หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๑๕)/บทความพิเศษ ฟ้า พูลวรลักษณ์

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ

ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๑๕)

 

มนุษย์เรานั้น

มีความโศกเศร้ากับอดีต

มีความโศกเศร้ากับปัจจุบัน

มีความโศกเศร้ากับอนาคต

นี้เป็นความธรรมดา เพียงแต่อย่ามีความโศกเศร้ากับสิ่งใดมากเกินไป เช่น อย่าไปหมกมุ่นกับอดีต ฉันมีเพื่อนคนหนึ่ง เขาเป็นคนจมอยู่กับความโศกเศร้ากับอดีต ทำให้เขาไม่อยากทำอะไร เชื่องช้า นอนทั้งวัน อ้วน

หรือหากมีใครมีแต่ความโศกเศร้ากับอนาคต ก็ไม่ควรอีกเช่นกัน

เพราะอนาคตเป็นสิ่งที่เราไม่รู้ การที่เราไปโศกเศร้ากับมันเกินควร ก็เป็นกระต่ายตื่นตูม

หรือแม้แต่ความโศกเศร้ากับปัจจุบัน ก็ไม่ควรเช่นกัน เพราะมันทำให้เครียด และแท้จริงแล้ว ปัจจุบันก็ไม่ได้หยุดนิ่ง มันกำลังเคลื่อนผ่านไปเป็นพลวัต

ดังนั้น มนุษย์จึงควรมีความโศกเศร้าพอๆ กันในสามกาลนี้

นี้คือความธรรมดา และนี้คือคำจำกัดความของมนุษย์ เพราะมนุษย์เราเกิดมามีอดีต ปัจจุบัน และอนาคต การมีความโศกเศร้ากระจายออกใกล้เคียงกัน คือความสมควร มันยืนยันให้เห็นว่า จริงซินะ ชีวิตที่แท้จริงต้องมีสามกาลนี้ จะขาดหายไปหนึ่งไม่ได้

เพราะทำให้ชีวิตนี้กลายเป็นความผิดปกติ

 

คนเราสามารถหมกมุ่นกับอะไรก็ได้ หากเขาหมกมุ่นกับอดีต เขามักจะเป็นคนโศกเศร้า เพราะอดีตเป็นสิ่งที่ผ่านไปแล้ว

ส่วนคนที่หมกมุ่นกับอนาคตจะเป็นคนประสาท เพราะอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่รู้ มันจึงมีความเป็นไปได้มากมาย เหมือนต่อสู้กับศัตรูที่มองไม่เห็น ไม่ช้าก็เร็วต้องกลายเป็นคนประสาท

ส่วนคนที่หมกมุ่นกับปัจจุบันก็ไม่ได้ดีไปกว่า เพราะหากเขาหมกมุ่นกับปัจจุบันมากเกินไป จนลืมอดีตและอนาคต ท้ายสุดเขากลับจะไม่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ชีวิตของเขากลับตกอยู่ในความว่างเปล่า

ก่อนตายคุณจะคิดอะไร ฉันไม่รู้ และมนุษย์ที่เคยมีมา พวกเขาคิดอะไรก่อนตาย ฉันก็ไม่รู้ แต่ที่รู้แน่คือมันต้องอยู่ในสามกาล เพราะการที่ชีวิต มีอดีต ปัจจุบัน อนาคต มันทำให้ความตายมีความนิ่มนวลขึ้น ต่อให้คุณไม่ได้รักใครในอดีต ไม่เชื่อในชาติภพ แต่การมีอดีต อนาคต ทำให้ความตายของคุณมีความหมาย นิ่มนวลขึ้น ต่อให้มันเป็นเพียงแค่ในความคิด แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว

คนเราเกิดมา ทำถูกทำผิดอะไรมากมาย นับไม่ถ้วน ฉันไม่เคยเห็นใครมีแต่ถูก หรือมีแต่ผิด

ทุกชีวิตก็มีถูกมีผิด

 

เช่น นโปเลียนบุกรัสเซีย การไปบุกรุกประเทศอื่นซึ่งมีขนาดใหญ่ขนาดนั้น มีประชากรมากขนาดนั้น และเป็นการบุกรุกแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เป็นความผิดมหันต์ ต่อให้เขาเป็นแม่ทัพที่เก่งกาจแค่ไหน ต่อให้รัสเซียอ่อนแอ มีนายพลโง่เขลาปานใด ในที่สุดนโปเลียนก็ต้องแพ้ และแพ้แบบย่อยยับอีกต่างหาก มันเป็นความผิดที่กระทำไม่ได้เลย

หากเขาไหวตัวสักนิด เหตุการณ์ครั้งนั้นก็ไม่เกิด เราจึงเห็นภาพของกองทัพใหญ่ที่ค่อยๆ ถลำลึกลงไปในกับดัก และยังมีฤดูหนาวอันยาวนานรออยู่ข้างหน้า

นโปเลียนเป็นอัจฉริยะจริงไหมนะ นี้คือชัวร์หรือมั่วนิ่ม

ขนาดฮิตเลอร์ที่แข็งแกร่งกว่านโปเลียน มีความพร้อมกว่า ก็กระทำความผิดแบบเดียวกัน และพบจุดจบเหมือนกัน ไม่มีความพร้อมใดจะสามารถลบล้างความผิดมหันต์ขนาดนี้ได้ มันทำให้ฉันผงะ เมื่อเห็นความใหญ่โตของขนาดของความจริง

ในทำนองเดียวกัน คสช.ทำความผิด แม้จะมีขนาดที่เล็กกว่า ที่มาปล้นประชาธิปไตยไปจากคนไทย ต่อให้พวกเขาวางแผนรัดกุมปานใด มีกำลังแข็งแกร่งขนาดไหน พวกเขาก็จะต้องพ่ายแพ้ในที่สุด

ยิ่งอยู่นาน ตัวเองจะยิ่งย่อยยับ ยิ่งสร้างความเสียหายให้เมืองไทยได้มากเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้อายุของการทำรัฐประหารในอนาคตสั้นลง

ผู้รักประชาธิปไตยควรจะอุ่นใจอยู่อย่าง เพราะไม่มีอะไรได้ฟรี ไม่มีอะไรไร้ผลกรรม

หากทหารกลุ่มนี้อยู่นาน และสร้างความเสียหายยาวนาน นี้จะกลายเป็นการทำรัฐประหารครั้งสุดท้าย

 

๑๐

ประชาธิปไตยไม่ใช่ภูมิศาสตร์ ที่ตีออกมาเป็นแผ่นดินกว้างใหญ่ ไม่มีฤดูกาล ให้เห็นว่ามีฤดูหนาวอันยาวนานรอคอยอยู่ แต่มันก็เหมือนกัน เปรียบเทียบกันได้

ตอนแรก คสช.มองไปข้างหน้า เขาเห็นแต่ความอ่อนแอของคนที่รักประชาธิปไตย

หากฝ่ายประชาธิปไตยมีกองทัพสักกองทัพหนุนหลัง พวก คสช.อาจไม่กล้าทำอย่างนั้น แต่นี่ไม่มีเลย มองดูการปล้นประชาธิปไตยครั้งนี้ ช่างง่ายดายเหลือเกิน มองเห็นทางสะดวก นานเป็นสิบปีหรือยี่สิบปี

แต่เมื่อทำจริงแล้ว จึงค่อยรู้สึกตน ว่าแผ่นดินที่เดินอยู่นี้ ไม่ได้ราบเรียบ มันค่อยๆ ถลำลึกลงทีนะนิด ทีละหนึ่งองศา แม้แต่อุณหภูมิก็ค่อยๆ ร้อนขึ้นทีละนิด

ชวนให้คิดถึงกบที่ค่อยๆ ถูกต้มจนสุก มันช้าจนมันไม่รู้สึกตัว

๑๑

และใจมนุษย์ที่ค่อยๆ ขยับตัว เปลี่ยนแปลง การชิงชัง เคียดแค้น กำลังเพิ่มขึ้นทีละนิด เหมือนการจับตัวของน้ำแข็ง ท้ายสุด มันคือการเอาคืน

ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น จะไม่มีใครรอดเลย ทุกคนที่สนับสนุนการปล้นประชาธิปไตยครั้งนี้ จะโดนเอาคืนหมด มันไม่มีเหตุผล มันเป็นเพียงความรู้สึก ไม่ใช่ความถูกผิด แต่มันเป็นผลกรรม

ฉันกำลังคิดถึง กปปส. คุณไพบูลย์ นิติตะวัน คุณวิษณุ เครืองาม คนเหล่านี้ พวกคุณอาจไม่ได้ทำอะไรผิด หากแต่พวกคุณได้ทำกรรม

๑๒

เมื่อฝรั่งเศสรุกรานรัสเซีย พวกเขาคิดว่า นี้เป็นอีกสงครามหนึ่ง เช่นเดียวกับสงครามนับร้อยที่ผ่านมา มีทางออกมากมาย พวกเขาเตรียมตัวจะเจรจา มีการวางแผนมากมาย พร้อมจะประนีประนอม

แต่พวกเขาคิดผิด ยิ่งถลำลึก ยิ่งไกลห่าง ประชาชนชาวรัสเซียอาจรู้สึกตัวอย่างช้าๆ แต่ในที่สุด พวกเขาก็พบว่า ชาวฝรั่งเศสเหล่านี้คือผู้รุกราน ถือสิทธิอะไรมาบุกรุกประเทศของพวกเขา มาปล้นฆ่า ทำร้ายพวกเขา ความรักชาติอย่างแรงกล้าก็ค่อยๆ เกิดขึ้น

และถึงที่สุด เมื่อพวกเขาพร้อมจะสู้ตาย หรือยามแพ้ก็พร้อมจะเผาเมืองหลวง กองทัพฝรั่งเศสเหล่านั้นก็หมดหวัง

 

๑๓

ประชาธิปไตยเป็นสิทธิพื้นฐานของคนไทย เมื่อพวกคุณมาปล้นไปหน้าตาเฉย ด้วยความเสแสร้ง ด้วยการวางแผนการระดับกี่ชั้นก็ช่าง ในที่สุดคนไทยก็จะรู้สึกตน และทนไม่ได้

วันหนึ่ง พวกเขาก็จะสู้ตาย และตอบแทนพวกคุณอย่างสาสม

วันหนึ่ง เวลาแห่งการเจรจาได้หมดลงแล้ว ฉันไม่รู้ว่าวันไหน เพราะทุกอย่างเป็นความต่อเนื่อง มันอาจไม่นานมานี่เอง มันอาจนานเป็นปีมาแล้ว แล้วเพิ่งรู้สึกตัว

๑๔

ชีวิตลึกซึ้ง เพราะมีสามกาล

ความผิดในโลกนี้ลึกซึ้ง เพราะมีบางความผิดล่วงละเมิดไม่ได้

๑๕

วันที่นโปเลียนบุกรัสเซียที่ St. Peterburg ที่ซึ่งมีวัง มีสมาคมของชนชั้นสูง ชนชั้นปัญญาชน จะมีคลับสองคลับ ตรงข้ามกัน คลับหนึ่งจะรักชาติ เกลียดชังชาวฝรั่งเศส อีกคลับหนึ่ง กลับรักและนิยมนโปเลียน คลับหลังนี้มีความคิดว่า ข่าวสงครามที่ได้ยินมาเป็นการใส่ร้ายนโปเลียน เขาต้องการเจรจา เขามาดี เขาจะนำสิ่งดีๆ มากมายมาให้รัสเซีย สงครามไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น สองคลับนี้ มองจากภายนอก มีกำลังใกล้เคียงกัน

๑๖

รอจนถึงวันที่ประชาชนทั่วไปลุกฮือขึ้น พวกเขาไม่ได้ต้องการเหตุผล ไม่ได้สนใจถูกผิด พวกเขารู้สึกแต่ว่า พวกเขาถูกรุกราน ใครกันบังอาจมาเหยียบย่ำแผ่นดินของพวกเขา ทุกอย่างที่เป็นฝรั่งเศสจะน่ารังเกียจ

แม้แต่ภาษาฝรั่งเศส ซึ่งแต่ก่อนนี้ ชาวรัสเซียก็ใช้มันอย่างเพลิดเพลิน อย่างหรูหรา แต่มาบัดนี้ ไม่มีใครควรพูดภาษาฝรั่งเศสแม้แต่คำเดียว

ไม่ต้องพูดถึงคลับที่นิยมชาวฝรั่งเศส วันหนึ่งพวกเขาจะไม่มีแผ่นดินอยู่

 

๑๗

คสช.ยึดประชาธิปไตยไปจากคนไทย

ฝ่ายสนับสนุนจะบอกว่า พวกเขาเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ทำตามกฎหมาย ผิดตรงไหน พวกเขาทำงานดี และดีกว่ารัฐบาลที่ผ่านมาทุกรัฐบาล

จริงหรือไม่ ไม่สำคัญ เมื่อประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้สนใจการเมือง วันหนึ่งพวกเขารู้สึกว่าชีวิตประจำวันของพวกเขาถูกกระทบ ได้รับความเดือดร้อน สิ่งสำคัญที่สุดของพวกเขาโดนปล้นไป

วันนั้นพวกเขาจะลุกฮือขึ้นมาขับไล่ด้วยหัวใจ และหัวใจไม่มีเหตุผล สิ่งที่ถูกเรียบเรียงอย่างดีเพื่อเป็นเหตุผล ก็สูญสลาย

๑๘

หัวใจที่ไม่มีเหตุผลนี้ สำคัญที่สุดในทุกสงคราม มันเป็นตัวกำหนดแพ้ชนะ ไม่ใช่แผนยุทธศาสตร์ ไม่ใช่อาวุธ หรือกองทัพขนาดเท่าไรก็แล้วแต่ ไม่ใช่แม่ทัพที่เก่งกาจ ซึ่งเป็นเพียงสิ่งสมมุติ ในความเป็นจริง ไม่มีแม่ทัพที่เก่งกาจ เพราะไม่มีคำสั่งใดได้รับการตอบสนอง

ไม่มีใครเชื่อฟัง ในวันที่หัวใจเป็นใหญ่