก.ทัพไทยภายในสัปดาห์นี้ และจะส่งให้บิ๊กหน่อย พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ ปลัดกลาโหม ทันที ภายใน 25 กุมภาพันธ์ 2565

ทั้งนี้ ได้รับนโยบายจากบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในการจัดทำให้รอบคอบ และโยกย้ายน้อยที่สุด เท่าที่จำเป็น

ดังนั้น ในการประชุมสภากลาโหม เมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2565 จึงยังไม่มีการนัดหมายให้ พล.อ.ประยุทธ์ประชุมบอร์ดโยกย้ายทหารหรือ 7 เสือกลาโหม อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ประชุมผ่านระบบ VTC ด้วย จึงจะมีการนัดประชุมในราวต้นเดือนมีนาคมนี้ ก่อนที่จะให้ ผบ.เหล่าทัพลงนามในบัญชีรายชื่อโยกย้าย เพื่อส่งให้นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯ

พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย, พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์

แต่มีการจับตามองว่า ในการประชุม 7 เสือกลาโหมที่ พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นประธานนั้น ในส่วนของ ทร. บิ๊กเฒ่า พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผบ.ทร. จะมีการหารือในการโยกย้ายที่ไม่เป็นไปตามธรรมเนียมประเพณี หรือไม่

หลังมีข่าวสะพัดว่า พล.ร.อ.สมประสงค์ต้องการดึงบิ๊กจอร์ช พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ (ตท.22) รองเสนาธิการทหาร กลับกองทัพเรือ เพื่อเตรียมไปเป็น ผบ.ทร.คนใหม่ ต่อจากตนเอง ที่จะเกษียณ 30 กันยายนนี้

กระแสข่าวในกองทัพไทยระบุว่า พล.ร.อ.สมประสงค์ได้เกริ่นเรื่องนี้กับ พล.อ.เฉลิมพลแล้ว แต่ ผบ.ทหารสูงสุดยังไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องโยกย้ายกลางปี

หาก พล.ร.อ.สมประสงค์ต้องการเช่นนั้น ก็ให้พิจารณาในการแต่งตั้งโยกย้ายปลายปี ที่มีการขยับหลายตำแหน่ง เพราะหากทำในเวลานี้จะเกิดปัญหาสำหรับนายทหารเรือที่จะมาเป็นรองเสธ.ทหารแทน

แต่อย่างไรก็ตาม ก็ไม่เคยมีปรากฏมาก่อนที่รองเสธ.ทหาร จะข้ามมาเสียบเป็น ผบ.ทร. ยกเว้นเสียแต่ว่ามีความอาวุโสสูงสุดในระดับพลเรือเอก

ซึ่งแตกต่างจากเมื่อครั้งที่ พล.ร.อ.สมประสงค์ข้ามจากรองปลัดกลาโหม มาเป็น ผบ.ทร. เพราะอาวุโส อัตราพลเรือเอกพิเศษ สูงที่สุด จึงกลับมาเป็น ผบ.ทร.แบบไร้เสียงค้าน

ดังนั้น จึงรอวัดใจ พล.ร.อ.สมประสงค์ ในกรณี พล.ร.อ.เชิงชาย ว่าจะตัดสินใจอย่างไร

พลเรือเอก สุทธินันท์ สมานรักษ์, พลเรือเอก ธีรกุล กาญจนะ

แม้จะมีแคนดิเดต ผบ.ทร.ถึง 4 คน ทั้งบิ๊กโต้ง พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ (ตท.21) รอง ผบ.ทร. ที่ครองอาวุโสพลเรือเอกพิเศษ และบิ๊กปู พล.ร.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ (ตท.22) ผช.ผบ.ทร. บิ๊กแจ็ค พล.ร.อ.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ (ตท.23) เสธ.ทร. และบิ๊กวิน พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข (ตท.25) ผบ.กองเรือยุทธการ ก็ตาม แต่ดูเหมือนไม่ถูกใจ พล.ร.อ.สมประสงค์

เพราะทั้ง พล.ร.อ.ธีรกุล พล.ร.อ.สุทธินันท์ และ พล.ร.อ.เถลิงศักดิ์ ถูกมองว่า บิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีต ผบ.ทร.ดันขึ้นมาวางตัวไว้ ซึ่ง พล.ร.อ.สมประสงค์นั้นมีปัญหาทางใจกับ พล.ร.อ.ลือชัย

แต่หากพิจารณาความชอบธรรม พล.ร.อ.ธีรกุล อาวุโสสูงสุดและเป็นรอง ผบ.ทร. ครองอัตราพลเรือเอกพิเศษแล้ว และผ่านทั้งปลัดบัญชีทหารเรือ และเสนาธิการทหารเรือ

อีกทั้งเคยได้รับการเสนอชื่อให้เป็น ผบ.ทร.คนใหม่ ในยุคที่บิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน เป็น ผบ.ทร. แต่เป็นที่รู้กันว่าเป็นการเสนอพอเป็นพิธี ในฐานะที่ พล.ร.อ.ธีรกุลเป็น “คนใน” ทร.

เพราะ ผบ.ทร.จะไปเสนอชื่อคนนอกอย่าง พล.ร.อ.สมประสงค์ รองปลัดกลาโหม ได้อย่างไร จึงต้องเสนอชื่อ พล.ร.อ.ธีรกุล

แต่เป็นที่รู้กันว่า ในที่สุด พล.ร.อ.ชาติชายก็ต้องยอมให้ พล.ร.อ.สมประสงค์เป็น ผบ.ทร. เพราะเป็นเพื่อนรักเตรียมทหาร 20 ด้วยกัน แต่เพียงต้องทำตามขั้นตอนในการเสนอคนใน จึงต้องมีการวางแผนร่วมกับ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกลาโหม เพื่อน ตท.20 ในขณะนั้น จะให้กลาโหมเป็นคนเสนอชื่อ พล.ร.อ.สมประสงค์ โดยที่ พล.ร.อ.ชาติชายก็ไม่คัดค้าน ยอมเปลี่ยนจาก พล.ร.อ.ธีรกุล เป็นชื่อของ พล.ร.อ.สมประสงค์ เป็น ผบ.ทร.นั่นเอง

ในเวลานี้ พล.ร.อ.ธีรกุลจึงก้มหน้าก้มตาทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ แม้งานจะน้อยลงกว่าตอนเป็นเสธ.ทร.มากก็ตาม

พลเรือเอกเถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์, พลเรือเอกสุวิน แจ้งยอดสุข

แต่ด้วยรู้กันดีถึงความรู้สึกที่ พล.ร.อ.สมประสงค์มีต่อ พล.ร.อ.ลือชัย และนายทหารที่สนิทสนมใกล้ชิด จึงทำให้มีระยะห่างทางใจของ พล.ร.อ.สมประสงค์ และแคนดิเดต ผบ.ทร. ทั้ง พล.ร.อ.ธีรกุล และ พล.ร.อ.สุทธินันท์

แต่สำหรับ พล.ร.อ.เถลิงศักดิ์นั้น แม้ พล.ร.อ.ลือชัยจะหนุนเนื่องขึ้นมา แต่เมื่อเป็นเสธ.ทร. พล.ร.อ.สมประสงค์ก็ยังต้องทำงานใกล้ชิด และสั่งงาน มอบหมายงาน จึงทำให้บรรยากาศในกองทัพเรือไม่สู้ดีนัก

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าในที่สุด พล.ร.อ.สมประสงค์จะดึง พล.ร.อ.เชิงชายกลับมากองทัพเรือ หรือไม่ก็ตาม

แต่ในโผโยกย้ายนี้ พล.ร.อ.สมประสงค์ก็มีการดึงตัวนายทหารหลายคนมาลงตำแหน่งสำคัญ เพื่อเตรียมปั้นให้เป็น ผบ.ทร.ในอนาคต รวมทั้งโยกย้ายหลายตำแหน่งที่ พล.ร.อ.ลือชัย และ พล.ร.อ.ชาติชายแต่งตั้งไว้

แม้จะถือเป็นอำนาจ ผบ.ทร. และ พล.ร.อ.สมประสงค์ก็มีเหตุผลของตนเองก็ตาม แต่ก็ทำให้โผโยกย้ายครั้งนี้ ในส่วนของ ทร.เริ่มมีคลื่น

พลโทธิรา แดหรา,พลตรี อุทิศ อนันตรัตนานนท์

ขณะที่เก้าอี้ผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัย (ผบ.ศรภ.) นั้น ชื่อของเสธ.มล พล.ท.วิมล คำอิ่ม (ตท.26) อดีตผู้บัญชาการหน่วยข่าวกองทางทหาร (ผบ.ขกท.) มาแรง

ด้วยเพราะรู้กันดีว่า พล.ท.วิมลเป็นทหารเหล่าข่าว และทำงานข่าวกรองมาตั้งแต่เรียนจบก็มาอยู่ ขกท.เลย จนเรียกได้ว่า มีเลือดทหารการข่าวเต็มกาย รอบรู้งานด้านการข่าวเป็นอย่างดี เพราะเกาะติดมาตลอด

ปัจจุบัน พล.ท.วิมลเป็นผู้อำนวยการสำนักการข่าว สำนักงานปฏิบัติภารกิจรักษาความมั่นคงภายใน (ปรมน.) และทำหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักการข่าว กอ.รมน. อีกหน้าที่หนึ่งด้วย

และเป็นทีมการข่าวสายความมั่นคง ที่ต้องไปประชุมความมั่นคงและประชาคมข่าวกรอง กับบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ทุกสัปดาห์

ที่สำคัญ ทำงานการข่าว ความเคลื่อนไหวของขบวนการต่อต้านสถาบัน และกลุ่มม็อบต่างๆ มาต่อเนื่องด้วย

ผบ.ศรภ. เจ้าบ้านเลขที่ 17 รามอินทรา จึงมีความสำคัญยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ใช่แค่เพราะประเทศไทยกำลังจะเป็นเจ้าภาพประชุม APEC 2022 ที่มีการประชุมย่อยตลอดทั้งปี และโดยเฉพาะผู้นำชาติต่างๆ จะมาประชุมที่กรุงเทพฯ ในเดือนพฤศจิกายนนี้เท่านั้น ที่ ศรภ.จะต้องรับผิดชอบการดูแลความปลอดภัยเท่านั้น

แต่เพราะต้องคุมหน่วยข่าวกรองสำคัญ หรือที่เรียกว่า เป็นหน่วย CIA ของกองทัพไทย และต้องทำงานข่าวกรอง ข่าวลับ และการปกป้องสถาบัน ถวายการอารักขาสถาบันพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ ในการเสด็จพระราชดำเนินในพระราชกรณียกิจต่างๆ ด้วย

พลตรีไพศาล หนูสังข์,พลตรี ศานติ สกุนตนาค

ขณะที่บิ๊กน้อย พล.ท.วัฒนะ พลจันทร์ ผบ.ศรภ. (ตท.21) ที่จะเกษียณราชการ ก็ต้องขยับไปเป็นพลเอก ได้เสนอชื่อบิ๊กอ้อ พล.ต.ทวีศักดิ์ มณีวงศ์ (ตท.24) ที่เป็นรอง ผบ.ศรภ. อยู่ ขึ้นเป็น ผบ.ศรภ.คนใหม่

เพราะได้วางตัวกันไว้แล้ว เพราะ พล.ต.ทวีศักดิ์ก็เพิ่งย้ายจากรอง ผอ.ศูนย์ประสานงานการปฏิบัติที่ 3 กอ.รมน. มาเป็นรอง ผบ.ศรภ. เมื่อโยกย้ายเมษายน 2564 เพราะ พล.ต.ทวีศักดิ์เคยเป็นรองเสนาธิการ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (รองเสธ.นสศ.) เป็นทหารหมวกแดงรบพิเศษ เช่นเดียวกับ พล.ท.วัฒนะ

ดังนั้น หาก พล.ท.วิมลข้ามจาก ปรมน. มาเป็น ผบ.ศรภ. ก็จะต้องมีการขยับทั้ง พล.ต.ทวีศักดิ์ รอง ผบ.ศรภ. รุ่นพี่ ตท.24 และ พล.ต.จตุรพร สุนทรนนท์ รุ่นพี่ ตท.25 เสธ.ศรภ.

พล.อ.เฉลิมพลจึงไม่ได้ตัดสินใจจากแคนดิเดตใน บก.ทัพไทยเท่านั้น แต่จะหารือร่วมกับบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. และบิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ตัดสินใจเลือก ผบ.ศรภ.คนใหม่ ที่เป็นหน่วยข่าวกรองของประเทศ

จึงมีแนวโน้มว่า พล.ท.วิมลจะเป็นแคนดิเดตที่มีผู้สนับสนุนในสายงานการข่าวมากที่สุด

พลโท วิมล คำอื่ม

ขณะที่กองทัพบก พล.อ.ณรงค์พันธ์ตัดปัญหาความวุ่นวาย ด้วยการยังไม่ขยับบิ๊กหลอด พล.ต.ฐกัด หลอดศิริ (ตท.24) รองแม่ทัพภาคที่ 1 ที่เดิมจะขึ้นพลโท รองเสธ.ทบ. เนื่องจากมีการขยับตำแหน่งรองเสธ.ทบ. และ ผบ.มทบ.หลายตำแหน่ง ที่ส่วนใหญ่เป็นเพื่อน ตท.22 ของ พล.อ.ณรงค์พันธ์

หาก พล.ต.ฐกัดไม่ได้ขึ้นพลโทในโผนี้ โอกาสที่จะเกษียณพลเอกก็น้อยลง เพราะจะเกษียณกันยายน 2566 นี้แล้ว ยกเว้นตุลาคมนี้จะให้ขึ้นเป็นพลโท 6 เดือน และ พลเอก 6 เดือนก่อนเกษียณ

เพราะแค่มีข่าวว่าจะขยับรองแม่ทัพภาคที่ 1 ก็เกิดความเคลื่อนไหวในการชิงเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 และผู้บัญชาการกองพล ที่จะว่างลง

เพราะจะเป็นคิวของบิ๊กใหญ่ พล.ต.อมฤต บุญสุยา (ตท.27) ผบ.พล.ร.2 รอ. สายทหารเสือราชินี จะขยับขึ้นมาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 เข้าไลน์ชิงแม่ทัพภาคที่ 1 ในอนาคต

โดยมี พ.อ.เสกสรรค์ พรหมศักดิ์ (ตท.28) รอง ผบ.พล.ร.2 รอ. จ่อคิวอยู่ ที่จะขึ้น ผบ.พล.ร.2 รอ. ที่ถือว่ามีความชอบธรรมที่สุด

แม้ ตท.28 จะส่งชื่อรองแอ้ม พ.อ.ณัฐเดช จันทรางศุ รอง ผบ.พล.1 รอ. มาเป็นแคนดิเดต แต่ทว่า พ.อ.ณัฐเดชไม่เคยอยู่ พล.ร.2 รอ. แต่เติบโตมาจาก ร.11 รอ. เคยเป็นผู้หมวดใน ร.11 พัน 2 รอ. ก่อนที่ต่อมาชีวิตหักเหไปอยู่ดุริยางค์ ทบ. และไปเป็นรอง ผบ.มทบ.11 และได้มาเป็นทหารคอแดง รอง ผบ.พล.1 รอ. เมื่อโผที่ผ่านมา หากไปเสียบ ผบ.พล.ร.2 รอ. ก็อาจถูกวิพากษ์วิจารณ์

ขณะที่บิ๊กไก่ พล.ต.วรยส เหลืองสุวรรณ (ตท.28) ผบ.พล.1 รอ. นั่นต้องอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหน เพราะ ผบ.พล.1 รอ. เป็นกำลังหลักของ ฉก.ทม.รอ.904

ดังนั้น หากขยับในโยกย้ายกันยายน ตำแหน่งจะลงตัวมากกว่า เพราะ พ.อ.ณัฐเดชก็จะขึ้นพลตรี ผบ.มทบ.11 ที่เคยอยู่มา ส่วนบิ๊กกอล์ฟ พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์ ผบ.มทบ.11 รอลุ้นเป็น ผบ.พล.ร.9 ต่อจาก พล.ต.บรรยงค์ ทองน่วม หากมีการขยับมากกว่า หรือเป็น ผบ.พล.ร.11 ต่อจากบิ๊กตั้ง พล.ต.ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล (ตท.27) ที่จะขยับขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 1

เพราะหากโผกลางปีโผนี้ พล.ต.อมฤตได้ขยับขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 1 ก็จะได้เปรียบ พล.ต.ธวัชชัยทันที

 

ขณะที่ภาคใต้ แม่ทัพเกรียง พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 เก้าอี้ยังเหนียว แต่ส่งบิ๊กครุฑ พล.ท.ธิรา แดหรา แม่ทัพน้อยที่ 4 เพื่อนรัก ตท.22 ขึ้นพลเอก ไปเตรียมรอเกษียณ แล้วดึง พล.ต.อุทิศ อนันต์รัตนานนท์ (ตท.24) รองแม่ทัพภาค ที่ 4 ขึ้นแม่ทัพน้อยที่ 4 แทน

แต่ไม่ได้หมายความว่า พล.ต.อุทิศจะเป็นเต็งหนึ่งแม่ทัพภาคที่ 4 คนต่อไป เพราะมีข่าวว่า พล.ท.เกรียงไกรจะยังไม่ขยับขึ้นพลเอกโยกย้ายกันยายนนี้ แต่จะนั่งถึงเมษายย 2566 แล้วจึงขึ้นพลเอก 6 เดือนสุดท้ายก่อนเกษียณ ที่จะเป็นจังหวะให้รองต้น พล.ต.ศานติ สกุนตนาค (ตท.25) รองแม่ทัพภาคที่ 4 ขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 4

เพราะรู้กันดีว่า พล.ต.ศานติถูกวางตัวเอาไว้ตั้งแต่ยุคที่บิ๊กเดฟ พล.อ.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ เป็นแม่ทัพภาคที่ 4 แล้ว ต่อด้วย พล.ท.เกรียงไกร

ที่สำคัญ พล.ต.ศานติก็เป็นที่พึงพอใจในการทำงานของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ และยังร่วมกันทั้งสงครามโซเชียล ด้วยการใช้ทวิตเตอร์สู้ด้วยกันอีกด้วย

แต่กระนั้น ชื่อของ พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ตท.25 อีกคน ก็ไม่อาจมองข้ามในเรื่องการทำงาน

โดยโผนี้มีเสธ.แมกซ์ พล.ต.คมกฤช รัตนฉายา (ตท.26) ผบ.มทบ.46/ผบ.ฉก.ปัตตานี ขึ้นมาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 4

อาจเรียกได้ว่า โผโยกย้ายทหารสิงหาคม-กันยายนนี้ ที่จะเปลี่ยนทั้งปลัดกลาโหม ผบ.ทร. ผบ.ทอ.คนใหม่ แม่ทัพ ผบ.พล.ใน ทบ.อีกเพียบ คงจะวุ่นวายไม่น้อยไปกว่าสถานการณ์ทางการเมือง

แถมในเวลานั้น ยังไม่รู้ว่ายังมีนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่อีกหรือไม่