ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 - 7 กันยายน 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | วิถีแห่งอำนาจ |
ผู้เขียน | เสถียร จันทิมาธร |
เผยแพร่ |
วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร
กำชัย เหนือ แผ่นกระดาษ (102)
การสัประยุทธ์ระหว่างลี้มกโช้วกับปังมิกฮวงนับว่าตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่งแล้ว เพราะแม้จะอยู่ในจุดอันถือว่าได้เปรียบ แต่สภาพของลี้มกโช้วก็ทุลักทุเลอย่างยิ่ง
เสื้อผ้าอาภรณ์ฉีกขาดรุ่งริ่ง กระทั่งเอี้ยก่วยต้องกำนัลอาภรณ์ปิดบังให้
แม้ลี้มกโช้วจะพยายามยืนยันว่าวิทยายุทธ์ตนเหนือกว่าเหล่าศิษย์ของสำนักเกาะดอกท้อ แม้กระทั่งอึ้งย้งก็แทบไม่อยู่ในสายตา
แต่พลันที่เอี้ยก่วยเสนอ
“ท่านบอกว่าประมุขเกาะดอกท้อมีฝีมือเพียงนี้เท่านั้นนับว่าผิดแล้ว ข้าพเจ้าเคยได้ยินอึ้งเต้าจู้เอ่ยถึงเพลงกระบี่ขลุ่ยหยกชุดหนึ่งสามารถทำลายแส้ปัดของท่าน”
กล่าวพลางหยิบฉวยแท่นเหล็กขึ้น ขีดวาดรูปบนพื้น
“ท่วงท่าของท่านนี้จู่โจมทางด้านหน้านับว่ารวดเร็วรุนแรงจริงๆ แต่กระบี่ของอึ้งเต้าจู้ฟันขวางจากที่นี้ท่านจะรั้งกลับไม่ทันการ หากท่านคิดหวดกลับท่ากระบี่นี้จะเร่งจู่โจม หากท่านปาดจุดทางด้านหน้าเขาจะใช้กรงเล็บเสือตะปบส่วนปลายแส้ปัดวกด้ามกระบี่จี้จุดโกยแจบนหัวไหล่ท่าน ท่านนึกถึงกระบวนท่านี้หรือไม่”
เหมือนกับเป็นการวิจารณ์ “เพลงกระบี่” แต่ก็เป็นการวิจารณ์บนพื้นฐานการสัประยุทธ์ที่เป็นจริง
กระบวนท่านี้ช่างเหลือเชื่อจริงๆ แต่ก็ลึกล้ำพิสดาร ท่วงท่าปาดจุดทางด้านหน้าเป็นท่าไม้ตาย 1 ของวิชาแส้ปัดลี้มกโช้ว กระบวนท่าที่เอี้ยก่วยบ่งบรรยายกลับสะกดข่มจนไม่มีปัญญาตีโต้
ได้แต่ละทิ้งแส้ปัด ยอมรับการพ่ายแพ้
“เอ่ยถึงฝ่ามือเบญจพิษของท่าน ประมุขเกาะดอกท้อไว้เล็บนิ้วจะใช้ฝ่ามือนี้ชักจูงท่วงท่ารอจนฝ่ามือของท่านกระแทกถึง อึ้งเต้าจู้จะใช้ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ใช้เล็บนิ้วดีดใส่ใจกลางฝ่ามือท่าน ฝ่ามือของท่านนี้ไยกลับกลายเป็นพิการ ขอเพียงเขาตัดเล็บนิ้วทิ้งพิษบนฝ่ามือของท่านก็ไม่สามารถ่ายทอดเข้าสู่ร่างของเขา”
จากนั้น บ่งบอกบรรยายกระบวนท่าที่สะกดพิชิตวิชาฝีมือของลี้มกโช้วอีก 10 กว่าท่า
“ประมุขเกาะดอกท้อแค้นท่านกล่าวก้าวร้าว ตัวเขาเป็นปรมาจารย์วิชาฝีมือ ไม่จำเป็นต้องลงมือต่อท่านด้วยตนเอง ดังนั้น ถ่ายทอดวิธีการเหล่านี้ต่อข้าพเจ้า สั่งข้าพเจ้าจัดการท่านแทนเขา แต่ข้าพเจ้าหวนนึกถึงท่านกับซือแป๋ข้าพเจ้าสังกัดสำนักอาจารย์เดียวกัน วันนี้จะถ่ายทอดบอกความร้ายกาจของประมุขเกาะดอกท้อต่อท่าน ครั้งหน้าท่านพบพานศิษย์ของเขายังควรหลบลี้หนีหน้าไป”
ลี้มกโช้วรับฟังจนหน้าเปลี่ยนสี แต่ละกระบวนท่าอันมาจากคำพูดของเอี้ยก่วยล้วนสมเหตุสมผล แยบคายสุดที่นางจะต้านทานรับได้จริง รับฟังแล้วนิ่งเงียบงันไปชั่วขณะจึงกล่าว
“แล้วกันไปเถอะ”
กล่าวจบสะบัดหน้าไป ชั่วพริบตาเงาร่างหายลับกับหลังเขา ความรวดเร็วของท่าร่างน้อยครั้งจะพบพานในยุทธจักร
ความจริง อึ้งเอี๊ยะซือแม้ถ่ายทอดวิธีการเหล่านี้ต่อเอี้ยก่วย แต่หากคิดฝึกปรือจนสามารถใช้ออก สยบศัตรู พิชิตชัยอย่างรวดเร็วต้องอีกหลายปีให้หลัง
เอี้ยก่วยใช้วิธีบ่งบอกบรรยายโดยไม่ต้องลงมือ
กลับขู่ขวัญลี้มกโช้วจนยอมรับนับถือทั้งปากและใจ นับแต่นี้ไม่กล้ากล่าววาจาลบหลู่ดูแคลนอึ้งเอี๊ยะซืออีก
“ส่าตั่ง ท่านมีฝีปากดียิ่งแม้แต่ซือแป๋ข้าพเจ้ายังถูกท่านขู่ขวัญจนเตลิดหนีไป”
ตามปกติเล็กบ้อซังตกอยู่ภายใต้อำนาจของลี้มกโช้ว ขอเพียงได้ยินสุ้มเสียง หัวใจก็เต้นระทึกตูมตาม ย่อมดีใจเป็นธรรมดา
ตรงกันข้าม เที้ยเอ็งมีความสะเทือนและเศร้าใจลึกๆ
เพราะว่าชุดยาวที่นางตัดเย็บให้เอี้ยก่วยกลับมอบให้ลี้มกโช้วปกปิดเนื้อกาย เมื่อไม่มีชุดใหม่ก็ปรากฏว่าเป็นเสื้อเก่าขาด อันเป็นเสื้อผ้าที่เซียวเล้งนึ่งตัดให้ สะท้อนเด่นชัดว่าคนที่เอี้ยก่วยไม่เคยลืมเลือนเลยคือเซียวเล้งนึ่งมากกว่า
พ้นจากสถานการณ์คุกคามของลี้มกโช้ว ก็พลันประสบกับการคุกคามใหม่ นั่นคือ การรุกเข้ามาของกองทัพมองโกล
“ทัพใหญ่มองโกลเคลื่อนลงสู่ใต้จริงๆ ชาวฮั่นเราต้องทุกข์ยากลำบากแล้ว”
คำรำพึงจากปักมิกฮวงสะท้อนความคิดรักเผ่าพันธุ์อย่างลึกซึ้ง แต่สิ่งเหล่านี้จะมีผลต่อเอี้ยก่วยมากน้อยเพียงใดเป็นเรื่องที่จะต้องทำความเข้าใจต่อไป
เพราะปัญหาในใจของเอี้ยก่วยยังอยู่ที่ความรับรู้ของส่าโกวเป็นสำคัญ