ผ่าเบื้องหลังชิงเก้าอี้ ‘สกสค.-คุรุสภา’ จับตาท่าที ‘ตรีนุช เทียนทอง’!! / การศึกษา

การศึกษา

 

ผ่าเบื้องหลังชิงเก้าอี้ ‘สกสค.-คุรุสภา’

จับตาท่าที ‘ตรีนุช เทียนทอง’!!

 

การประเมินผลงาน “เลขาธิการคุรุสภา” และ “เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครู (สกสค.)” ที่อีนุงตุงนังมาหลายเดือน ว่ากันว่าตรงใจ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)!!

เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าหลัง “ครูเหน่ง” เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่า ศธ.ก็ตั้งใจล้างขั้วอำนาจเก่า ที่นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ได้วางคนสนิทเอาไว้

โดยเฉพาะนายธนพร สมศรี เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครู (สกสค.) และนายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ เลขาธิการคุรุสภา

เริ่มจากนายดิศกุล ที่ “ไม่ผ่าน” การประเมินสัมฤทธิ์การปฏิบัติงานในรอบปีงบประมาณ พ.ศ.2564 โดยคณะกรรมการคุรุสภาที่มี น.ส.ตรีนุชเป็นประธาน มีมติเห็นชอบผลการประเมินตามที่คณะอนุกรรมการประเมินเสนอ โดยระบุว่าผลการประเมินรอบปีงบประมาณ 2564 เป็นการประเมินครอบคลุมการปฏิบัติงาน แสดงถึงประสิทธิภาพ และประสิทธิผลการปฏิบัติงานของเลขาธิการคุรุสภา แต่ผลการประเมินของนายดิศกุลได้เพียงร้อยละ 59.65 ไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 75

เป็นเหตุให้คณะกรรมการคุรุสภา บอก “เลิกสัญญาจ้าง” นายดิศกุลทันที!!

ขณะที่นายธนพรได้ยื่นหนังสือ “ลาออก” ตามมาติดๆ หลังจากที่ยื้อกันมายาวนาน โดยก่อนหน้านี้ได้ส่งหนังสือคัดค้านการประเมินผลการปฏิบัติงานเลขาธิการ สกสค.เพราะมองว่าเกณฑ์การประเมิน “ไม่เป็นธรรม” มีตัวชี้วัดที่ผิดปกติ และตัดสินใจไม่เข้ารับการประเมิน จนสร้างความปั่นป่วนให้คณะกรรมการ สกสค.ต้องพิจารณาเกณฑ์การประเมินอยู่หลายครั้ง

รวมถึงไปยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อคัดค้านเกณฑ์ที่จะใช้ในการประเมินการปฏิบัติงานของเลขาธิการ สกสค.ว่าไม่เป็นธรรม!!

ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น นายธนพรก็ยื่นหนังสือลาออก ตามหลังนายดิศกุลที่ไม่ผ่านการประเมิน…

นายธนพรให้เหตุผลว่า ขอเสียสละตัวเองด้วยการขอลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการ สกสค.นับจากวันนี้เป็นต้นไป เพื่อแสดงให้เห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่มีธรรมาภิบาล หวังว่าจะเป็นรายสุดท้ายที่จะปลุกสังคมไทยให้ตื่นตัว สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้ระบบราชการมีความยุติธรรม เพื่อพัฒนาประเทศไทยอย่างสร้างสรรค์

 

เป็นที่สังเกตว่านับตั้งแต่ น.ส.ตรีนุชรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ใหม่ๆ ก็มีข่าวลือหนาหูว่ามี “ใบสั่ง” ให้จัดการนายธนพร เริ่มจากแต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลงานใหม่ยกชุด ที่มีนายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร อดีตผู้ตรวจราชการ ศธ.เป็นประธาน

แต่ที่ถูกจับตาอย่างมาก เห็นจะเป็นกรณีที่มีข่าวลือหนาหูว่า น.ส.ตรีนุชถึงขั้นเชิญนายธนพรเข้าไปพูดคุยที่บ้านสวนน้ำ ใน อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว เพื่อขอให้ลงจากตำแหน่งมาแล้ว!!

สอดคล้องกับที่นายดิศกุลออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กหลังพ้นจากตำแหน่งไม่นานว่า “ตกการประเมินเลขาธิการคุรุสภานั้น เป็นเรื่องราวข่าวลือที่ทราบล่วงหน้า เมื่อมีการเปลี่ยนคณะอนุกรรมการประเมินชุดใหม่ ว่ามีธงประเมินให้เลขาธิการคุรุสภา และเลขาธิการ สกสค. “ตก เพื่อให้บุคคลที่มีการ ‘Name’ ชื่อไว้แล้วมาแทน”!!

ว่ากันว่าเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามเกมที่วางไว้ รัฐมนตรีว่าการ ศธ.ได้สั่งการให้นายสุภัทร จำปาทอง ปลัด ศธ.ยกร่างหลักเกณฑ์การสรรหาเลขาธิการ สกสค.และเลขาธิการคุรุสภาใหม่ทันที โดยย้ำชัดเจนว่าต้องสามารถสรรหาผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ตรงตามบริบทของเนื้องานมากที่สุด และให้ทุกอย่างต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์

ซึ่งปลัด ศธ.คาดว่าหลักเกณฑ์การสรรหาใหม่ จะแล้วเสร็จภายในกลางเดือนมีนาคมนี้…

 

แต่ดูท่าเรื่องนี้จะไม่จบง่ายๆ เพราะล่าสุด นายอรรถพล ตรึกตรอง อดีตเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) ได้ยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการ ศธ. ขอเร่งรัดการ “เยียวยา” ตามผลคำพิพากษาศาลปกครอง กรณีการสรรหาเลขาธิการ สกสค.เมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา

นายอรรถพลระบุว่า ศาลปกครองมีคำพิพากษาเพิกถอนเฉพาะส่วน คำสั่งแต่งตั้งให้นายณรงค์ แผ้วพลสง เป็นเลขาธิการ สกสค. โดยคณะกรรมการ สกสค.ที่มีนายณัฏฐพล อดีตรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ในขณะนั้นเป็นประธาน จึงมีมติสรรหาเลขาธิการ สกสค.ใหม่ และให้นายณรงค์สละสิทธิ์ ทั้งที่ศาลมีคำสั่งออกมาแล้วให้เพิกถอนเฉพาะส่วนคำสั่งแต่งตั้งนายณรงค์ไปแล้ว โดยไม่ได้สั่งเพิกถอนกระบวนการสรรหาเลขาธิการ สกสค.ในขณะนั้น

ดังนั้น นายอรรถพลซึ่งมีชื่อเป็น 1 ใน 2 คน ที่ผ่านกระบวนการสรรหามาอย่างถูกต้อง จึงเหลือเพียงรายชื่อเดียวที่จะต้องได้รับการพิจารณาว่าจะได้รับแต่งตั้งเป็นเลขาธิการ สกสค.หรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการ สกสค.ขณะนั้นไม่ได้นำประเด็นนี้ขึ้นมาหารือ แต่กลับให้สรรหาใหม่ และได้นายธนพร สมศรี เป็นเลขาธิการ สกสค.

อย่างไรก็ตาม นายอรรถพลระบุสาเหตุที่ไม่เรียกร้องในเวลานั้น เพราะไม่อยากให้ ศธ.เสียชื่อเสียง เนื่องจากบอบช้ำมาเยอะ จึงไม่ได้คัดค้าน แต่เมื่อตำแหน่งว่างลงแล้ว เพราะคณะกรรมการ สกสค.มีมติเลิกจ้างนายธนพร จึงอยากให้ น.ส.ตรีนุชหยิบเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ สกสค.ว่าจะแต่งตั้งตนเป็นเลขาธิการ สกสค.หรือไม่

“หากไม่เห็นชอบ ก็ต้องมีเหตุผลที่ดีรองรับ เพราะผมได้ผ่านกระบวนการสรรหามาโดยชอบ ทั้งนี้ หากบอร์ด สกสค.มีมติแต่งตั้งผมเป็นเลขาธิการ สกสค.ก็ทำสัญญาจ้างได้ทันทีโดยไม่ต้องสรรหาใหม่” นายอรรถพลระบุ

พร้อมทิ้งท้ายว่า หากคณะกรรมการ สกสค.มีมติไม่แต่งตั้งตนเป็นเลขาธิการ สกสค. จะขอฟังเหตุผลก่อน และพิจารณาอีกครั้งว่าจะขอความเป็นธรรมจากศาลหรือไม่!!

ประเด็นนี้ น.ส.ตรีนุชได้แบ่งรับแบ่งสู้ ขอดูข้อมูล และศึกษารายละเอียดทางกฎหมายก่อน อย่างไรก็ตาม จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยขณะนี้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายไปพิจารณาดูว่าเรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายใดบ้าง เพื่อให้การดำเนินการต่างๆ เป็นไปด้วยความถูกต้อง และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

“เรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับกฎหมายหลายส่วน ทั้งนี้ อะไรที่ทำได้ ก็ยินดีที่จะทำให้ เพื่อให้นายอรรถพลได้รับความเป็นธรรม ส่วนจะนำเรื่องเยียวยานายอรรถพลเข้าหารือกับบอร์ด สกสค.หรือไม่ ขอให้ฝ่ายกฎหมายไปศึกษาข้อมูลให้ชัดเจนก่อน เพื่อที่จะไม่ให้มีข้อผิดพลาดใดๆ” น.ส.ตรีนุชระบุ

 

คงต้องจับตาว่าเรื่องนี้จะมี “บทสรุป” อย่างไร

“ครูเหน่ง” จะคลี่ปมปัญหาที่หลายๆ ฝ่ายโยนว่าเป็น “ผู้ก่อ” ได้หรือไม่

เพราะเห็นชัดเจนว่าเรื่องราวคงจะ “อีนุงตุงนัง” และ “ยืดเยื้อ” ต่อไปอีกนาน

ทั้งนี้ หวังว่าผู้บริหาร และผู้มีอำนาจใน ศธ.จะเลิกเล่นเกม “เก้าอี้ดนตรี” และเร่งสรรหาบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถจริงๆ เข้ามาทำงาน แทนการเล่นพรรคเล่นพวก เพื่อดูแลผลประโยชน์ให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาโดยเร็ว

เพราะหากปล่อยปัญหาทิ้งไว้นาน ครู และบุคลากรทางการศึกษาจำนวนมาก คงต้องรับผลกระทบจาก “เกมการเมือง” ของผู้มีอำนาจ ไม่จบไม่สิ้น!!