การ์ตูนที่รัก/Ballerina

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

การ์ตูนที่รัก/นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

Ballerina

หนังร่วมทุนสร้างฝรั่งเศส-แคนาดา ปี 2016 Ballerina หรือในอีกชื่อหนึ่ง Leap! สนุกเกินคาด ถึงจะไม่ได้เรียนบัลเล่ต์ก็ดูได้

มีปรากฏการณ์แปลกประหลาดเมื่อ Ballerina ได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์ ผู้ชม และทำรายได้ดี ครั้นจัดจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาด้วยชื่อใหม่ Leap! และทีมนักพากย์ใหม่ ยกเว้นนางเอก กลับไม่ได้รับความนิยม นักวิจารณ์ไม่ชอบ และรายได้ฟุบ

นักแสดงวัยรุ่นที่กำลังมา แอล แฟนนิ่ง ซึ่งเพิ่งจะผ่านสายตาบ้านเราไปจากเรื่อง About Ray และ 20th Century Woman มาเป็นผู้ให้เสียง เฟลิซี นางเอกของเรื่อง

เฟลิซีเป็นเด็กหญิงที่เติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักเต้นบัลเล่ต์ หนังเปิดฉากด้วยการเต้นของเธอซึ่งยังไม่ใกล้เคียงบัลเล่ต์เอาเสียเลย เธอมีเพื่อนรักเป็นเด็กชายที่เติบโตมาด้วยกันชื่อ วิกเตอร์ ซึ่งใฝ่ฝันอยากเป็นนักประดิษฐ์ และชอบประดิษฐ์เครื่องร่อน

เฟลิซีมีกล่องดนตรีไว้ดูต่างแม่ เป็นนักเต้นบัลเล่ต์ในท่ายืนขาเดียวหมุนรอบตัวเอง ทุกครั้งที่เธอทำกล่องดนตรีเสียหายหรือแตกหัก ก็จะเป็นวิกเตอร์ที่คอยซ่อมแซมให้เสมอๆ

วันหนึ่งวิกเตอร์ช่วยเฟลิซีหนีออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อเดินทางไปปารีส เธอจะไปเข้าเรียนบัลเล่ต์ที่นั่น ทั้งที่ยังไม่มีแผนอะไรชัดเจน

วันที่เด็กทั้งสองเดินทางมาถึงปารีส หอไอเฟลกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ทำให้เราสามารถระบุเวลาได้ว่าควรเป็นทศวรรษที่ 1880 อันเป็นเวลาที่ กุสตาฟ ไอเฟล กำลังเร่งสร้างหอไอเฟลให้เสร็จทันเวิร์ลด์แฟร์ปี 1889

ด้วยความเซ่อซ่า วิกเตอร์พลัดตกจากสะพานลงไปบนเรือสินค้าที่ล่องมาตามแม่น้ำแซน เขาโบกมือลาเฟลิซีและตะโกนว่ามาพบกันที่นี่เย็นวันพรุ่งนี้นะ

เฟลิซีเหลือตัวคนเดียวในปารีส เธอเดินไปเรื่อยๆ จนค่ำ สายตาก็พบกับ Acad?mie National de Musique คืออาคาร Palais Garnier หรือ Opera de Paris ที่มีชื่อเสียงในวันนี้

นับว่าเธอเดินหลงไปถูกทิศและเดินได้ไกลทีเดียวจึงได้พบ “โอเปร่า”

เฟลิซีเดินเข้าไปสำรวจความหรูหราภายในและได้พบกับ โอเด็ต คนงานทำความสะอาดที่ขาเสียข้างหนึ่ง เฟลิซีถูกไล่ออกจากโอเปร่าไม่มีที่ไปจึงเกาะโอเด็ตแจและขอไปอาศัยอยู่ด้วย

โอเด็ตทำงานเป็นคนรับใช้ของเศรษฐินีเจ้าของร้านอาหารหรูหราที่กำลังจะฝากฝังลูกสาวชื่อคามิลเข้าเรียนบัลเล่ต์ที่โอเปร่า คามิลเป็นคุณหนูที่ถูกเลี้ยงตามใจ หล่อนเหยียดหยามเฟลิซีออกนอกหน้าแล้วโยนกล่องดนตรีของเฟลิซีออกทางหน้าต่างชั้นบน ครั้งนี้กล่องดนตรีตกลงพื้นถนนแตกละเอียด

เฟลิซีปลอมเป็นคามิลไปที่โอเปร่าและได้พบกับนักออกแบบท่าเต้นผู้มีชื่อเสียง เมอรันเต้ ที่กำลังคัดนักบัลเล่ต์รุ่นเยาว์เพื่อรับบทคลาร่าในการแสดงบัลเล่ต์นัทแคร็กเกอร์ เมอรันเต้เป็นคนจริงจังและเข้มงวด เขาประกาศจะคัดเด็กฝีมือไม่ถึงออกวันละ 1 คน จนเหลือสองคนสุดท้ายที่จะได้ประชันกัน

เฟลิซีได้พบกับวิกเตอร์ในวันถัดมาตามสัญญาและขอให้เขาช่วยซ่อมกล่องดนตรีให้อีกแม้ว่าจะดูไม่น่าเป็นไปได้ก็ตาม ข้างวิกเตอร์ก็เล่าว่าเขาได้งานในบริษัทของ กุสตาฟ ไอเฟล แล้วพาเธอไปดูที่ทำงาน คนดูจะได้เห็นเทพีเสรีภาพที่ กุสตาฟ ไอเฟล กำลังสร้างเพื่อที่จะส่งไปเป็นของขวัญให้แก่สหรัฐอเมริกา เท่ากับยืนยันว่านี่คือช่วงหลังของทศวรรษที่ 1880 จริงๆ

ในขณะที่บัลเล่ต์นัทแคร็กเกอร์ของ Maris Pepita เปิดการแสดงครั้งแรกที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในปี 1892

ที่แท้โอเด็ตเคยเป็นบัลเลริน่าที่มีชื่อเสียงของโอเปร่าแต่พบอุบัติเหตุไฟไหม้ทำให้ขาพิการ เธอดูเศร้าสร้อยแต่ก็แข็งแกร่ง เธอยอมรับเฟลิซีเป็นลูกศิษย์เพื่อถ่ายทอดวิชาบัลเล่ต์ที่ถูกต้องให้ นั่นทำให้เฟลิซีรอดพ้นการถูกคัดออกได้ทุกวันทั้งที่ถูกเมอรันเต้ปรามาสเอาไว้ตั้งแต่วันแรก

ฉากฝึกบัลเล่ต์ของเฟลิซีเหมือนดูหนังกำลังภายใน ไม่ทราบว่าเขาฝึกกันอย่างที่เห็นในหนังตามนั้นจริงๆ หรือเปล่า แต่อะนิเมชั่นท่าเต้นต่างๆ ตามที่เห็นนั้นลอกแบบมาตามที่เป็นจริงแม้ว่าจะด้วยความเร็วที่สูงกว่าความเป็นจริง

“Passion is more important than technique,” ความหลงใหลสำคัญกว่าเทคนิค คือสิ่งที่เฟลิซีได้รับการสั่งสอน เพราะในความเป็นจริงแล้วเธอเป็นแค่เด็กกำพร้าที่รักการเต้นในขณะที่เด็กคนอื่นรวมทั้งคามิลได้เรียนและฝึกซ้อมบัลเล่ต์มาเป็นเวลานานกว่าเธอมาก

ไม่ทราบอีกเหมือนกันว่าท่าพื้นฐานของบัลเล่ต์จะเรียนรู้กันได้รวดเร็วอย่างที่เห็นในหนังจริงหรือเปล่า

การต่อสู้กันเพื่อชิงตำแหน่งนักแสดงนำหญิงคือบัลเลริน่าระหว่างนักบัลเล่ต์หญิงสองคนถูกวิจารณ์ว่าเกินจริงและมากไปใน Black Swan หนังปี 2011 ของ นาตาลี พอร์ตแมน กับ วิโนน่า ไรเดอร์ สำหรับหนังการ์ตูนเรื่องนี้เริ่มต้นคล้ายคลึงกันด้วยโทนที่เบากว่ามากเพราะเป็นการ์ตูน

 

และดูเหมือนตอนจบจะเป็นที่ถูกใจนักวิจารณ์มากกว่ามาก

วิกเตอร์สนใจเรื่องการบินตั้งแต่ตอนต้นเรื่อง เขาใช้ปีกที่เขาประดิษฐ์ขึ้นพาเฟลิซีและตัวเองหลบหนีออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขามีหน้าที่คอยซ่อมกล่องดนตรีของเฟลิซีซึ่งเป็นนักบัลเล่ต์หญิงในท่ายกขาข้างหนึ่งหมุนรอบตัวเอง (Fouett?)

ในตอนกลางเรื่อง เมื่อวิกเตอร์พบว่าเฟลิซีปันใจเป็นอื่นเขาก็ไม่สนใจประดิษฐ์อะไรอีก ในขณะที่เฟลิซีก็ถูกขับออกจากโอเปร่าเมื่อถูกเปิดโปงว่าปลอมตัวเป็นคามิลมา

ในตอนจบ เด็กทั้งสองคนจะ “บิน” อีกครั้งหนึ่ง

เฟลิซีจะบินได้อย่างไร ต้องติดตาม มันพีกมาก