ผ่าทางตันยุบสภา/ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

ผ่าทางตันยุบสภา

 

ก่อนอื่นขอสรุปยอด “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร” ที่เหลือปฏิบัติหน้าที่ทั้งจากเขตเลือกตั้ง และ “บัญชีรายชื่อ” ณ ขณะนี้ก่อน มีจำนวนทั้งสิ้น 475 คน แยกเป็น “พรรคร่วมรัฐบาล” จำนวน 8 พรรค

ประกอบด้วย “พลังประชารัฐ-ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์-ชาติไทยพัฒนา-รวมพลังประชาชาติไทย-พลังท้องถิ่น-เศรษฐกิจใหม่-ชาติพัฒนา-พรรคเล็ก 11 พรรค” รวมยอด 269 เสียง

ขณะที่ฝ่ายค้าน 8 พรรคเช่นเดียวกัน “เพื่อไทย-ก้าวไกล-เสรีรวมไทย-ประชาชาติ-เพื่อชาติ-พลังปวงชนไทย-ไทยศรีวิไลย์-เศรษฐกิจใหม่” ที่แตกเป็น 2 ฝ่าย รวม 210 คน

ตัวเลขจริงอาจจะคลาดเคลื่อน แกว่งไปแกว่งมาบ้าง เนื่องจากมีหลายคนเจออุบัติเหตุทางการเมือง ต้องเลือกตั้งซ่อมแล้วเสร็จไปแล้วหลายเขต และอยู่ระหว่างดำเนินการอีกบางส่วน

ยอดของแต่ละพรรคกระโดดเป็นกุ้งสะดุ้งมะนาว เนื่องจากบางพื้นที่ “เรือล่มในหนอง” เวียนเทียนให้กับพรรคร่วมพวกเดียวกัน ขณะที่ “บางพรรค” ใช้ความต่างของสถานะ กระเป๋าหนัก รวยปะ กินหรูอยู่เฟ่ ติดมอเตอร์ขับลม “ดูด” แบบไม่บันยะบันยัง

สัดส่วนของ “พรรคร่วม” จึงมีอาการ “ปริวรรต” การเคลื่อนที่ หมุนเวียน ไม่สม่ำเสมอ

“พรรคพลังประชารัฐ” หัสเดิมมี ส.ส.อยู่ในสังกัด 118 “ภูมิใจไทย” 51 “ประชาธิปัตย์” 48 “ชาติไทยพัฒนา” 12

“พปชร.” แกนนำแตกดังโพละ “ศัตรูของศัตรูคือมิตร” พี่น้อง เจ้านายจบด้วยหักหลัง กลุ่ม “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ถูกต้นสังกัดมีมติขับ ลบชื่อออกจากสารบบเสีย 21 คน กำลังพลลดเหลือ 97 เสียง

แม้ใครเขาจะมีทางน้ำไหลออก แต่ “ภูมิใจไทย” ของ “เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” เหมือน “บึงใหญ่” มีเฉพาะทางน้ำเข้า แม้ฝนไม่ตกลงมาก็ไม่มีวันเหือดแห้ง…คอนเฟิร์ม

ส.ส.มีแต่ไหลเข้า “ภูมิใจไทย” ตัวเลขกระโดดจาก 51 เป็น 61 ล่าสุด ยอดพุ่งชนเพดานที่ 70 ที่นั่ง แปรสภาพเป็นพรรคลำดับที่ 2 ตัวเลขหายใจรดต้นคอ พปชร.

แต่ “พรรคพี่นอ” ร้อนวิชา เงียบอย่างถูกจังหวะ มองหาสิ่งที่เป็นคุณและรอโอกาส ไม่พูดเยอะ “เจ็บคอ” ถ้า “ภูมิใจไทย” เอาจำนวน ส.ส.ที่เพิ่มขึ้น มาเป็นเงื่อนไขในการขอโควต้าเพิ่ม กับสัดส่วน 19 เสียงที่งอกขึ้นมาใหม่ อย่างน้อยๆ ก็ “2 ว่าการ” ทดแทนกับตัวเลขที่ชำรุดหลุดไปของ พปชร. ย่อมกระทำได้ ตามกฎกติกาของการเมือง

แต่ “ภูมิใจไทย” สงบเยือกเย็นดุจภูผา เดินหมาก เริ่ดสะแมนแตนมาก จะทำอะไรใครก็เกรงอกเกรงใจ ไม่มีใครกล้าหือกล้าอือ

ก่อนหน้านี้ “เสี่ยหนู” นำลูกแถว 7 รัฐมนตรีในสังกัดไม่เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี แสดงจุดยืนเด่นชัด เพื่อทำการบอยคอต “ร่างสัญญาร่วมทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวของ กทม.”

ที่ “ป.ป๊อก-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” มท.1 ดันเข้าพิจารณา จึงเป็นเหตุและปัจจัยต้องเลื่อนโปรแกรมออกไปอีกหนึ่งกระทอก ไม่รู้อนาคตจะออกหัวออกก้อย

ถ้าเป็นเมื่อก่อน โดน “ลุงตู่” ดีดหู “เสี่ยหนู” ย่อมไม่กล้าเล่นบท “ราชสีห์” แต่นาทีนี้เป็นไง ง่ายเหมือนเคี้ยวขนมกรุบ

ล่าสุด “ภูมิใจไทย” รุกคืบอีกหนึ่งขยัก เมื่อ “ศุภชัย โพธิ์สุ” ส.ส.นครพนม ก้าวลงจากบัลลังก์รองประธานสภาผู้แทนราษฎร สวมบท “แมงป่อง” ส่งคำขู่

ประมาณว่า “หากรัฐบาลไม่เห็นชอบพระราชบัญญัติกัญชา…กัญชง พรรคภูมิใจไทยพร้อมจะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลทันที” แม้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ในฐานะหัวหน้าพรรคจะออกมาว้าวเพ้ย ห้ามปราม

แต่จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจขู่ มีปัญหาทางเทคนิค ความเข้าใจผิด หรืออะไรก็ตาม ทำเอา “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ได้แต่อ้าปากหวอ ถามเสียงแผ่วเบา “ใครขู่” ไม่ได้ศอกกลับ หรือมีอะไรมากไปกว่านั้น ถ้าเป็นสมัยก่อน ความอดทด “ลุง” คงแตกกระจาย

 

ขณะที่ “ภูมิใจไทย” ขุมกำลังแกร่งสุดขีด ใช้ความเงียบรอรับความโกลาหล ใช้ความสดรอรับความอ่อนเปลี้ย นี่คือการเดินหมากชั้นเลิศ หันไปดู “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผู้นำรัฐนาวาดูมั่ง

ตามที่ “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เผยผลสำรวจของประชาชน “ยุบสภาเมื่อไรดี” สุ่มตัวอย่างสอบถามระหว่างวันที่ 14-17 กุมภาพันธ์ ร้อยละ 58.79 ระบุว่า “ควรยุบโดยเร็วที่สุด” ร้อยละ 5.18 เห็นว่าควรยุบหลังเป็นเจ้าภาพประชุมเอเปคที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 4.19 เห็นว่าควรยุบก่อนฝ่ายค้านเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจในเดือนพฤษภาคม ร้อยละ 3.81 ให้ยุบหลังกฎหมายลูก 2 ฉบับผ่านสภาแล้วในเดือนกรกฎาคม

และร้อยละ 3.43 ระบุว่าควรยุบสภาหลังจากร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ ผ่านความเห็นชอบจากสภาในเดือนสิงหาคม

ยกยอด “ให้ยุบ” ด้วยไทม์ไลน์ที่แตกต่างกันมารวมเป็น “ข้าวต้มมัด” สัดส่วนเปอร์เซ็นต์ให้ “บิ๊กตู่” ยุบสภา ยอดสูงถึง 70.22

จากการสำรวจในวาระเดียวกัน ร้อยละ 68.09 ซึ่งไม่ใช่ว่าอยากให้ “พล.อ.ประยุทธ์” อยู่ต่อ แต่เป็นสัดส่วนที่ระบุว่า “ลุงตู่ไม่มีแผนยุบสภา วางแผนจะอยู่ให้ควบวาระในปี 2566”

กรณีเช่นว่าทู่ซี้อยู่ต่อ ด้วยการลากยาวจนครบเทอม ขอผ่าทางตันยืนครบยก 4 ปี ก็จะเผชิญหน้ากับปัญหาสารพัด ปี 2565 รับประกันได้เลยว่า “เสือดุ” ยืนแยกเขี้ยว อ้ากรงเล็บรอโฉบขย้ำเหยื่อ อยู่มากมายหลายเรื่องราว

“พล.อ.ประยุทธ์” กะพริบตาไม่ได้แม้วินาทีเดียว ทั้งศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลในเดือนพฤษภาคม ซึ่งมีข่าวว่า “ฝ่ายค้าน” จะเปิดปฏิบัติการในรูปแบบใหม่ เหมาเข่งถล่ม “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เพียงคนเดียว 3 วัน 3 คืน

หากผ่านศึกซักฟอกไปได้ เดือนสิงหาคม “สภาผู้แทนราษฎร” จะพิจารณา “พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี” ตามกรอบรัฐธรรมนูญ 2560 “วุฒิสภา” ไม่สามารถเข้าไปเป็นพี่เลี้ยงได้ “สภาล่าง” ถกกันเพียวๆ สภาเดียว

ฐานเสียงของรัฐบาลเมื่อหักยอดกลุ่ม “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ออกไป 18 เสียง เหลือปริ่มน้ำระดับจะขาดใจตาย

เหนือสิ่งอื่นใด คือปมการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี หลังวันที่ 23 สิงหาคมนี้ งานเข้าคลื่นจะแทรกทันที ว่าจะเริ่มต้นนับหนึ่งครบ 8 ปีวันไหน

สรุป 2565 ปีเสือ พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก “บิ๊กตู่” เต็มไปหมด