ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคม 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | ก่อสร้างและที่ดิน |
เผยแพร่ |
ก่อสร้างและที่ดิน
นาย ต.
อสังหาฯ รายใหญ่
ขายที่ดินปรับพอร์ต
วิกฤตโควิดปี 2563-2564 แม้จะเป็นวิกฤตใหญ่ไม่ต่างไปจากวิกฤตปี 2540 ซ้ำยังกินเวลานานกว่า 2 ปียังไม่จบดี
แต่ผลกระทบกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในระยะสั้นๆ เฉพาะหน้ามีไม่มาก เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นไปตามกลไกอุปสงค์-อุปทานของตลาด
ไม่มีนโยบายผิดพลาดใหญ่หลวงภาครัฐมาซ้ำเติม ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบก็ปรับตัวไปตามภาวะตลาด
ที่น่าสนใจในแวดวงอสังหาฯ คือการปรับตัวของบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ลำดับต้นๆ ของวงการด้วยการขายที่ดินในสต๊อกออกไป
รายแรก บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท รายนี้เติบโตแบบ “ติดจรวด” ด้วยเทคโนโลยีก่อสร้างแบบพรีคาสต์ด้วยโรงงานที่ทันสมัย ทำให้ก่อสร้างบ้านได้เร็วกว่าเท่าตัวของเวลาเฉลี่ยในอุตสาหกรรม มีเป้าหมายกลยุทธ์ธุรกิจ คือเป็นแชมป์ยอดขายสูงสุดของตลาดอสังหาฯ ที่อยู่อาศัย ซึ่งก็ทำได้สำเร็จติดต่อกันเป็นเวลานานหลายปี
การจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว พฤกษาฯ ต้องซื้อที่ดินปีละนับ 100 แปลง เพื่อให้เพียงพอกับการขยายโครงการบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด รองรับการเติบโตและการก่อสร้าง
ผ่านไปช่วงหนึ่งก็จะพบว่ามีบางแบรนด์บางโครงการขายได้ดี บางแบรนด์บางโครงการขายไม่ดีมีบ้านเหลือ และมีที่ดินรอการพัฒนาเหลือ สุดท้ายที่เหลือๆ เล็กๆ น้อยๆ รวมกันจึงมียอดสะสมจำนวนมาก
เมื่อเกิดวิกฤตโควิดระบาด ปิยะ ประยงค์ ซีอีโอคนใหม่ของพฤกษาฯ แต่เป็น “ลูกหม้อ” เก่าตั้งแต่ยุคเริ่มต้น จึงเปลี่ยนกระบวนการใหม่ แยกส่วนของโรงงานผลิตชิ้นส่วนออกไป ใช้ผู้รับเหมาที่เป็นเอาต์ซอร์ซมาแทนการก่อสร้างเอง กลยุทธ์ธุรกิจไม่เน้นยอดขายสูงสุด แต่หันมาเน้นผลกำไร เน้นแบรนด์โครงการที่ขายดีและผลตอบแทนดี
ดังนั้น พฤกษาฯ จึงประกาศขายที่ดินแลนด์แบงก์ที่เตรียมไว้ทำโครงการใหม่ หรือขึ้นโครงการไปบ้างเล็กน้อยออกไป เหลือไว้เฉพาะแปลงที่เหมาะจะทำบางแบรนด์ที่โดดเด่น
อีกรายหนึ่ง บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ที่เพิ่งมีการแถลงข่าว เป้าหมายและกลยุทธ์ธุรกิจปี 2565 เมื่อเร็วนี้
พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟคเป็นอสังหาฯ รายใหญ่ที่ชอบซื้อและสะสมที่ดินแปลงใหญ่มูลค่าสูง ทั้งพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ และใจกลางเมือง ศาณิต อรรถญาณสกุล ซีอีโอและผู้ก่อตั้งผู้ได้รับฉายาว่า แมว 9 ชีวิต เพราะผ่านวิกฤตเศรษฐกิจและธุรกิจมาแล้วหลายครั้ง บอกว่า กลยุทธ์ธุรกิจพร็อพเพอร์ ตี้เพอร์เฟคปีนี้มี 2 เป้าหมายหลัก ได้แก่
1. สร้างความมั่นคงทางการเงินด้วยการลดระดับหนี้ต่อทุน ให้เหลือ 1.2 เท่าจาก 1.7 เท่า ด้วยการขายที่ดิน 2 แปลงย่านรามอินทรา มูลค่า 2,000 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างเจรจากลุ่มค้าปลีกไทย และอีกแปลงที่ดินย่านถนนรัชดามูลค่า 2,000 ล้านบาท อยู่ระหว่างเจรจา 2 ราย ทุนไทยและต่างชาติในธุรกิจประกันชีวิต
ส่วนธุรกิจโรงแรมจะออกกอง RIET “ไฮแอท รีเจนซี่ สุขุมวิท” มูลค่า 4,500 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องและลดหนี้ ทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดหมุนเวียนได้ถึง 8,500 ล้านบาท
2. ร่วมทุนกับพันธมิตรอสังหาฯ ต่างชาติ 3 ราย ได้แก่ ฮ่องกงแลนด์, ซูมิโตโม ฟอร์เรสทรี และเซกิซุย เคมิคอล คาดทำรายได้ 5,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังร่วมทุนในธุรกิจถุงมือยาง ที่จะสร้างรายได้อีก 2,152 ล้านบาทด้วย
บันทึกไว้เป็นหลักฐานเพื่อการเรียนรู้ การปรับกลยุทธ์ธุรกิจแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ 10-20 ปีมีให้เห็นครั้ง ธุรกิจเป็นเรื่องความสามารถในการตอบสนองความต้องการตลาดและความสามารถในการปรับตัวให้สอดคล้องกับตลาด