2503 สงครามลับ สงครามลาว (70)/บทความพิเศษ พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

บทความพิเศษ

พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

 

2503 สงครามลับ

สงครามลาว (70)

 

นายพลเหงียน ฮู อัน ผู้กำหนดแผนรุกใหญ่ครั้งนี้ เมื่อครั้งเป็นพันโทได้ทำหน้าที่บัญชาการรบทหารเวียดมินห์ที่นาดรัง (BATTLE OF LA DRANG 14-19 พฤศจิกายน พ.ศ.2508)

ต่อสู้กับกองพันที่ 1 กรมทหารม้าอากาศที่ 7 ซึ่งมีพันโทฮาโรลด์ มัวร์ เป็นผู้บังคับกองพัน

เป็นการยุทธ์เคลื่อนที่ทางอากาศครั้งแรกของทหารสหรัฐ

และต่อมาได้นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ “WE ARE SOLDIERS” โดยเมล กิ๊บสัน อำนวยการสร้างและร่วมแสดงนำ

 

แผนการปฏิบัติ

แผนการปฏิบัติของนายพลเหงียน ฮู อัน กำหนดให้กรม 866 กรม 148 และกองพันแซปเปอร์ 27 เคลื่อนที่แบบปิดลับล่วงหน้าเข้าไปยังพื้นที่ทุ่งไหหินก่อนการเปิดฉากเข้าตีเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ โดยเข้าไปวางตัวในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของแนวสกายไลน์เตรียมเข้าโจมตีเพื่อยึดเมืองซำทองและล่องแจ้ง

สำหรับการเข้าตีด้วยกำลัง 5 กรมเพื่อกวาดล้างพื้นที่ทุ่งไหหินและล่องแจ้ง แบ่งเป็น 2 ขั้นตอน ขั้นที่ 1 แบ่งเป็น “พื้นที่ตอนใต้” และ “พื้นที่ตอนเหนือ” ดังนี้

“พื้นที่ตอนใต้” เป็นด้านเข้าตีหลักโดยกองพล 312 ซึ่งประกอบด้วยกรม 165 กรม 209 และกรม 141 สนับสนุนด้วยกองร้อยรถถังที่ 18 ต่อที่หมายฐานยิงสนับสนุนไลอ้อนและมัสแตง โดยเริ่มด้วยการยิงข่มจากปืนใหญ่ 130 ม.ม.ล่วงหน้า 2 วันก่อนการเข้าตี พร้อมกับเตรียมการเข้าตีตามขั้นตอนการปฏิบัติดังนี้

1. เคลื่อนย้ายกำลังทหารราบและหน่วยแซปเปอร์เข้าประชิดวงรอบป้องกันด้านนอก ทั้งของที่มั่นตั้งรับของทหารราบและฐานยิงสนับสนุน

2. เคลื่อนย้ายที่ตั้งยิงปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานเข้าไปประชิดวงรอบป้องกันถึงชั้นลวดหนามของที่มั่นตั้งรับ

การปิดล้อมเตรียมการก่อนเข้าตีในขั้นนี้จะใช้เวลา 4 วันเพื่อเจาะแนวตั้งรับของข้าศึกให้ได้ก่อนการเข้าตีแตกหักขั้นสุดท้าย โดยมีการสนับสนุนด้วยการยิงปืนใหญ่ เครื่องยิงระเบิด และรถถังอย่างรุนแรงหนาแน่น

ด้านเข้าตีหลักนี้ ที่หมายสำคัญคือฐานยิงสนับสนุนไลอ้อนที่ภูเทิงและที่มั่นตั้งรับของทหารราบที่ให้การระวังป้องกันเป็นความรับผิดชอบของกรม 165 ภายใต้การบังคับบัญชาของพันเอกเหงียน ชวง คู่ศึกทหารไทยที่ “นรกบ้านนา” เมื่อต้นปี 2514

“พื้นที่ตอนเหนือ” เป็นทิศทางเข้าตีรอง โดยกองพล 316 ซึ่งมีกรม 174 และกองร้อยรถถังที่ 9 สนับสนุนด้วยการยิงจากปืนใหญ่ขนาด 122 ม.ม.เพื่อกวาดล้างกำลังทหารม้ง กรม GM 21 จากที่มั่นเคลื่อนที่ในพื้นที่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือ จากนั้นให้เข้าปิดล้อมฐานยิงสนับสนุนคิงคอง และกำลังป้องกันบนยอดภูเก็ง รวมทั้งการจัดวางปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานให้ใกล้แนวลวดหนามป้องกันที่มั่น

การปฏิบัติทั้งสิ้นในขั้นที่ 1 นี้จะใช้เวลา 4 วัน เริ่มจากการเปิดฉากเข้าตีฐานยิงสนับสนุนคิงคองและที่มั่นใกล้เคียงของทหารไทย

ขั้นที่สอง : กรม 866 กรม 148 และกองพันแซปเปอร์ที่ 27 ซึ่งแทรกซึมเข้ามาวางตัวประชิดด้านเหนือของแนวสกายไลน์ก่อนการเข้าตี 1 สัปดาห์ เข้าร่วมกับกรม 165 และกรม 174 (หลังเสร็จภารกิจกวาดล้างกำลังทหารม้งในทุ่งไหหิน) เข้าตีแนวสกายไลน์แล้วรุกเข้าไปยังหุบเขาล่องแจ้ง (โดยมีกำลังกรม 141 เป็นกองหนุน ส่วนกรม 209 และกรม 335 ทำหน้าที่ขนส่งสิ่งอุปกรณ์เพื่อสนับสนุนการรบ) โดยมีสมมุติฐานว่า กำลังส่วนใหญ่ของนายพลวังเปาในทุ่งไหหินจะถูกทำลาย ดังนั้น กองบัญชาการในล่องแจ้งจะมีกำลังป้องกันเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย

กำลังพลทหารเวียดนามเหนือทุกนายให้นำกระสุนและอาหารติดตัวไปด้วยตนเอง

เมื่อจัดทำแผนการรบขั้นต้นทั้งหมดนี้เสร็จสิ้นลงเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2514 นายพลเหงียน ฮู อัน ก็เดินทางกลับฮานอยเพื่อบรรยายสรุปต่อนายพลเกี๊ยปและฝ่ายเสนาธิการ การประชุมจัดขึ้นที่ห้องประชุมเล็กของคณะกรรมมาธิการทหารกลางซึ่งอยู่ชั้นบนของ “ลานมังกร” (Dragon Courtyard) ที่ประชุมให้ความเห็นชอบกับแผนการรบโดยมีการอภิปรายไม่มากนัก

ตอนท้ายการประชุม นายพลเกี๊ยปกล่าวว่า “สหายต้องมั่นใจในชัยชนะเมื่อเปิดฉากเข้าตี ขณะที่จะรุกเข้าล่องแจ้ง ก่อนจะเริ่มเข้าตี ต้องสร้างถนนสำหรับการส่งกำลังและส่งกำลังบำรุงเป็นลำดับแรก”

อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมมีมติระงับแผนในส่วนที่จะส่งกำลังกรม 866 กรม 148 และกองพันแซปเปอร์แทรกซึมเข้าพื้นที่ล่วงหน้า ขณะที่มีความเชื่อมั่นว่า กำลังของนายพลวังเปาในทุ่งไหหินจะถูกกวาดล้างหมดสิ้นจึงจะไม่มีการต่อต้านที่ล่องแจ้ง นายพลอันไม่โต้แย้งในประเด็นนี้ และยังคงเชื่อมั่นว่าแผนการรบนี้จะได้ผล

นอกที่ประชุมที่ฮานอย นายพลอันถูกวิจารณ์ลับหลังว่า มองโลกในแง่ดีเกินไป และไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริงในพื้นที่

ในการสนทนาหลังเลิกประชุมที่โถงทางเดิน สหายจากกองพล 312 บอกอันว่า “อย่าประมาท… สหายรัก เราไม่เพียงแค่จะเข้าตีกำลังของวังเปา แต่รวมถึงอเมริกันและหุ่นเชิดเวียดนามใต้”

 

แผนการรบ บก.ผสม 333

: ตั้งรับแบบคล่องตัว

แนวความคิดในการเตรียมรับศึกครั้งใหม่ที่กำลังจะมาถึงอย่างแน่นอนในอีกไม่นาน มาจากประสบการณ์การรบที่ผ่านมาของฝ่ายเราและข้อเสนอแนะของนายพลวังเปา คือการยืนหยัดตั้งรับอย่างเหนียวแน่นในฐานที่มั่นดัดแปลงแข็งแรง เพื่อให้ข้าศึกต้องรวมตัวในพื้นที่โล่งระหว่างการเข้าตี กลายเป็นเป้าหมายเปิดที่อ่อนแอต่อการถูกโจมตีทั้งด้วยปืนใหญ่และการโจมตีทางอากาศของฝ่ายเราซึ่งได้เปรียบเหนือกว่า แม้ด้านหนึ่งจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อกองกำลังในฐานที่มั่นที่ต้องตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดี

แผนตั้งรับลักษณะนี้ สอดคล้องกับหลักนิยมทางยุทธวิธีในโรงเรียนรบฝ่ายเราที่เรียกกันว่า “การตั้งรับแบบคล่องตัว” หรือ Mobile Defense

นอกจากนั้น ฝ่ายเรายังเห็นว่า ฝ่ายเวียดนามเหนือยังมีจุดอ่อนที่ไม่สามารถทำการรบได้ยืดเยื้อนัก เนื่องจากปัญหาเส้นทางการส่งกำลังบำรุงที่ยาวไกลและยากลำบากทั้งจากสภาพภูมิประเทศและการถูกโจมตีทางอากาศ

หลักนิยมทางทหารที่สำคัญของฝ่ายเวียดนามเหนือด้วยการการรวมกำลังขนาดใหญ่ที่เหนือกว่าเข้าบดขยี้ศัตรูทำให้ต้องการการส่งกำลังบำรุงเพิ่มเติมจำนวนมหาศาล รวมทั้งยุทธวิธีหลักการยิงข่มด้วยอาวุธหนักอย่างรุนแรงเพื่อทำลายที่หมาย

ทำให้เกิดความสิ้นเปลืองกระสุนเป็นอย่างมากและจะนำไปสู่ความขาดแคลนในที่สุดหากการรบยืดเยื้อ จนต้องยกเลิกแผนการเข้าตีและถอนกำลังกลับพร้อมด้วยความสูญเสียอย่างหนักในหลายครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะความล้มเหลวในการปฏิบัติตามแผนยุทธการ 74 B ของกองทัพเวียดนามเหนือเมื่อต้นปี พ.ศ.2514 อันเป็นผลจากการตั้งรับอย่างเหนียวแน่นของทหารไทยทั้งที่บ้านนาและแนวรบหน้าสกายไลน์ที่ฝ่ายเวียดนามเหนือคาดไม่ถึงซึ่งสร้างปัญหาการส่งกำลังบำรุงเพิ่มเติมในการสู้รบที่ยืดเยื้อจนนำไปสู่ความล้มเหลวของฝ่ายเวียดนามเหนือในที่สุด

นายพลวังเปาเสนอแนวความคิดนี้ในการเตรียมรับการรุกครั้งใหม่ของข้าศึก ซึ่งเทพ (พล.ต.วิฑูรย์ ยะสวัสดิ์) รวมทั้งที่ปรึกษาซีไอเอเห็นด้วย

จากนั้นก็เสนอความคิดนี้ต่อไปยังวอชิงตันซึ่งก็ได้รับความเห็นชอบเช่นเดียวกัน และพร้อมจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการเสริมสร้างความแข็งแรงของที่มั่นตั้งรับ รวมทั้งจะให้ความสำคัญสูงสุดในการระดมการโจมตีทางอากาศด้วยเครื่องบินรบกองทัพอากาศทั้งจากฐานบินเวียดนามใต้และประเทศไทยอย่างเต็มที่

ซีไอเอที่อุดรฯ ดำเนินการให้แอร์อเมริกาและทหารช่างสหรัฐสนับสนุนสิ่งอุปกรณ์เพื่อการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับที่มั่นของทหารไทยในทุ่งไหหินอย่างเต็มที่